รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 22
บทที่ 22 คนที่ควรไปอาบน้ำให้สะอาดคือคุณ(2)
“คนเลว คุณคิดว่าคุณเป็นใครหรอ? พรุ่งนี้ฉันก็ลืมคุณหมดแล้ว” เธอโต้กลับแบบไม่ยอม แต่กลับรู้สึกถึงความดุเดือดที่ร่างเธอมากยิ่งขึ้น
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะต้องทำให้เธอจำฉันได้ดีเลยล่ะ ในฐานะผู้ชายของเธอ” เขาใช้นิ้วมือวาดไปที่แก้มเธอ นำพาความเย็นเยียบไปด้วย
จิตใต้สำนึกของเธอนึกอยากจะหนีไป เขาถอยออกในฉับพลัน ขณะที่เธอกำลังหายใจโล่งออกมาเปลาะหนึ่ง เขาจับร่างเธอให้หันมา
ร่างทั้งสองปะทะกัน แต่ละครั้งที่เขาถาโถมเข้ามา ทำให้ตาเธอบวมเป่ง เธอกัดปากแน่นไม่ให้ตนเองได้ส่งเสียงใดเล็ดลอดออกมา เธอรู้สึกถึงความอัปยศที่บังเกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ
เขาวางมือไว้ที่เอวของเธอ คล้ายกับเขาไม่รู้จักพอในตัวเธอ ทำได้แค่ปล่อยให้ตนเองต้องการเธออยู่อย่างนั้น
ด้วยความอ่อนโยนละมุนละไมที่เกิดขึ้น บรรยากาศภายในห้องแผ่ซ่านไปด้วยรสชาติแห่งความเปื่อยยุ่ย
ยามเช้าตรู่ แสงแดดจากหน้าต่างได้สาดส่องลงมาที่เตียง ขนตาของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย ลืมตากว้าง ลุกขึ้นนั่งทันที มองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตกใจ
เรื่องเมื่อวานแล่นเข้าสู่สมอง กลั้นหายใจ รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา เปิดผ้าห่มออก ร่างเธอเปลือยเปล่า เห็นรอยเขียวตามร่างกายเด่นชัดหลายจุด
“พี่ใหญ่ ได้ยินว่าพี่ซ่อนสาวสวยเอาไว้ที่นี่ ให้น้องชายเข้าไปช่วยตรวจดูบ้างดีไหม?” ได้ยินเสียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเสียงเดินอย่างช้าๆใกล้เข้ามา
“จำเป็นต้องไปตรวจดูด้วยหรอ? เธอไม่ชอบพบกับคนแปลกหน้า” เสียงเหนื่อยหน่ายพูดขึ้นมา น้ำเสียงเจือไปด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
“ไอหยา นี่คือการปกป้องงั้นหรอ? แต่ว่า ยิ่งพี่อยากหลบซ่อนมากเท่าไร ผมก็ยิ่งอยากดูมากเท่านั้น”
มีเงาของคนเดินเข้ามา หลินเวยมี่รีบดึงเสื้อผ้ามาใส่ นัยน์ตาดำฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย ประเมินเพ่งดูผู้ชายที่เดินเข้ามา
เป็นชายที่รูปโฉมขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังพินิจเธออยู่อย่างละเอียด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“พี่ใหญ่ พี่เริ่มหันมาชอบแบบผักกาดขาวนี่ตั้งแต่เมื่อไร” เขาขมวดคิ้วย่น ความชอบในแววตาฉายชัด “แต่ ผู้หญิงไร้เดียงสา น่าจะไม่เลวทีเดียว เมื่อไรจะส่งมาให้น้องชายลองบ้าง?”
หลินเวยมี่ฟังถึงตรงนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนสี รีบกวาดสายตาหันไปดูหน้าฉู่เฉินซี .ใบหน้าเขาเรียบเฉย ไม่สนใจไยดีแม้แต่น้อย เธอรู้สึกแน่นที่ใจ ฉู่เฉินซีจะส่งฉันให้ผู้ชายคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ
“ฉันยังไม่ได้เล่นสนุกกับเธอเลย” ฉู่เฉินซีพูดเสียงเบา หันไปมองนัยน์ตาที่เงียบลึกของเธอ ซึ่งมองไม่ออกว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร
แต่ก็ทำให้หลินเวยมี่ถอนใจด้วยความโล่งออกมาได้เฮือกหนึ่ง อย่างน้อยตัวเธอเองก็ไม่ต้องถูกส่งไปให้ใคร เห็นเขาไม่สนใจเธอแม้สักนิดเช่นนั้น อีกทั้งน้ำเสียงของเขาชัดแจ้งว่านำเธอมาเป็นแค่สิ่งของ ไม่ปฏิบัติกับเธอเฉกเช่นคน
แต่ทว่า สำหรับตัวเธอตอนนี้ มันไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะโดยเนื้อแท้เธอกับเขานอกจากเรื่องธุรกิจ ก็ไม่มีข้อพิพาทเรื่องอื่นอีก
แววตาขี้เล่นของเฉินเห้าหมิงพิจารณาดูเธอ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าถึงแม้จะดูไร้เดียงสา แต่นัยน์ตาดำขลับนั้นกลับให้ความรู้สึกล่องลอย
ขโมยใจคนไป สี่คำบรรยายตัวเธอ สายตาของเฉินเห้าหมิงค่อยๆเปลี่ยนไป
หลินเวยมี่รับรู้ได้ถึงสายตานั้น ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กับผู้ชายคนนี้เธอไม่ได้มีความรู้สึกดีด้วย เบิกตากว้างมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหันหน้ากลับมาอีกด้านหนึ่ง
เฉินเห้าหมิงหัวเราะก๊ากออกมา “ผู้หญิงคนนี้น่าเล่นด้วยดีนะ”
“ออกไป ผู้หญิงของฉันตกใจหมดแล้ว” ฉู่เฉินซีไม่ได้มองข้ามสายตาของทั้งคู่ที่มีให้กัน ในใจเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
คล้ายกับสิ่งของของตนกำลังถูกคนอื่นสอดส่อง ไม่ใช่สิ หลินเวยมี่เดิมทีก็เป็นของของเขา
เฉินเห้าหมิงลูบจมูกด้วยความแค้นใจ สีหน้ายังยิ้มไม่เปลี่ยน “พี่ใหญ่ ดูเหมือนพี่จะแคร์ผู้หญิงคนนี้มากนะ หรือเป็นแค่เรื่องไม่คาดคิด?”
ดวงตาของฉู่เฉินซีเย็นชาขึ้นมาแวบหนึ่ง สายตาเหี้ยมมองไปยังเฉินเห้าหมิง โกรธไปทั่วร่าง “เห้าหมิง นายพูดเยอะเกินไปแล้ว”
เฉินเห้าหมิงไม่ได้ถูกเขาใช้สายตาเหี้ยมแบบนี้ด้วยมาก่อน พยักหน้ารับด้วยความโกรธ “ช่างมันเถอะ ตอนนี้สาวสวยอยู่กับอกนาย ฉันจะตั้งใจทำลายมันได้ยังไง”
เขาใช้สายตากวาดไปที่ร่างของหลินเวยมี่อีกครั้ง แสดงความหยอกเย้า แล้วหมุนตัวเดินกลับออกไป
ฉู่เฉินซีไม่ได้เดินออกไปพร้อมกับเขา กลับมายืนพิงอยู่ข้างๆ พินิจมองหลินเวยมี่อย่างละเอียด ท่าทางเหมือนสืบค้นอะไรบางอย่าง ราวกับว่าตัวเธอจะมีอะไรออกมา
“มองพอหรือยัง?” หลินเวยมี่มุ่ยปาก พูดด้วยความไม่พอใจ