รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 230
บทที่ 230 โอบกอด
กลางดึก หลินเวยมี่ยืนมองดูดวงดาวที่ห่างไกลอยู่ตรงระเบียงเงียบๆ เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าตัวเองจะได้มารู้จักกับรั่วหราน และเธอก็ไม่เคยคาดหวังเลยว่าจะได้มีช่วงเวลาวัยเด็กที่ขาดหายไป แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกอิ่มเอมใจมากจริงๆ
“กำลังคิดอะไรอยู่” ฉู่เฉินซีมือหนึ่งถือผ้าขนหนูกำลังเช็ดผมอย่างลวกๆ เดินเข้ามาข้างๆเธอ หลินเวยมี่หันไปมองเขา แล้วส่ายหัว “ฉู่เฉินซี ฉันตอนนี้ยังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่เลย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
“มีอะไรที่ไม่อยากจะเชื่อเหรอ” ฉู่เฉินซียิ้มแล้วโยนผ้าขนหนูทิ้งไปอีกทาง แล้วดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอด เธอแนบชิดเข้าไปในอกเขาอย่างว่าง่าย เสียงนุ่มนวลแผ่วเบา “รู้สึกตื่นเต้นดีใจเกินไปล่ะมั้ง ว่าฉันก็มีคนรักใครเอ็นดูเหมือนกัน”
“เด็กโง่” ฉู่เฉินซีจูบหน้าผากของเธอเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความรัก
เวลานี้ภายในใจของหลินเวยมี่กลับมีความรู้สึกตื่นตระหนก กลัวจริงๆว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเพียงแค่เมฆหมอก ที่จะหายลับไป และยิ่งกลัวว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็จะไม่เหลืออะไรเลย
Elisยืนอยู่ตรงทางเดินเงียบๆ สายตาค่อยมองไปทางห้องของฉู่เฉินซีเป็นระยะๆ มุมปากค่อยๆยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“Elis ดึกขนาดนี้แล้วเธอมาทำอะไรตรงนี้” ฐาลี่เปิดประตูออกมาแล้วขมวดคิ้วถาม
Elisยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เดินเข้าไปหาฐาลี่ “พี่คะ พี่เห็นหลินเวยมี่กับฉู่เฉินซีอยู่ด้วยกันไม่รู้สึกเสียใจบ้างเหรอคะ”
ฐาลี่ขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าข้างในจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องพูดออกมา ในเมื่อทั้งสองคนก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วเธอจะยังทำอะไรได้อีก
“เธอหมายความว่ายังไง”
“พี่คะ ฉันก็แค่อยากเห็นพวกพี่ดีกัน” Elisจับมือเธอ ในแววตาเผยความจริงใจ “ถึงแม้ว่าฉันจะชอบสู้กับพี่ในทุกๆเรื่อง แต่พวกเราก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ฉันอยากจะเห็นพี่ได้อยู่กับเฉิน”
“Elis อีกไม่กี่วันพี่ก็ต้องแต่งงานกับฉู่ชิ่งเจ๋อแล้ว เธออย่าได้ไปก่อเรื่องอะไรเข้านะ กว่าพวกเขาจะมีวันนี้ได้ก็ต้องผ่านอะไรมามากมาย มันยากลำบากมากนะ” ฐาลี่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วตบบ่าElis “Elis เรียนรู้ที่จะเติบโตหน่อย อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองยังไงมันก็ไม่ใช่ จะแย่งชิงยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
Elisมองดูฐาลี่ที่เดินจากไปไกล ดวงตาเผยแววเย็นชา ถ้าไม่ต่อสู้แล้วจะได้ของที่ตัวเองอยากได้มาได้ยังไงกัน
อีกอย่างไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่พอใจที่หลินเวยมี่ได้ครอบครองฉู่เฉินซีอยู่ดี ฉู่เฉินซียอดเยี่ยมขนาดนั้น ก็ต้องคู่ควรกับคนที่ยอดเยี่ยมกว่าถึงจะถูก และหลินเวยมี่ก็ไม่มีคุณสมบัตินั้น
รุ่งเช้า แสงอาทิตย์ส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามา กระทบลงบนตัวของคนที่กำลังโอบกอดกันอย่างแนบแน่น แก้มเล็กๆของหลินเวยมี่แนบอยู่บนแผ่นอกเขา สีหน้าเปี่ยมสุข
ขนตากระตุกทีหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆลืมตา เงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินซีหนึ่งที เผยรอยยิ้ม แล้วค่อยๆขยับขึ้นไปหอมหนึ่งที
“เด็กที่แอบกินขนมจะต้องถูกลงโทษนะ”
หลินเวยมี่ถูกทำให้ตกใจกะทันหัน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกฉู่เฉินซีเบียดทับ แล้วดูดดื่มอย่างร้อนแรงชุดหนึ่งก่อนจะจากไปอย่างพึงพอใจ
“นี่นายแกล้งหลับเหรอ” หลินเวยมี่เบ้ปากแล้วพูดขึ้น
ฉู่เฉินซียิ้มพร้อมกับดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ปิดตาลง น้ำเสียงเจือไปด้วยความเกียจคร้าน “ฉันเปล่า ฉันถูกจูบของเธอปลุกให้ตื่นต่างหาก”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันทำเบาจะตาย”
“แล้วเธอไม่ได้จูบฉันหรือไง”
“ก็จูบ”
“อืม นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วไม่ใช่เหรอ” ฉู่เฉินซีหาวออกมายาวๆหนึ่งที หรี่ตามองใบหน้าเล็กที่ทำหน้าหงุดหงิดอยู่ตรงหน้า ก่อนเอ่ยถาม “เธอเป็นอะไรไปอีก ทำไมถึงทำท่าเหมือนกำลังข้องใจอะไรบางอย่างแบบนั้น”
“คนหื่นกาม” หลินเวยมี่กลับหลังหันให้เขาอย่างเคืองๆ
ฉู่เฉินซีขำออกมาแล้วขยับเข้าไปใกล้ แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ
“ถ้าไม่หื่นใส่เธอ ก็ให้เธอเรียกเสียเปล่าน่ะสิ” เขาหัวเราะเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเผยแววขี้เล่น มือใหญ่ล่วงล้ำเข้าไปในชุดนอนของเธอ
เขาขี้เล่นมาก และควบคุมตัวเองได้เก่ง แล้วก็เอาแต่ลูบไล้ไปมาอยู่อย่างนั้น
“ฉู่เฉินซี หยุดเล่นได้แล้ว” หลินเวยมี่จับมือของเขาไว้ ไม่ปล่อยให้เขาขยับตามใจอีก ราวกับมือของเขากำลังสไลด์อยู่กลางใจของเธอไม่หยุด ทำให้ภายในใจของเธอรู้สึกคันยุบยับ
“เวยมี่ ฉันไม่ได้เล่น” ฉู่เฉินซีเขยิบเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม ดันตัวเธอ แล้วถึงเปิดปากด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เวยมี่ เธอไม่รู้เหรอว่าตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชายเติบโตมากที่สุด เธอยังจะทำแบบนั้นอีก”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” หลินเวยมี่ตอบกลับทันควัน อีกอย่างเธอก็แค่จูบไปทีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเขาเสียหน่อย
“ไม่ว่ายังไงเธอก็จุดไฟของฉันแล้วนะ เธอต้องรับผิดชอบดับไฟด้วย” เมื่อพูดจบฉู่เฉินซีก็ทิ้งตัวนอนลงไปอีกทาง สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“ฉันไม่สนหรอก….” หลินเวยมี่กำลังคิดจะหนีไป ยังไม่ทันได้หรือ ก็ถูกเขาดึงกลับมา
“ไม่สน? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะทำให้เธอลงมาไม่ได้เลย คิดให้ดีว่าเธอจะมาเอง หรือว่าจะให้ฉันมา” ฉู่เฉินซีข่มขู่และกัดใบหูเธอเล่น น้ำเสียงชั่วร้าย
ใบหน้าเล็กๆของหลินเวยมี่มีท่าทางหดหู่ หันตัวกลับไปหาฉู่เฉินซี สีหน้าไม่พอใจ
ฉู่เฉินซีดันผ้าห่มทิ้งไปอีกทาง ในชุดนอนสีฟ้าตัวหลวมสามารถมองเห็นความชูชันของเขาได้อย่างชัดเจน
ความใหญ่โตนั้นกำลังแสดงตัวต่อหน้าตัวเธอ
หน้าเล็กๆของเธอกลายเป็นสีแดง ขยับเข้าไปใกล้ “ฉู่เฉินซี นายนี่มัน…..”
“ทำไมเหรอ” เขาหรี่ตา มองดูเธออย่างขบขัน
หลินเวยมี่ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งแต่ไม่ได้ตอบอะไร มือเล็กแกะชุดนอนของเขาออก
รูปร่างของเขาไร้ที่ติจริงๆ ทั้งๆที่ดูไปแล้วก็ไม่ได้อ้วน แต่กลับสมส่วนทุกอย่าง
“ทำไม พึ่งรู้ว่ารูปร่างฉันดีเหรอ” เขาทำสายตาล้อเลียน
หลินเวยมี่ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง มือเล็กลูบไล้ขึ้นไป ข้างๆหูมีเสียงหอบหายใจของฉู่เฉินซีดังขึ้น
“มารน้อย….” เขาหรี่ตา เปลวไฟในดวงตาลุกโชนขึ้น ราวกับจะแผดเผาเขา
หลินเวยมี่เม้มปาก หลุบตาลงเล็กน้อย ชักขึ้นลงอย่างระมัดระวัง เชื่องช้าแต่หนักแน่น ลมหายใจของเขาเริ่มไม่เป็นจังหวะ
หลินเวยมี่อุทานออกมา เสียงอุทานยังไม่ทันได้ออกมาหมด ก็ถูกเขากดให้อยู่ในลำคอ จูบอันเร่าร้อนของเขาโถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง นำพาความเอาแต่ใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเข้ามาด้วย
มือเล็กของหลินเวยมี่ไขว่คว้าควานหาอ้อมกอดเขา เหมือนกำลังตอบรับเขา
ทั่วทั้งร่างราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน คอยกระตุ้นประสาทสัมผัสของเธอ
เขากัดเบาๆชุดหนึ่งอีกครั้ง ถึงได้เงยหน้าขึ้นมองผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจ นิ้วมือแนบลงบนสตรอเบอร์รี่ที่เขาปลูกไว้ ราวกับกำลังทำสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ว่าเป็นของเขา
“เธอนี่บอบบางจริงๆ” เสียงแหบพร่าดังขึ้น เจือไปด้วยแววขบขันอยู่ในนั้น
“คน ร้าย” หลินเวยมี่หรี่ตามองเขา แววตาถูกบดบังด้วยความสับสน แล้วยังเจือไปด้วยสีชมพูระเรื่อ ที่มองแล้วช่างเย้ายวนใจ
จูบของเขาซาบซ่านราวกับขนห่านที่หล่นกระทบลงบนตัวเธอในทุกๆส่วน ราวกับจะทำให้ทุกส่วนของเธอถูกแต่งแต้มไปด้วยกลิ่นอายของเขา
มือของเขาค่อยๆรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ลึกลับ หลินเวยมี่รีบปิดไว้มิดไม่ให้เขาได้รุกล้ำเข้ามา
เขารุกล้ำเข้าไปทั้งตัว ลิ้มรสสัมผัสที่สวยงามของเธอ
ช่องแคบของเธอร้อนผ่าวทำให้ฉู่เฉินซีต้องครางออกมาด้วยความสบาย มือใหญ่กดเอวของเธอเอาไว้ แล้วใช้แรงขยับ ให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม
หลินเวยมี่เม้มปากแน่น บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อบางๆ ตาทั้งคู่หรี่มองไปที่เขา ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อ ช่างดูมีเสน่ห์เหลือเกิน
ฉู่เฉินซียื่นมือคว้าหมอนใบหนึ่งมารองไว้ใต้เอวเธอ ด้วยท่านี้ทำให้ทั้งสองคนยิ่งแนบชิดกันขึ้นไปอีก
“ให้ฉันได้ยินเสียงเธอนะ เด็กดี” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า
หลินเวยมี่ค่อยๆหรี่ตา หน้าแดงแล้วมองไปที่เขา แต่ก็เชื่อฟัง เสียงครางเบาๆออกมาจากปากของเธออย่างอ้อยอิ่ง อบอวลไปทั่วห้องอันกว้างขวาง
ความเสน่ห์หายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อุณหภูมิภายในห้องค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นความร้อน
ตามด้วยเสียงคำรามเสียงหนึ่ง มือใหญ่คว้าออกไป ดึงเอาหลินเวยมี่ที่อ่อนระทวยไปทั้งตัวเข้ามาสู่อ้อมกอด
ค่อยๆหย่อนตัวเธอลงในอ่างอาบน้ำ มือใหญ่ลูบไล้ไปบนตัวเธออย่างลวกๆ
“นายไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันอาบเอง” สีแดงระเรื่อบนใบหน้าของหลินเวยมี่ยังไม่ได้จางไป เสียงกระซิบแผ่วเบา
ฉู่เฉินซีสีหน้าเคร่งตึง หลินเวยมี่สีหน้านิ่งอึ้ง รีบหดมือกลับมา “ไปอาบน้ำเย็นข้างๆซะ”
“ทำไมเธอถึงได้ใจร้ายขนาดนี้” ฉู่เฉินซีบีบแก้มเล็กๆของเธอ แต่ภายในแววตากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่