รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 24
บทที่ 24 เมื่อก่อนเธอชอบแบบนี้เป็นพิเศษ(2)
หลังจากที่โทรศัพท์ดังได้ไม่ถึงห้าครั้ง ในที่สุดเธอก็รับสายอย่างไม่กระตือรือร้น
“เธอมันสมควรตาย ! เธอตั้งใจไม่รับโทรศัพท์ฉันใช่หรือไม่? ” น้ำเสียงโมโหของฉู่เฉินซีลอยตามสายมา
ดวงตาของหลินเวยมี่ฉายแววยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบอธิบาย “เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังต่างหาก ฉันเพิ่งถึงถนนหย่งคาง กำลังจะไปซื้ออาหารเช้าให้”
บางทีน้ำเสียงอันนอบน้อมของเธอได้ผล อารมณ์โกรธของฉู่เฉินซีก็ไม่ได้ร้อนขึ้นเท่าไรแล้ว
“ดี ฉันให้เวลาเธอกลับมา 15 นาที ถ้าเธอไม่กลับมาล่ะก็ หึหึ เธอก็น่าจะรู้ผลที่ตามมานะ” วางหูโทรศัพท์ดังแกร๊ก ตัดบท
มุมปากของหลินเวยมี่ยกขึ้น น้ำเสียงโมโหอีกแล้วนะ ตาผู้ชายสมควรตายคนนี้นี่ นอกจากอารมณ์โมโหนี่ไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นบ้างหรือ ?เธอขมวดคิ้วย่น เดินออกไปด้านนอก
ด้านนอกแดดแรงมาก เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดจะเดินไปฝั่งตรงข้าม แต่เพิ่งเดินออกไปได้แค่ก้าวเดียว ก็ได้ยินเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ ขี่มาด้วยความเร็วสูง พอถึงตอนที่เธอมองเห็น ก็ไม่สะท้อนภาพใครแล้ว ตะลึงงันเซ่อให้รถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าชนเธอ
แต่เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ เหมือนกับว่าก็มองไม่เห็นหลินเวยมี่เช่นกัน ไม่ยอมเบรกรถแต่กลับยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นไปอีก
เสียงเบรกเอี๊ยดดังแสบแก้วหูตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังขึ้น หลินเวยมี่แค่รู้สึกว่าเหมือนโดนโยนออกไปอย่างแรง เธอล้มลงไปกองที่พื้น ศีรษะว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง
“เสี่ยวชี เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
เสียงตะโกนเรียกอย่างร้อนใจดังขึ้น หลินเวยมี่เบิกตาโพลงด้วยความตะลึงงัน แต่กลับมองไม่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเลือนไปชั่วขณะ ใช้แรงกระพริบตาถี่ๆ ภาพก็ชัดเจนขึ้น
“เสี่ยวชี ตื่นขึ้นมาสิ” แก้มถูกตบเบาๆ หลินเวยมี่รู้สึกตัวดีขึ้น
เธอได้ยินแล้ว มีคนกำลังเรียกชื่อเล่นของเธอ ชื่อเล่นนี้มีแต่เขาคนเดียวที่รู้ เสี่ยวจื๋อ….
หลินเวยมี่ลืมตาทั้งสองข้าง เห็นสีหน้าร้อนใจของกู้จุนเฟิงอยู่ตรงหน้า รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา มองด้วยความหวาดกลัวไปที่เขาชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ออกมา ร้องไห้เสียงดัง
เธอร้องไห้แบบนี้ทำให้กู้จุนเฟิงถึงกับเงียบไป โล่งไปเปลาะหนึ่ง กอดเธอไว้แนบ “ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
หลินเวยมี่พิงอยู่ที่อกของเขา ความรู้สึกสงบถาโถม รู้สึกเหมือนได้พบญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“ให้ฉันดูหน่อยว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนมั้ย ” กู้จุนเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ ปล่อยตัวเธอออก
เธออยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงมาก เสื้อตรงหัวไหล่ขาดออกเป็นแนวกว้าง เผยให้เห็นผิวขาวเนียน กางเกงก็ขาดตรงหัวเข่า เลือดไหลออกมา
อย่างเด่นชัด หลินเวยมี่ก็สังเกตเห็นความกระเซอะกระเซิงของตนเอง ใบหน้าเล็กนั้นแดง พูดอย่างเก้อเขิน “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“อ้อ ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแผลแค่ที่ด้านนอก” พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดามาก ราวกับไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับแสดงออกถึงความรู้สึกลึกๆอยู่ภายในดวงตาดำขลับคู่นั้น
เรื่องเมื่อสักครู่จริงๆแล้วมันคือความเจตนาของคนๆนั้น เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าต้องเป็นแค่หลินเวยมี่ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ดึงเธอขึ้นมาแล้วล่ะก็ เขาเกรงว่าหลินเวยมี่จะ….
คิ้วของเขายิ่งขมวดแน่นมากขึ้น เป็นใครกันนะที่คิดอยากทำร้ายเธอ?
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อได้ยินที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่สนใจมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดภายในใจอย่างไม่คาดคิด หน้าเสียเล็กน้อย ผลักเขาออกไปด้วยความโกรธ “ฉันมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะ”
เธอพยายามลุกขึ้นมา เดินไปยังฝั่งตรงข้าม ไม่ได้นึกถึงสภาพกระเซอะกระเซิงบนร่าง กลับยืนขึ้นต่อหน้ากู้จุนเฟิงทั้งสภาพกระเซอะกระเซิงแบบนั้น ไม่ได้เข้าถึงความเป็นห่วงของเขาแม้แต่น้อย
กู้จุนเฟิงมองหลินเวยมี่ นัยน์ตาฉายแววเอ็นดู ดึงมือเธอขึ้นมา “เธอไปไหนฉันจะไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก” หลินเวยมี่สะบัดมือเธอออกด้วยความหดหู่ใจ ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโมโห เป็นความรู้สึกโกรธที่ไม่สามารถบรรยายได้
“อย่าโกรธน่า” เขาดึงมือเธอไว้ โอบเธอแนบอกเบาๆ ย่นคิ้วพลางมองแผลที่ปากเธอ “ฉันพาเธอไปโรงพยาบาลทำแผลสักหน่อยดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก แผลเล็กแค่นี้ไม่จำเป็นหรอก ” หลินเวยมี่พูดพลางยักคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ แผลเล็กแค่นี้สำหรับเธอถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ตอนที่ยังเด็กมักถูกน้าหรานลงโทษเป็นประจำ ดังนั้นสำหรับเธอแค่นี้ถือว่าเป็นแผลเล็ก
กู้จุนเฟิงดึงดันที่จะดึงมือเธอเอาไว้ สายตายิ่งแสดงออกถึงความห่วงใย เธอต้องโดนรังแกมามากแค่ไหนกันจนสามารถพูดเช่นนี้ได้?
“อย่าลืมนะ ว่าตอนนี้เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” เขาดึงมือเธอไว้พลางพูด ใช้มือลูบไปมาที่หัวเธอเบาๆ
หลินเวยมี่รู้สึกแดงตั้งแต่หน้าจนถึงคอ เคอะเขินจนทำอะไรไม่ถูก เธอมองเขาอย่างว่างเปล่า ชั่วพริบตาเดียวที่เธอได้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปตอนที่ยังเป็นเด็ก
เพียงแค่เสี่ยวจื๋อของเธอมายืนให้เห็นเด่นชัดอยู่ตรงหน้า แต่กลับรู้สึกห่างไกล เหมือนกับว่าไม่สามารถย้อนกลับไปหาช่วงเวลาเหล่านั้นได้อีกแล้ว
ถอนหายใจลึกออกมาเฮือกหนึ่ง จริงๆแล้วเวลาคือการออกแรงฆ่าหมู เพราะไม่ว่าอะไรก็สามารถค่อยๆสูญหายไปตามกาลเวลา
“ปะ ไปกัน ฉันจะพาเธอไปรับยา” กู้จุนเฟิงพูดพลางดึงมือเธอ ไปยังที่จอดรถข้างๆ หลินเวยมี่ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ สายตามองลงไปที่ตัวเขา พลางคิดว่าถ้าหากได้เดินด้วยกันตลอดไปแบบนี้ก็คงดี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดังแหวกความเงียบระหว่างคนสองคน
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์ออกมา สีหน้าชะงักไปหน่อยหนึ่ง บนหน้าจอปรากฏชื่อของฉู่เฉินซี เธอเห็นเบอร์บนหน้าจอแล้วก็รู้สึกงงงวย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรไปพักหนึ่ง
“เพื่อนหรอ?” กู้จุนเฟิงหันกลับมา ถามเสียงเรียบ คลายมือออกจากเธอ สีหน้าเปลี่ยนแบบไม่สามารถคาดเดาได้
โดยไม่ลังเลสักนิด หลินเวยมี่วางโทรศัพท์ลง ปิดเครื่องเรียบร้อย “ไม่ใช่หรอก”
แต่ไหนแต่ไรมาฉู่เฉินซีไม่ใช่เพื่อนของเธอ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ใจของเธอกลับรู้สึกกระวนกระวาย