รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 240
บทที่ 240 รักฉันเชื่อใจฉัน
แรงของเขาใหญ่มาก และก็ได้กระแทกเข้ามาในส่วนลึกของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
หลินเวยมี่จึงครางเบาๆ จากน้้นคิ้วของเธอก็ขมวดคิ้วเป็นปม ฉู่เฉินซีไม่เคยทำแบบนี้กับเธอ เธอจึงทำตัวเกร็งและไม่อยากจะบรรเลงเพลงรักต่อ
ฉู่เฉินซีกลับใช้มือใหญ่ๆอดเอวของเธอไว้ เพื่อไม่ให้เธอขยับ จากนั้นก็ทำสีหน้าเย็นชาและไม่มีเผยสีหน้าอื่นใดเลย
“เจ็บ” หลิวเวยมี่ร้องทุกข์ออกมาอย่างลำบาก ใบหน้าเรียวเล็กเต็มไปด้วยเหงื่อ
ฉู่เฉินซีหัวเราะเสียงอ่อนเพียงครั้งเดียว กลับไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ แล้วทำท่าทางของตัวเองต่อ จากนั้นก็พุ่งชนเข้าไปไม่หยุด เหมือนกำลังของเขาไม่มีจุดสิ้นสุด
หลินเวยมี่เจ็บจนต้องหายใจเข้าปอดลึกๆ มือเล็กๆของเธอจับเสื้อของเขาไว้ ทว่ายิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้ฉู่เฉินซีเร่าร้อนกว่าเดิม
“เฉิน เบาๆหน่อย เบาๆหน่อย” หลินเวยมี่อ้อนวอนด้วยน้ำตา
เหมือนเขาจะเห็นน้ำตาของเธอ จากนั้นจึงได้หยุดลง แล้วใช้ปลายมือเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ยัยตัวร้าย ผมจะทำยังไงกับคุณดี”
น้ำเสียงของเขาเหมือนอะไรไม่ถูก จากนั้นก็ก้มหน้าลงหอมแก้มของเขา แล้วพูดคำว่าขอโทษออกมาไม่หยุด
หลิวเวยมี่กอดเขาไว้เบาๆ จากนั้นก็สูดอากาศเข้าจมูกด้วยความอึดอัดใจ แล้วถามด้วยเสียงแหบพร่า “คุณเป็นอะไรกันแน่?”
ฉู่เฉินซีไม่ตอบกลับ จากนั้นก็ใช้ท่อนล่างของเขากระแทกเข้าไปในตัวเธอต่อ ทว่าท่าทางของเขากลับอ่อนโยนลงไปมาก
เขาไม่สามารถทำจนทำให้เธอเสียน้ำตา และไม่สามารถมองคิ้วขมวดที่แสนเจ็บปวดของเธอ ผู้ชายก็มักจะใจอ่อนกับเรื่องพวกนี้เสมอ
มือใหญ่ๆของเขากดเอวของเธอไว้ ใบหน้าหยดย้อยลงมาด้วยหยาดเหงื่อ จากนั้นก็ค่อยๆกลายเป็นหยดน้ำที่แสนงดงาม เสียงของเธอส่งเข้ามาหูของเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความรุ่มร้อนใจ
เขารู้ ชาตินี้เขาคงจะแยกจากกับยัยตัวร้ายคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป
“ช้าหน่อยๆ” เธอหายใจหอบหืบ ใบหน้าเล็กๆนั้นแดงก่ำเกินไป เธอรู้สึกท่อนล่างรุ่มร้อนเกินไป ทำตัวของเธอไม่มีทาง
ฉู่เฉินซีถูกความรู้สึกอ่อนโยนนั้นครอบงำ เขาจึงค่อยๆอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินไปในห้องนอน ทั้งสองก็ไม่ได้แยกออกจากกัน แต่กลับบรรเลงเพลงรักไปตามจังหวะของเขาต่อ
ทั้งตัวของเธอไร้เรี่ยวแรงแล้วนอนอยู่บนเรือนร่างของเขา กลับทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอายสุดขีด อึดอัดจนไม่กล้ามองหน้าของเขา
เขาจึงค่อยๆวางเธอลงบนเพียง แล้วกดตัวเธอลงไป จากนั้นก็ยินเสียงของเธอดังขึ้นข้างหู “ตอนนี้ตราฉัน”
เธอไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป จากนั้นก็หลับตา แล้วก็ขยับไปตามจังหวะของเขาแล้วกระแทกเข้ามาในตัวเอง และเธอก็สัมผัสถึงอุณหภูมิของเขา
ตลอดทั้งคืน เขาเหมือนโหยหายความต้องการอย่างไม่มีขีดจำกัด เหมือนกำลังจะเอาเป็นเอาตายกับเธอ กลับกลายเป็นวิธีที่ทรมานเธอ แล้วไม่สนใจว่าเธอจะร้องขอให้อภัยมากแค่ไหน
วันที่สอง ทั้งเรือนร่างของเธอทั้งเพลียทั้งล้า และเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วรู้สึกเมื่อยเอวมากๆ พอนึกถึงเมื่อคืนที่พวกเขาสองคนทำอะไรกัน ใบหน้าเล็กๆของเธอจึงแดงไปถึงคอทันที
ฉู่เฉินซียังนอนอยู่ เธอหันเรือนร่างของเขาไปมองใบหน้าของเขา เขาหลับตาอยู่ ใบหน้าของเขาเผยความอ่อนโยนออกมาตลอดเวลา ทำให้ไม่เห็นถึงความโหดเหี้ยมที่ซึ่งเป็นสีหน้าปกติของเขาเลย
เธอจึงพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีพยุงตัวเองให้นั่งลง จากนั้นก็เปิดผ้าห่มออก แล้วจึงเห็นรอยซ้ำตามเรือนร่างของเธอที่เห็นได้ชัด ใบหน้าของเธอมองคนบางครั้งที่กำลังหลับสนิทอย่างโมโห
“ไอ้สารเลว!”
เธอก่นด่าด้วยเสียงต่ำ และเดินไปในห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็อาบน้ำ ตอนนี้เธอกลับมาอีกครั้งเขาก็ตื่นนอนแล้ว
มือของเขาจับหัวไว้ แล้วมองเธอด้วยความเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็กระตุกยิ้มอันเจ้าเล่ห์พลางหรี่ตาลงเพื่อเผยสายตาอันขี้เกียจออกมา
“ตื่นเช้าขนาดนี้เลย?” เสียงที่เปล่งออกมาจากจมูกนั้น เต็มไปด้วยอาการขี้เกียจ
หลินเวยมี่เงยหน้ามองเขา ใบหน้าเล็กๆของเธอเผยความไม่อยากสนใจเขา จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าตู้เสื้อผ้า เพื่อที่จะเลือกเสื้อผ้า
ข้างหลังของเธอจึงเหมือนมีอะไรนุ่มๆมาแตะโดน เรือนร่างทั้งเรือนร่างของเขาเข้ามาแนบชิดกับเธอ แล้วถามด้วยเสียงเบา “ทำไม? คุณยังโกรธผมอีกหรอ?”
หลินเวยมี่จึงตบมือของเขาออก จากนั้นก็หันไปมองเขา “ฉู่เฉินซี คุณมันสารเลว!”
เขามองตรงหน้าอกของเธอที่เต็มไปด้วยรอยซ้ำสีม่วงเขียว นัยน์ตาเปล่งประกายออกมาซึ่งความรู้สึกผิด จากนั้นก็ดึงตัวเธอมาในอ้อมกอดพลางจูบเธอด้วยอย่างดุเดือด
“ขอโทษ ที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว”
หลินเวยมี่ไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว และรู้สึกเมื่อยเอวอย่างรุนแรง แล้วยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ลุกขึ้นมา
“ใครจะไปรู้ว่าคุณเกิดบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ”
ฉู่เฉินซีไม่พูดไม่จา จากนั้นกระชากผ้าเช็ดตัวของเธอออก แล้วเห็นมีรอยซ้ำทั้งเรือนร่าง ในใจลึกๆก็ยิ่งรู้สึกผิด จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วพึมพำขึ้นด้วยเสียงค่อย “เจ็บมากใช่ไหม?”
หลินเวยมี่พึมพำเพียงไม่กี่คำก็ไม่ได้สนใจเขาอีก จู่ๆก็รู้สึกมีอะไรอุ่นๆแนบชิดกับเรือนร่างของเธอ เธอจึงก้มหน้าลงแล้วเห็นเขากำลังจูบรอยช้ำของเธออยู่
แก้มของแดงจึงแดงขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ผลักศรีษะของเขาออก “นี่คุณตั้งใจจะดูดหน้าอกของฉันใช่ไหม?”
“ที่นั่นของคุณผมไม่ได้ดูด?” เขายิ้มด้วยเสียงเบา จากนั้นก็จูบเธอด้วยความเร่าร้อน
หลินเวยมี่เกร็งและไม่กล้าขยับ มือเล็กๆของเธอจับผ้าปูไว้แน่นๆ “ไม่ต้องแลว้ ฉู่เฉินซี คุณอย่าทำแบบนี้ต่อเลย”
เธอกลัวเขาจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าเขาอยากกินเธออีกครั้งไหม เธอไม่มีแรงเลยสักนิด
เขากดตัวเธอลง นัยน์ตาสีนิลของเขากำลังสังเกตมองเธอ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ระหว่างนั้น หลินเวยมี่สัมผัสได้ถึงความประสงค์ร้ายของเขา เธอจึงขยับตัวเองด้วยความไม่สบายใจ เพื่อที่จะหลบเลี่ยงเขา
“หลบทำไม?” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า แล้วกระตุกมุมปากขึ้นพลางเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมา ดูแล้วร้ายกาจมากๆ
หลินเวยมี่หายใจไม่สะดวกเล็กน้อย “ฉู่เฉินซี ฉันเหนื่อยแล้ว คุณลงไป ฉันไม่โทษคุณแล้ว”
ฉู่เฉินซีมองท่าทางของเธอ จากนั้นก็พลิกตัวมานอนอยู่ข้างเธอ มือใหญ่ของเขาดึงเธอไปอยู่ในอ้อมกอด
ใบหน้าของเธอแนบชิดกับเขา ลมหายใจที่แผ่วร้อนคอยปล่อยออกมาไม่หยุด ทำให้ไฟใต้ดวงตาของเขายิ่งอยู่ยิ่งก็ลุกโชนอย่างแรงมากขึ้น
จากนั้นก็จับมือของหลินเวยมี่ไว้
ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ในใจจึงกัดหน้าอกของเขาไว้ด้วยความโกรธ
“คุณอยากจะยั่วผม?” เขาหัวเราะเสียงเบา น้ำเสียงมีความสุขมาก
“คุณคิดมากไปแล้ว” เธอตอบกลับด้วยเสียงไม่พอใจ ในใจลึกๆก็ได้คาดเดาว่าเขาเป็นอะไรอีกแล้ว หรือว่าเธอใส่เสื้อเชิ้ตออกไปแล้วถูกคนอื่นเห็น ดังนั้นจึงโมโหอีกรอบ?”
นี่เขางกเงินไปหรือเปล่า
ฉู่เฉินซีไม่พูดไม่จา แล้วทำเป็นไม่สนใจพลางถามขึ้น “เวยมี่ คุณไปเยี่ยมฐาลี่แล้วเจอคนอื่นใช่ไหม?”
หลินเวยมี่จึงอึ้งเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตอบกลับ เสียงของเขากลับเลือดเย็นและเต็มได้ด้วยการตักเตือน “คุณจ้างคนสะกดรอยตามฉัน?”
เขาขยี้ผมของตัวเองด้วยความเจ็บปวดพลางส่ายหัว “เปล่า”
หลินเวยมี่จึงได้ปล่อยมือออกจากนั้นก็จับจ้องเขาด้วยการตักเตือน พลางถามด้วยเสียงเรียบ “เปล่า? ตั้งแต่ที่ฉันกลับมาคุณก็ไม่ปกติแล้ว ฉันไปเจอกู้จุนเฟิงจริง ถ้าคุณไม่เชื่อใจ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด ยังไงความสัมพันธ์ของเรา ฉันก็ได้อธิบายกับคุณตั้งนานแล้ว”
หลินเวยมี่ลงจากเตียงด้วยความโกรธเคือง เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าฉู่เฉินซีจะโกรธเธอเพราะว่ากู้จุนเฟิง
ตั้งแต่ห้าปีก่อนเธอก็ได้ตัดสินใจเลือกระหว่างกู้จุนเฟิงกับเขาแล้ว หรือว่าห้าปีหลังก็ต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้อีก? เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจกว้าง และไม่สามารถอดกลั้นความโกรธไว้ได้ และไม่สนใจอะไรได้
ฉู่เฉินซีจับแขนของเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เวยมี่ ผมแค่ไม่อยากให้พวกคุณเจอกันอีก”
“คุณยังไม่มั่นใจในตัวเองอะไรอีก? ฉันก็ได้เลือกคุณตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ?” หลิวเวยมี่จึงสวนกลับด้วยเสียงเรียบและนัยน์ตาที่แดงระเรื่อ “หลายปีก่อนฉันก็เลือกคุณไปแล้ว ตอนนี้ยังจะเอาเรื่องนี้มาชวนทะเลาะอีกหรอ? ฉู่เฉินซี คุณเชื่อใจฉันน้อยขนาดนี้เลยหรอ?”
แต่ละคำพูดของหลินเวยมี่เหมือนเป็นคมดาบที่แทงใจของเขา จริงๆเขาก็คิดอย่างรอบคอบ ทว่าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเห็นหน้าหลินเวยมี่จึงใช้วิธีของตัวเองไปลงโทษเธอแบบนี้
เขามันสารเลวจริง สารเลวมาก!
ในห้องเต็มไปด้วยบรรยาศที่เงียบกริบ จากนั้นก็ส่งกลิ่นแห่งบทเพลงรักที่บรรเลงกันอีกเร่าร้อนตอนเมื่อวานมา ทว่ากลับทำให้เขารู้สึกตลก
หลินเวยมี่จึงเช็ดน้ำตาตัวเอง แล้วหันไปมองเขาด้วยสายตาที่เลือดเย็น
“ฉู่เฉินซี รักฉันก็ต้องเชื่อใจฉัน”
ฉู่เฉินซีกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ ในใจรู้สึกเจ็บปวดจุกๆ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยพูด “เวยมี่ เราแต่งงานกันเถอะ”
หลินเวยมี่ไม่ได้ตอบกลับใดๆ ยังคงพิงอยู่กลางอกของเขาอย่างเงียบๆ น้ำตากำลังแผดเผาผิวหนังของเขาอยู่
ฉู่เฉินซีได้กลิ่นอายของเธอ นัยน์ตาจึงลุ่มลึกจนไม่เห็นก้นท้าย ไม่ใช่เพราะว่าไม่มั่นใจในตัวเองทั้งหมด แต่เพราะว่ารักและแคร์เธอมากเกินไปต่างหาก
อาจจะเป็นเพราะว่าแคร์เธอเกินไป ดังนั้นจึงทำให้เป็นแบบนี้ จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ง่ายที่สุดในการผูกมัดเธอไว้ และผูกมัดเธอไว้ตลอดไป
“ฉู่เฉินซี ครั้งนี้อย่าได้หึงอะไรไม่ใช่เรื่องอีก ไม่งั้นฉันจะให้คุณไปบวชเป็นพระหนึ่งเดือน!” หลินเวยมี่เปล่งเสียงออกจากจมูกแล้วพูดขึ้นอย่างข่มขู่
ฉู่เฉินซีคลายยิ้มอ่อนๆขึ้น แล้วก้มหน้าลงจูบปากของเธอ “ไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
เธอจึงจ้องหน้าเขาไว้อย่างโหดเหี้ยม มือเล็กๆกลับโอบเอวของเขาไว้ ทั้งตัวของเธอไปคลานอยู่บนตัวเขา “เมื่อคืนเหนื่อยจะตายแล้ว คุณมันสารเลว”
“งั้นก็หลับสักแปบสิ” เขายิ้มพลางมองใบหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยของเธอ พร้อมกับกระซิบข้างหูเธอ “ดูๆแล้วต้องพาคุณไปฝึกร่างกายหน่อยแล้ว คุณอ่อนแอเกินไป”
“ไม่” เขาปฎิเสธโดยแทบจะไม่ครุ่นคิด ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำ
ฉู่เฉินซียิ้มแล้วมองท่าทางอขงเธอ จากนั้นก็จูบและหอมเธอเป็นเวลานาน
หลินเวยมี่จึงค่อยๆหลับใหลไป แล้วจู่ๆก็มีเสียงมือถือดังนั้นตอนที่เธอสลืมสลือ เธอนั่งลงแล้วจับมือของเขาขึ้นมา พร้อมกับหยุดเสียงที่ดังขึ้น
จากนั้นก็กดมือถือของเขา ก็ได้เห็นรูปที่ส่งมาให้เขา ในรูปไม่ใช่คนอื่น แต่กลับเป็นกู้จุนเฟิง และมุมที่ถ่ายเป็นมุมที่ทำให้เห็นว่าเธอกำลังกอดเขาอยู่
ที่แท้เขาโกรธขนาดนี้เพราะแบบนี้ กลับเป็นเพราะรูปๆนี
ในใจจึงรู้สึกมัวหมอง ถ้าเธอมองเห็นเขาไปกอดกับผู้หญิงคนอื่น เธออาจจะโวยวายรุนแรงกว่านี้ก็ได้ แล้วเมื่อกี้เธอยังขอความไว้วางใจจากเขาอีก
“คุณดูอะไรอยู่?”
เขาแย่งมือถือจากในมือเธอไว้ แล้วก็ดูรูปๆนั้น จากนั้นก็ลบทิ้งอย่างไม่ลังเลใจ