รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 3
บทที่ 3 พายุ(1)
แนวของต้นสนนอกคฤหาสน์หนูสไตล์ตะวันตก มีนกน้อยตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ส่งเสียงร้อยเจื้อยแจ้ว ทันใดนั้นมีเสียงดังสนั่นขึ้นมาจากในคฤหาสน์นั้น ทำให้นกน้อยนั้นบินหนีไป
“พ่อ กำลังทำอะไร ทำไมถึงได้ทำร้ายเธอแบบนี้” หลินซินหยาน
เสียงนุ่มนวล จากใบหน้าที่อ่อนหวานแต่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง พร้อมกับช่วยพยุงหลินเวยมี่ที่กำลังถูกหลินจ่านหงตีอยู่ข้างลุกขึ้นมา
เมื่อสักครู่เธอถูกหลินจ่างหงตบเข้าที่หน้า
เธอล้มลงไปที่ชั้นวางของโบราณอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ทั้งคนทั้งชั้นล้มลงไปบนพื้น เสียงดังที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็มาจากโคมไฟโบราณ
เธอยังคงสวมชุดคสูทขนาดใหญ่ เสื้อผ้าพาดไว้อย่างหลวมๆบนร่างกายของเธอ ที่คอของเธอยังมีรอยม่วงให้เห็นอยู่เลย คนมีประสบการณ์เห็นก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่ารอยนี้มาได้อย่างไร
หลินเวยมี่มองหลินจ่านหงด้วยแววตาที่เยือกเย็นพร้อมกับความโกรธแค้น
“เก่งมากก็ตีฉันให้ตายเลย! ทำเป็นว่าไม่เคยให้กำเนิดฉันมา!”
“ไอ้หยา! คุณผู้ชายฟังดูสิ แม่เด็กคนนี้พูดอะไร” น้าหรานที่เป็นแม่เลี้ยงยืนดูอยู่ข้างๆ คอยยุยงสาดน้ำมันเข้ากองไฟ
เธอมองไปที่ใบหน้าที่เยาะเย้ยเธอของน้าหรานอย่างเคียดแค้น น้าหรานทนไม่ได้ที่จะรอให้พ่อตีเธอให้ตายงั้นหรอ? หรือว่าเมื่องถึงเวลานั้นจะได้ไม่ต้องกังวล?
หลินจ่านหงเปลี่ยนสีหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีคนข้างๆสนับสนุน หรือโกรธจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาเอาเท้าเตะไปบนท้องของเธออย่างแรง จนเธอต้องถอยไปข้างหลัง จนชนกับกำแพงอย่างแรง
เธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย รวมกับความเจ็บปวดที่ท้องเธอ ทำให้เธอเกือบจะเป็นลมไป
“นี่เธอยังมีความละอายใจอยู่หรือเปล่า? อายุยังไม่เท่าไหร่ก็ไปกับผู้ชายอื่น…” เสียงของหลินจ่านหงหยุดชะงักขึ้นมากลางคัน พร้อมกับมองไปที่หน้าที่สับสนของหลินซินหยาน
แล้วก็ตะโกนด่าต่อ “แกทำให้ฉันไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นแล้ว!”
“ก็แค่พ่อที่เลี้ยงแต่ไม่เคยสอนอะไร ลองถามตัวเองดู พ่อเคยสอนอะไรฉันบ้าง” เธอหัวเราะอย่างเย็นชา ตั้งแต่แม่เลี้ยงของเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน พ่อของเธอมาดูเธอตอนไหนบ้าง? จนอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่ายังมีลูกสาว “ที่ไม่รู้จักละอาย” คนนี้อยู่อีกคน
ในสายตาของพ่อ ถึงแม่จะไม่เกิดเรื่องในวันนี้ เธอก็เป็นลูกสายที่ไม่รู้จักละอายอยู่ดี แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องไร้ยางอายเช่นเดียวกัน
หลินจ่านหง ได้ยินแบบนี้ ก็โมโหจนหยิบถ้วยน้ำชาข้างๆขึ้นมา ปาใส่ไปที่เธอ หลังจากปาออกไปเขาก็รู้สึกผิดเสียใจและเป็นกังวลขึ้นมา
เสียงแตกเพล้งดังขึ้นมา แก้วชาแตกบนผนังห่างจากศีรษะของเธอไปเพียงนิ้วเดียว เศษแก้วแตกกระจาย เศษที่แหลมคมอันหนึ่งกระเด็นไปบาดแก้มของเธอ จนมีรอยเลือดเกิดขึ้น
“ไม่คาดคิดเลยจริงๆ มีลูกสาวที่ไหนพูดจาแบบนี้กับพ่อบ้าง? อย่างน้อยแม่ของแกก็อยู่สอนแกมาถึงห้าปี หรือว่าสอนแต่ว่าจะยั่วยวนผู้ชายยังไง” น้าหรานพูดอย่างประชดประชันใส่เธอ ราวกับไม่กลัวว่าจะยิ่งทำให้เรื่องเลยเถิดไปใหญ่
“เธอมีคุณสมบัติอะไรมาพูดถึงแม่ฉัน? เธอสมควรไหม?” หลินเวยมี่
โต้กลับ พร้อมกับดวงตาดุดันอย่างเป็นประกาย
“แม่ พูดให้น้อยหน่อยเถอะ พ่อ ถึงเวยมี่จะทำผิดแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็เป็นลูกสาวของพ่อ มีพ่อที่ไหนลงไม้ลงมือกับลูกแบบนี้” หลินซินหยานรีบพูดโน้มน้าว พร้อมกับขยิบตาให้หลินเวยมี่ พูดให้น้อยลง
หลินเวยมี่ทำเป็นเย็นชาหลบหน้า แสร้งว่าไม่เห็น
“เหอะ เธอก็พูดให้น้อยลงเหมือนกัน เป็นแม่คนก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นแม่! มีแม่ที่ไหนพูดจาอย่างนี้?” หลินจ่านหงหันกลับมาตำหนิ จริงๆแล้วเขาก็รู้สึกสงสารหลินเวยมี่เหมือนกัน โชคดีหลินซินหยานเข้ามาทำให้เขาหาจังหวะลงได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรเหมือนกัน
จริงๆแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรที่จะมาแสดงให้คนอื่นเห็น ไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า นอกจากนี้คนงานในบ้านก็แอบฟังอยู่ข้างๆ
“ถ้าแกเป็นได้เหมือนหลินซินหยานสักครึ่งหนึ่ง ฉันก็สบายใจแล้ว!” หลินจ่านหงถอนหายใจแล้วเดินออกไป
“แม่เด็กคนนี้! ที่แท้ก็เหมือนแม่ไม่มีผิด! ฉันบอกเลยนะ ทีหลังอย่าก่อเรื่องแบบนี้อีก! เธอไม่ละอายใจ แต่ฉันละอาย!” น้าหรานเมื่อสักครู่ถูกตำหนิหน้าแตก จึงเอาความโกรธไปลงที่หลินเวยมี่แทน
“ฮาฮ่า เธอเดิมก็เป็นแค่เมียน้อยที่ได้เลื่อนตำแหน่ง มีสิทธิ์์อะไรมาพูดกับฉัน?”
เพราะหัวเราะแรงไปหน่อย จึงไปกระทบกับบริเวณโดนกระแทก ทำให้ไอออกมาอย่างหนัก
“แก…” นี่เป็นหนามในใจของน้าหราน แน่นอนว่าไม่อยากให้ถูกเอาออกมา สีหน้าของจึงเปลี่ยนไป ทำท่าจะตีเธอ หลินซินหยานที่อยู่ข้างๆ จึงต้องคอยห้ามเอาไว้
“แม่ อย่างสร้างความวุ่นวายมากไปกว่านี้เลย ถ้าพ่อเห็นเข้าแม่ก็ผิดแล้ว”
น้าหรานได้ยินดังนั้นก็คิดได้ว่ามีเหตุผลเหมือนกัน จึงควบคุมความโกรธของตน มองไปที่หลินเวยมี่แล้วบิดตัวหันกลับขึ้นตึกไป
“พี่สาว พื้นมันเย็น ฉันช่วยพยุงพี่ขึ้นมานะ” หลินซินหยาน เดินไปพูดไป ดวงตากลมโตสบไปเห็นแผล ก็รู้สึกสงสารพี่สาว
“พี่สาว เจ็บมากใช่ไหม”
หลินเวยมี่มือหนึ่งปัดมือของน้องสาวออก อีกมือค้ำกำแพง ค่อยๆลุกขึ้นมา พร้อมกลับพูดอย่างเย็นชากลับไปว่า “ฉันไม่ได้ต้องการความสงสารจากเธอ”
ความเจ็บปวดบริเวณท้องของเธอ ทำให้หน้าเล็กๆ ของเธอขมวดเข้าหากัน เจ็บปวดจนกระทั่งต้องสูดหายใจเข้าไปลึกๆ
“ฉันพยุงพี่นะ” หลินซินหยานเข้ามาช่วยพยุงในเวลาที่เหมาะสม
หลินเวยมี่
ทนไม่ได้กับความใส่ในที่เธอมีให้ จึงทำหน้าไม่พอใจแล้วสะบัดแขนของเธอออก แต่เพราะใช้แรงมากเกิน ทำให้ตัวเองไปนั่งกองลงที่พื้นแทน
“พี่สาว” หลินซินหยานมองเธอที่กำลังบาดเจ็บ ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปช่วย อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกหลินเวยมี่ดุด่าอีก
หลินซินหยานมองเธออย่างเย็นชา แล้วพยายามพิงกำแพงค่อยๆลุกขึ้นมา เดินทีละก้าว ทีละก้าวขึ้นตึกไป
เธอจำได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต มันจะได้ยินคำพูดหนึ่งอยู่เสมอ “ถ้าเธอเหมือนได้อย่างหลินซินหยานสักครึ่งหนึ่งฉันก็สบายใจแล้ว” เธอแค่ไม่สามารถทำตัวเชื่อฟัง ไม่สามารถเป็นได้แบบหลินซินหยาน
หลินซินหยานเรียบร้อยราวกับเจ้าหญิง เป็นคนที่อ่อนโยน ทำตัวเหมาะสมกับลูกคุณหนูมีตระกูล
ในขณะที่เธอตรงกันข้าม หัวแข็งดื้อรั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
นี่ก็อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างพวกเธอ และอาจจะจุดที่เธอเกลียดหลินซินหยาน