รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 43
บทที่ 43 เรามาสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดเถอะ(1)
วันนี้แดดแรงมาก เธอเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวตอนนี้เหงื่อออกเต็มหน้าผากแล้ว ไม่มีทางเลือกต้องเรียกคนไปแล้วละ
เธอมองเห็นเย่หนิงจอดรถรอเธออยู่ที่ข้างทาง เธอรีบโบกมือให้เย่หนิง
“เย่หนิงฉันมาแล้ว”
“เวยมี่ คุณมาแล้วหรอ” เย่หนิงยิ้มและจับไปที่แขนของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และถามขึ้นว่า “คุณว่าทำไมเย่เซียงถงจู่ๆอยากจะชวนพวกเราไปกินข้าว”
หลินเวยมี่เงียบไปซักพัก และพูดอย่างนิ่งๆว่า “อย่าบอกนะว่าจะเป็นงานเลี้ยงกับดัก งั้นฉันไม่ไปนะ”
เธอพูดพร้อมกับทำท่าทางจะออกไป เย่หนิงจึงดึงเธอกลับมา “เวยมี่ ในเมื่อมันเป็นงานเลี้ยงกับดับ เธอก็ยิ่งต้องไปเป็นเพื่อนฉัน หรือว่าเธอทนเห็นฉันถูกโยนเข้าไปในกองไฟได้”
หลินเวยมี่มองบนใส่เธออย่างหมดคำพูด เธอคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าเย่เซียงถงต้องไม่ยอมลามือง่ายๆแน่ ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจจะไปเป็นเพื่อนเย่หนิง ถึงยังไงไปสองคนก็ยังคอยดูแลกันได้
“ในเมื่อรู้ว่านั่นคือกองไฟเธอยังจะโดดลงไปอีกหรอ”
“ก็เพราะว่ากลัวคนอื่นจะว่าฉันว่ามาดเยอะ ถึงยังไงเย่เซียงถงก็เป็นคนดัง เชิญฉันไปกินข้าวได้ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว ฉันจะฟินกว่านี้ถ้าได้ตบหน้าเธอ” ใบหน้าของเย่หนิงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา กลัวแค่ว่าพอถึงตอนนั้นเย่เซียงถงจะเป็นคนหาเหตุผลมาตบหน้าเธอมากกว่า
“โอเค งั้นเดี๋ยวพวกเราก็ระวังกันหน่อยละกัน” หลินเวยมี่ตบลงบนมือของเขาและพูดปลอบใจ
ที่ห้องอาหารส่วนตัวในโรงแรมห้าดาว หลินเวยมี่เปิดประตูเข้าไปก่อน เย่เซียงถงได้นั่งอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้นแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวในสุด พอเห็นหลินเวยมี่ เธอก็ยิ้มมุมปาก
“พวกเธอมาแล้วหรอ นั่งสิ” เย่เซียงถงพูดอย่างความกระตือรือร้น
หลินเวยมี่พวกเขาสองคนจ้องหน้ากัน แสดงออกถึงความไม่เคยชินกับความกระตือรือร้นของเย่เซียงถงออกมาอย่างเด่นชัด
แต่ว่า มีแค่เย่เซียงถงเพียงคนเดียว น่าจะรับมือง่ายอยู่
หลินเวยมี่พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็สบายใจขึ้นมา ดึงเย่หนิงมานั่งข้างๆ
“เย่หนิง ไม่ว่าจะพูดยังไง เรื่องการถ่ายละครในครั้งนี้ฉันเป็นคนผิดเอง ฉันขอดื่มหมดแก้วก่อนแล้วนะ”เย่เซียงถงลุกขึ้นยืนและยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกจนหมด
หลินเวยมี่กับเย่หนิงมองตากัน เย่หนิงกำลังคิดอยากจะรินเหล้าข้างๆเพื่อที่จะดื่มบ้าง แต่ถูกหลินเวยมี่รั้งเอาไว้
“พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา จะให้คุณมาดูแลได้ยังไง อีกอย่างพวกเราสองคนก็ดื่มเหล้าไม่ได้ หวังว่าคุณจะยกโทษให้” หลินเวยมี่ยิ้มและตอบกลับแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการไม่ไว้หน้า
ทันใดนั้นสีหน้าของเย่เซียงถงก็ดูไม่ค่อยดี แต่ในเวลาไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ เธอดีดนิ้ว
มีพนักงานถือน้ำผลไม้เข้ามาให้ทันที
“ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วละว่าพวกเธอกินเหล้าไม่ได้ ดังนั้นฉันก็เลยเตรียมน้ำผลได้ไว้ให้พวกเธอ”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเย่เซียงถงกำลังคิดจะทำอะไร หรือว่าเธอจะอยากขอโทษจริงๆ
“ขอบคุณค่ะพี่เย่ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ” เย่หนิงยิ้มอย่างเก้อเขิน ยกน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มหนึ่งคำ
เย่เซียงถงหัวเราะ และลากสายตาไปที่หลินเวยมี่ และแกล้งถามว่า “คุณหลิน รู้สึกว่าคุณจะสนิทกับประธานฉู่ใช่มั้ย”
หลินเวยมี่กระพริบตา หรือว่าจุดประสงค์ของเขาก็คือหลอกถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่เฉินซีพอคิดได้แบบนี้ เธอก็สบายใจ
“ฉู่เฉินซีเป็นลุงของฉัน นอกจากนี้ก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรอีก อีกอย่างเขาชอบล้อเล่นกับฉันประจำ” หลินเวยมีเล่าอย่างมีความตึงเครียด เพราะเรื่องที่ฉู่เฉินซีทำกับเธอในห้องคราวก่อน มันเกินคำว่าหลานสาวกับลุงไปแล้ว
เย่เซียงถงยิ้มอ่อน และไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น
อาหารมื้อนี้กินอย่างสบายใจ อย่างน้อยเย่เซียงถงก็ไม่ได้คิดกลอุบายอะไรมารังแกพวกเธอ
เดินออกมาจากร้านอาหาร หลินเวยมี่แจกแจงกับเย่หนิงถึงเรื่องที่เธอไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืน ไม่รู้ว่าหลินจ่านหงจะว่าเธอมั้ย ในใจมีความกังวล
เอี๊ยด รถคันสีแดงเงาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“เวยมี่” ผู้ชายบนรถถอดแว่นกันแดดออก เขาเรียกเธออย่างออนโยน
หลินเวยมี่ไม่ได้ระวังเลยเซนิดหน่อย เธอยิ้มมุมปากมองไปที่ผู้ชายในรถที่ยิ้มมาให้เธอ
“โจ่วชิงช๋วน ฉันกำลังมีเรื่องอยากจะเจอนายอยู่พอดี” หลังจากที่หลินเวยมี่พูดเสร็จก็ขึ้นไปบนรถของเขา
โจ่วชิงช๋วนท่าทางตกใจ และพูดขึ้นว่า “เวยมี่ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นฝ่ายรุกแบบนี้”
“นายคิดมากเกินไปละ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายจริงๆ” หลินเวยมี่รู้สึกหมดคำพูด เธอไม่รู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจพูดแบบนี้รึเปล่า
“ได้ งั้นพวกเราไปหาสถานที่เงียบๆคุยรายละเอียดกันเถอะ” โจ่วชิงช๋วนมีเจตนาที่จะใช้การคุยครั้งนี้อยู่กับหลินเวยมี่ เขายักคิ้วให้เธอ
หน้าตาของหลินเวยมี่ดูหมดความอดทนมากๆ ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกับผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วละก็เธออยากจะถีบเขาลงจากรถมากๆ
หน้าร้านอาหารมีผู้หญิงผู้ชายใส่แว่นตาดำยืนมองรถคนนั้นขับออกไป ผู้หญิงมีอาการโมโหจนโยนกระเป๋าไปข้างๆ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วพูดว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าจะให้เธอหลุดพ้นสายตาไป”
ส่วนผู้ชายนั้นไม่ได้มีท่าทีใดๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ แต่ตาของเขาเป็นประกาย เขาหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและพูดว่า “เธอดื่มน้ำผลไม้ไปรึยัง”
“อืม ดื่มไปแล้ว” ผู้หญิงหยิบกระเป๋าด้วยความโกรธ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เหอะเหอะ งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วละ ยาจะออกฤทธิ์ภายในครึ่งชั่วโมง แถมข้างๆเธอยังมีผู้ชายอยู่อีกคนไม่ใช่หรอ พอถึงตอนนั้นเราก็โทรไปหาฉู่เฉินซี” พอพูดถึงตรงนี้ก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา
ความโกรธบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มบรรเทาลง จากแผนที่วางไว้ตอนแรกคือให้คนมาลักพาตัวหลินเวยมี่ไป แต่แผนก็เกิดความผิดพลาด งั้นก็ต้องทำแบบนี้แล้วละ
ถึงยังไงโดยนิสัยของฉู่เฉินซีแล้วถ้าเห็นหลินเวยมี่อยู่กับผู้ชายคนอื่นต้องเกลียดเธอมากแน่ๆ ถ้าอย่างงั้นอีกหน่อยเธอก็จะไม่ต้องถูกขู่เข็ญอีกแล้ว
พอเธอคิดมาถึงตรงนี้ปากแดงๆของเธอก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา