รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 80
บทที่ 80 เธอไม่ควรได้รับความรัก(2)
จนกระทั่งจบการแสดง เย่หนิงก็รีบไปหาเธอ
“หลินเวยมี่ เธอมาแล้ว?” เย่หนิงสังเกตสีหน้าของหลินเวยมี่อย่างระมัดระวัง “เรื่องของคุณพ่อฉันได้ข่าวมาแล้ว แต่ฉันยังไม่มีเวลาไปหาเธอเลย ช่วงนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี ใช่ไหม?”
หลินเวยมี่ส่ายหัว “พอได้อยู่”
“โกหก หลินเวยมี่ เธอคุยกับฉันยังแบบนี้หรือ? เธอดูตาตัวเองสิ ยังแดงอยู่เลย ดูก็รู้ว่าไปร้องไห้มา!” เย่หนิงพูดพึมพำ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเอ็นดู
หลินเวยมี่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปที่ข้าง ๆ ไร้ความรู้สึก
“เย่หนิง ที่จริงแล้ว…… ฉันทีเรื่องจะรบกวนเธอ” หลินเวยมี่พูดอย่างสีหน้าไม่ค่อยธรรมชาติ “มีอะไรเธอพูดตรง ๆ มาได้เลย พวกเราสองคนยังไม่อะไรที่พูดไม่ได้หรือ?” เย่หนิงสีหน้าแสดงถึงความเต็มใจ
หลินเวยมี่ดวงตาเต็มไปด้วยขอบคุณ เธอหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า “ขอบคุณมากน่ะ เย่หนิง ที่จริงฉันอยากจะยืมเงินจากเธอ ฉันไม่อยากให้พ่ออยู่ในโรงเก็บศพที่หนาวเหน็บ”
เย่หนิงเห็นหลินเวยมี่เป็นอย่างนี้รู้สึกเจ็บใจรีบพยักหน้า“ได้เลย เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้น่ะ”
หลินเวยมี่มุมปากขยับนิดหน่อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขอบคุณ
“เวยมี่……” เสียงเรียกเบา ๆ ดังขึ้นจากข้างหลังพวกเขา
ทันใดนั้นสีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไป ก่อนที่มาถามกับเย่หนิงแล้วว่าโจ่วชิงช๋วนจะไม่ได้มาที่นี่ ทำไมยังเจอเขาอีก?
หลินเวยมี่จ้องตาเย่หนิงด้วยความสงสัย เย่หนิงทำหน้างงงวยแสดงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมาที่นี่ได้ยังไง
โจ่วชิงช๋วยยิ้มเบา ๆ เดินมาข้างหน้าพวกเขาและมองไปที่หลินเวยมี่อย่างลึก สีหน้าของเธอขาวซีดและดูเหมือนเธอไม่อยากจะเจอเขาสักเท่าไหร่
เขาไม่ได้สนใจเอามือวางบนไหล่ของเธอด้วยรอยยิ้ม“เวยมี่ ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ดีเลยล่ะ?”โจ่วชิงช๋วนอยากจะบีบแก้มเธอด้วยมือ ดวงตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความรังเกียจและหันหน้าไปทางอื่นไป
โจ่วชิงช๋วนยิ้มแห้ง ๆ และเอามือกลับมา“ยังโกรธไม่หายหรือ?”
หลินเวยมี่เงยหน้าจ้องไปที่ตาเขา ยิ้มเบา ๆ “โจ่วชิงช๋วน คนที่ตายเป็นพ่อฉัน เป็นญาติของฉัน ไม่มีคำว่าหายไม่หายโกรธ ฉันเกลียจพวกเธอ ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธออีก……”
หลินเวยมี่พูดยังไม่จบก็รู้สึกได้ว่าสมองของเธอว่างเปล่า อยากจะอาเจียน แล้วตัวเองล้มลงไปเลย
ลืมตาขึ้นมาก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองไปรอบ ๆสายตาหยุดที่ดอกฮว๋ายช่อนั้น กลิ่นหอมละมุนไปทั้งห้องคนไข้เลย รู้สึกสดชื่น
สายตาเธอจ้องไปที่ช่อดอกฮว๋ายนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเลเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
เสียงเปิดประตูดังขึ้น หลินเวยมี่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาสายตามองไปที่หน้าประตู
โจ่วชิงช๋วยถือของกินเดินข้าวมา เมื่อเห็นเธอตื่นแล้วมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เธอคิดว่าคนนั้นจะมาแต่ไม่ใช่เลย
“เวยมี่ เธอเป็นโรคโลหิตจางอย่างรุนแรงน่ะ!” โจ่วชิงช๋วนพูดกับเธอ “หลายวันนี้เธอได้ดูแลตัวเองหรือเปล่า?ถ้าในใจรู้สึกโกรธ เธอตีฉัน กัดฉันได้ไหม?ขอแค่เธอหายโกรธ ขอแค่เธอให้อภัยฉัน ได้ไหม?”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินโจ่วชิงช๋วนพูดมาตลอดรู้สึกสมองปวดมากว่าเติม
“เขาล่ะ?” เธอขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชา
โจ่วชิงช๋วนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ขยักมุมปากเบา ๆแล้วยิ้มแห้ง ๆ “อะไร? อะไรเขา? เธออย่าเปลี่ยนหัวข้อได้ไหม?”
“กู้จุนเฟิงล่ะ?” สีหน้าของหลินเวยมี่ขาวกว่าเติมเพราะพูดชื่อเขาออกมา
รอยยิ้มของโจ่วชิงช๋วนแข็งกว่าเติม เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก
ไม่นานเสียงเท้าเดินได้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงเท้าเดินมั่นคงพร้อมกับความลังเลนิดหน่อย
“กู้จุนเฟิง…….” เธอกัดฟันเรียกชื่อเขา เหมือนแม้จะเอาคนที่อยู่หน้าเธอตอนนี้กินเขาไปก็ไม่สามารถทำให้เธอหายโกรธได้
กู้จุนเฟิงเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่ช่อดอกฮว๋ายที่อยู่ตรงหน้าต่าง ริมฝีปากบาง ๆของเขาพูดว่า “ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว ดอกฮว๋ายกำลังบานเลย” แต่พวกเขาไม่สามารถกลับไปตอนเด็กแล้ว เธอก็ไม่ได้ไว้วางใจเขาอีกแล้ว
ทันใดนั้นใจของหลินเวยมี่รู้สึกเจ็บปวด เจ็บจนหายใจไม่ออก ความจำที่เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับตอนเด็กขึ้นมาบนหัว น้ำตาก็เลยไหล่ออกมา ใจเธอเจ็บอย่างทรมาน
“ฉันไว้ใจเธอขนาดนี้ แต่สิ่งที่เธอให้ฉันมาคืออะไร?” เธอพูดอย่างเย็นชา เสียงที่พูดมาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ
“ขอโทษ……”
“เห้อ” หลินเวยมี่ยิ้มหัวเราะเยาะและเช็ดน้ำตาที่มุมตาของเธออย่างไม่ตั้งใจ “เธอให้ได้แค่คำขอโทษหรือ?กู้จุนเฟิง ทำไมเธอต้องมาทำร้ายบ้านฉัน ?บ้านฉันไม่ดีกับเธอตรงไหน? เธอพูดออกมา!”
ดวงตาของกู้จุนเฟิงเต็มไปด้วยความเศร้า เดินเข้าไปข้างเธออย่างช้า ๆ พูดอย่างเบา ๆ “เสี่ยวซี เดี๋ยวอย่าลืมกินข้าวด้วยน่ะ อย่าให้ป่วยอีกล่ะ”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลมากพร้อมกับความเอ็นดู แต่ตอนนี้เมื่อหลินเวยมี่ได้ยินเช่นนี้ทำให้มีความรู้สึกน่ารังเกียจมากและไม่มีความจริงใจ
“ออกไป” เธอพูดด้วยเสียงต่ำและตะโกนออกมา “ออกไปจากสายตาของฉัน กู้จุนเฟิง คนอย่างเธอไม่คู่ควรที่จะได้รับความรัก เธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต”
ดวงตาของกู้จุนเฟิงเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำและหันหลังเดินออกไป
เพิ่งออกจากห้องคนไข้ ก็ได้ยินเสียงของตกแตกจากห้อง มุมปากของเขายิ้มอย่างขมขื่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
ถ้าสามารถเลือกได้ เขายังไงก็ไม่อยากจะทำให้เธอเจ็บปวด แต่เขาไม่มีทางเลือก