รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 138
เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านก้มหน้าอาการจ๋อยสนิท ก็รู้ว่าหลินหว่านโทษตัวเองที่ช่วยเขาเจรจาความร่วมมือครั้งนี้ไม่สำเร็จ
“ฉันพยายามมากนะคะ ในการเจรจาความร่วมมือครั้งนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเทียนซิงกรุ๊ปแทรกเข้ามา ฉันอยากจะช่วยคุณจริงๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” หลินหว่านพูดงึมงำ
หลินหว่านรู้สึกอึดอัดใจมาก ครั้งนี้เธอตั้งใจเตรียมตัวมากเกินไป ทำให้มั่นใจมากว่าจะสามารถช่วย
เซียวจิ่งสือได้ แต่กลับต้องมาพบกับสถานการณ์แบบนี้เข้า ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างแรง
เซียวจิ่งสือเองก็อึดอัดใจมากเช่นกัน แต่เขาไม่อยากให้หลินหว่านนึกตำหนิตัวเอง จึงพยายามฝืนยิ้มกับหลินหว่าน แล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณได้พยายามเพื่อช่วยผมแล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะเทียนซิงกรุ๊ปก่อกวนไม่เกี่ยวกับคุณซะหน่อย หลินหว่าน คุณอย่าเสียใจไปเลยนะ ผมเชื่อว่าบริษัทจะผ่านเรื่องนี้ไปได้”
หลินหว่านผงกศีรษะเบาๆ แม้ว่าเซียวจิ่งสือจะพูดปลอบใจเธอแบบนั้น แต่หลินหว่านยังนึกตำหนิตัวเองอยู่ดี
เธอคิดว่าถ้าหาตัวเองเก่งจริง ก็คงจะไม่ถูกคนอื่นแทรกกลางเข้ามาได้ อีกฝ่ายคงจะไม่เลือกที่จะร่วมมือกับบริษัทอื่น
“หลินหว่าน หลายวันมานี้คุณก็เหนื่อยมาก กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ หลายวันนี้ผมอาจจะยุ่งไปบ้าง ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว” เซียวจิ่งสือพูดกับหลินหว่านอย่างอ่อนโยน
หลินหว่านผงกศีรษะ จากนั้นเดินออกไปช้าๆ
หลินหว่านกลับถึงบ้านก็ช่วยเซียวจิ่งสือสืบค้นสิ่งที่บริษัทกำลังต้องการ แม้ว่าหลินหว่านจะไม่ถนัดในเรื่องนี้นัก แต่เธอก็พยายามเรียนรู้
ขณะที่หลินหว่านเตรียมจะเข้านอนนั่นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เบอร์ที่ไม่รู้จักสายหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินหว่าน เธอรู้สึกแปลกใจมาก ตอนนี้ยังจะมีใครโทรหาเธอกันแน่
หลินหว่านรับสายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “สวัสดีค่ะ ฉันหลินหว่าน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
อีกด้านเป็นเสียงทุ้มนุ่มลึกของชายคนหนึ่ง พูดว่า “สวัสดีครับ คุณหลินหว่าน เรามาจากกลุ่มบริษัทตระกูลเฉียว…เฉียวซื่อกรุ๊ป คืออย่างนี้ครับ ท่านประธานของเราอยากจะคุยกับคุณ หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันได้ แน่นอนว่าต้องจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม หลังจากพวกเราเจรจากันแล้วจึงจะตกลงร่วมมืออย่างเป็นทางการ อีกสักครู่ผมจะส่งข้อความนัดหมาย สถานที่และเวลาพบเพื่อเจรจามาให้คุณทางโทรศัพท์ กรุณารอรับด้วยครับ แล้วก็…ขอบอกก่อนว่า ท่านประธานของเราไม่ชอบคนมาสาย เอาล่ะแค่นี้นะครับ หวังว่าจะโชคดี”
อีกฝ่ายพูดจบก็วางสายไปเลย หลินหว่านคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ จึงได้แต่นิ่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ยังไม่คลายจากอาการดีใจ
หลินหว่านหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอเริ่มค้นหาข้อมูลบางอย่างที่ต้องการทราบ และเรียนรู้การวางตัวและพูดคุยกับคนอื่นจากทางอินเทอร์เน็ต หลินหว่านต้องการให้การเจรจาเรื่องนี้เป็นไปด้วยดี ไม่ต้องการให้โอกาสที่มาถึงเบื้องหน้าต้องหลุดลอยไป
หลินหว่านรู้สึกดีใจมาก เธออยากจะรีบบอกข่าวนี้กับเซียวจิ่งสือ แต่พอโทรไปกลับไม่มีคนรับสาย ขณะนั้นหลินหว่านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วครู่ดียวเท่านั้น โอกาสที่จู่ๆ ก็ลอยมาทำให้หลินหว่านดีใจมากอยู่ดี
หลินหว่านพอได้รับข้อความนัดหมายสถานที่และเวลาซึ่งคนของเฉียวซื่อกรุ๊ปส่งมา เธอก็เริ่มเตรียมตัว เธออยากจะแต่งตัวให้สวย เพื่อให้มั่นใจที่จะติดต่อเจรจากับคนอื่นได้ อย่างนั้นจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการเจรจาความร่วมมือได้อีกหลายเปอร์เซ็นต์
หลินหว่านจำสถานที่ที่พนักงานของเฉียวซื่อกรุ๊ปบอกไว้ได้อย่างแม่นยำ ท่านประธานของพวกเขาไม่ชอบคนมาสาย ตอนบ่าย หลินหว่านขับรถไปยังสถานที่นัดหมายแต่หัววัน ระหว่างทางหลินหว่านก็สงบใจลงได้ในที่สุด ไม่เป็นอย่างเมื่อตอนเที่ยงที่ตื่นเต้นดีใจแบบนั้นตอนได้รับข่าว
ระหว่างทางหลินหว่านฉุกคิดขึ้นมาว่าทำไมเฉียวซื่อกรุ๊ปจึงมาเจรจากับเธอเรื่องนี้ หลินหว่านเป็นเพียงแค่นักแสดงคนหนึ่งเท่านั้น การเจรจาความร่วมมือคราวที่แล้วเธอแข็งใจทำเพื่อเซียวจิ่งสือหรอก อีกอย่างหลินหว่านเองก็ไม่ใช่มืออาชีพมาจากไหน ทำไมเฉียวซื่อกรุ๊ปจึงเป็นฝ่ายติดต่อหาเธอด้วย หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วต้องคว้าเอาไว้ให้มั่น หลินหว่านตั้งใจว่าจะคว้าเอาความร่วมมือนี้มาให้ได้
ไม่นานนักหลินหว่านก็มาถึงสถานที่นัดหมายเป็นโรงแรมที่หรูหรามากแห่งหนึ่ง พนักงานต้อนรับมาพาหลินหว่านไปยังห้องที่เฉียวซื่อกรุ๊ปจองไว้ล่วงหน้า และพบว่าในห้องยังไม่มีใครเลย หลินหว่านจึงนั่งรออยู่ที่นั่นเงียบๆ
หลินหว่านในตอนนี้ตื่นเต้นเอามาก เธอกลัวว่าอีกสักครู่ตัวเองจะตื่นเต้นจนมีอาการเกร็ง หลินหว่านหายใจเข้าลึก พยายามผ่อนคลายจิตใจให้เป็นปกติ
หลินหว่านรออยู่นานมาก เธอมองดูนาฬิกาแล้วพบว่าอีกห้านาทีจึงจะถึงเวลานัด แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครมาที่นี่เลย หลินหว่านไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว แต่กลับรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามา สายตาฉายแววหยิ่งทะนงถือตัว ด้านหลังเขาตามติดด้วยบอดี้การ์ดกับคนของเขาอีกหลายคน หลินหว่านมองครู่เดียวก็รู้ว่าเขาน่าจะเป็นประธานเฉียวซื่อกรุ๊ป ขณะที่เขาเดินเข้าห้องมาพอดีเป็นเวลาก่อนนัดหมายหนึ่งนาที
หลินหว่านลุกพรวดขึ้นยืน พยายามตั้งสติแล้วเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ ยื่นมือออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม พูดกับท่านประธานว่า “สวัสดีค่ะ ฉันหลินหว่านค่ะ”
ท่านประธานยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือออกมาจับมือหลินหว่านด้วยมารยาทอันดี
ตอนนี้อาหารเริ่มทยอยขึ้นโต๊ะไม่ขาดสาย ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ท่านประธานเฉียวซื่อกรุ๊ปก็ยังไม่คิดจะพูดถึงเรื่องความร่วมมือ หลินหว่านร้อนใจขึ้นมาบ้าง
“ท่านประธานเฉียวคะ วันนี้คุณคงไม่ใช่แค่ต้องการเรียกฉันมาทานข้าวละมั้งคะ? เครือบริษัทของคุณมีผลงานยอดเยี่ยมขนาดนั้น คุณคงจะมีธุระยุ่งมากแน่ ตอนนี้กลับยอมสละเวลามาพบฉัน ก็น่าจะมีเรื่องสำคัญล่ะมั้งคะ” หลินหว่านพูดพลางยิ้มน้อยๆ กับประธานเฉียวซื่อกรุ๊ป
ท่านประธานยิ้มออกมานิดหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณฉลาดมากอย่างที่คิด วันนั้นผมเห็นคุณเจรจาความร่วมมือกับอีกคน ตอนนั้นผมก็พบว่าคุณฉลาดมาก ท่าทางการพูดจาก็มีความเชื่อมั่นมาก ท่าทางสุขุมนี้ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมอย่างมาก คุณรู้ไหม ตอนนี้มีผู้คนมากมายที่ตื่นเต้นและตึงเครียดจนเสียโอกาสดีๆ ไปมากมาย ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความสามารถหรอกนะ แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถเอาชนะความกดดันแบบนั้นได้”
หลินหว่านถึงบางอ้อ เธอเพิ่งรู้ว่าทำไมเฉียวซื่อกรุ๊ปจึงเป็นฝ่ายติดต่อหาเธอเพื่อเจรจาความร่วมมือ ที่แท้ในวันนั้นท่านประธานเห็นเข้าแล้วชอบใจนั่นเอง หลินหว่านได้ฟังคำชมก็แอบดีใจ เธอนึกถึงการเจรจาคราวที่แล้วซึ่งไม่สำเร็จ แต่กลับโชคดีในความโชคร้าย ได้โอกาสในคราวนี้อีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้เจรจาความร่วมมือ แต่หลินหว่านก็เชื่อว่าตัวเองจะทำได้แน่
อันที่จริงสำหรับหลินหว่านแล้ว เธอเป็นเพียงนักแสดงคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้แม้เธอเคยไปยังสถานที่ใหญ่โตหรูหราหลายแห่ง ทั้งงานแสดงดนตรี งานคอนเสิร์ตมากมายก็เคยแสดงมาแล้ว สำหรับเธอแล้วการพูดคุยวางตัวต่อหน้าสาธารณชนนั้นเป็นความเคยชินเสียแล้ว แต่การเจรจาความร่วมมือนี่ สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นเลย