รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 139
“ขอบคุณค่ะที่ชม ที่จริงฉันแค่ทำสิ่งในที่ตัวเองควรทำเท่านั้น เพียงแต่คราวที่แล้วต่อให้พยายามอย่างไร สุดท้ายก็ยังเจรจาความร่วมมือกับพวกเขาไม่สำเร็จอยู่ดี บางทีคงเป็นเพราะความสามารถของฉันยังไม่ถึงขั้นล่ะมั้งคะ” หลินหว่านพูดอย่างเสียดาย แต่สีหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้ม
หลินหว่านอยากจะเจรจาความร่วมมือครั้งนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด จะได้บอกข่าวดีนี้กับเซียวจิ่งสือ ในหัวของหลินหว่านตอนนี้มีแต่เซียวจิ่งสือตอนที่ดีใจเมื่อได้ยินข่าวนี้
ท่านประธานเฉียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “คุณหลิน คุณไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเวลาเปล่าเหมือนคราวที่แล้ว วันนี้ผมเรียกคุณมาที่นี่ก่อน ก็เพราะอยากให้พวกเราได้ร่วมมือกัน แต่แน่นอนว่าเราก็ต้องมีเหตุผลเช่นกัน ผมชื่นชมคุณมาก แต่ผมก็ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทด้วยเช่นกัน คุณจะบอกผมได้ไหมว่า ถ้าหากทางเราร่วมมือกับพวกคุณแล้วจะได้รับประโยชน์อะไร?”
หลินหว่านเห็นว่าท่านประธานเปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันควัน ก็ทราบว่าได้เวลาเจรจาความร่วมมือกันแล้ว เธอจึงรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าบริษัทเราในตอนนี้จะไม่มีบริษัทพันธมิตรเลย และแหล่งงานของบริษัทก็ถูกคนอื่นตัดสายสัมพันธ์ไปแล้ว เรื่องพวกนี้กำลังเป็นปัญหาของบริษัทพวกเราในตอนนี้ ฉันแค่อยากจะพูดความจริงกับคุณ ผู้ก่อตั้งบริษัทของพวกเราเซียวจิ่งสือประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม พวกคุณคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงเขามาบ้าง แม้ว่าจะห่างไกลจากความสำเร็จของคุณ แต่สำหรับคนในอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เขาน่าจะถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์ที่บริษัทเขากำลังเผชิญอยู่เป็นฝีมือของเซียวเฉียงผู้ก่อตั้งวั่นหย่ากรุ๊ป เขาเป็นพ่อของเซียวจิ่งสือ แต่นี่เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาสองคนพ่อลูกเท่านั้น คุณก็รู้ว่าคนเป็นพ่อลูกกันจะโกรธขนาดไหนก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ขอเพียงการเจรจาความร่วมมือของพวกเราประสบความสำเร็จ พ่อของเขาคงไม่ปฏิเสธผลประโยชน์นี้หรอกมั้งคะ เชื่อว่าคุณเองก็เป็นคนฉลาด ที่ฉันพูดมานี้ทางคุณก็คงจะเข้าใจดีนะคะ” หลินหว่านกล่าวชี้แจงแถลงไขเป็นเรื่องราวยาวเหยียด
ท่านประธานฟังจบก็ผงกศีรษะถี่ๆ มองหลินหว่านด้วยสายตาชื่นชม
หลินหว่านพูดจบก็ถอนหายใจเฮือก เธอเองก็พอใจมากกับคำพูดของตัวเอง
ท่านประธานยิ้มแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผลดี ผมฟังคำพูดของคุณแล้วยิ่งอยากจะร่วมมือกับพวกคุณเสียแล้วสิ ก็หวังว่าต่อจากนี้ไปพวกเราจะร่วมมือกันด้วยดี และได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
หลังคำพูดเหล่านี้แล้ว ท่านประธานก็ยอมตกลงทำความร่วมมือกับหลินหว่านโดยเร็ว จากนั้นทั้งสองก็เซ็นสัญญาโครงการความร่วมมืออย่างเร่งด่วน
หลังจากหลินหว่านได้สัญญาความร่วมมือมาแล้วก็ยิ่งเชื่อมั่นในตัวเองยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอเป็นสุขใจมาก เธออยากจะบอกข่าวดีนี้กับเซียวจิ่งสือให้เร็วที่สุด
หลินหว่านคิดว่าระหว่างนี้ทางบริษัทเกิดเรื่องมากมาย เซียวจิ่งสือก็บอกว่าหลายวันนี้จะอยู่ที่บริษัท หลินหว่านจึงบึ่งรถตรงเข้าบริษัทของเซียวจิ่งสือ
ตลอดทางหลินหว่านรู้สึกมีความสุขมาก เธอสามารถช่วยให้เซียวจิ่งสือได้สัญญาความร่วมมือนี้มา เรื่องนี้ทำให้หลินหว่านรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่สุดในช่วงเวลานี้เลย หลินหว่านคิดว่าก่อนนี้มักจะเป็นเซียวจิ่งสือที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอช่วยเธอให้ข้ามผ่านอุปสรรค คราวนี้ถึงคราวเธอบ้างในที่สุด
ต่อเมื่อหลินหว่านกลับถึงบริษัท เธอเห็นว่าพวกพนักงานบริษัทไม่ได้กำลังคร่ำเคร่งทำงาน แต่กลับพบว่าพวกเขากำลังถกเถียงกันเรื่องอะไรบางอย่างด้วยท่าทีดีอกดีใจ หลินหว่านไม่มีเวลาจะไปไต่ถามคนพวกนั้น ในใจยังคิดว่าตอนนี้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว พวกเขายังมีกะใจจะพูดคุยยิ้มหัวเราะกันอยู่นั่นอีก
หลินหว่านตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ
“เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านเรียกเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
เซียวจิ่งสือสีหน้าปั้นยาก เขายิ้มแข็งทื่อให้หลินหว่าน หลินหว่านกำลังจะบอกเขาเรื่องที่เธอเจรจาความร่วมมือกับเฉียวซื่อกรุ๊ปได้สำเร็จ จะได้เซอร์ไพรส์เซียวจิ่งสือเสียหน่อย แต่กลับพบว่าสีหน้าเซียวจิ่งสือผิดปกติไป เหมือนกับมีเรื่องจะบอกกับเธอ แต่พูดไม่ออกอย่างนั้น
หลินหว่านไม่สนใจมากความ เธอตัดสินใจว่าจะบอกข่าวดีนั้นกับเซียวจิ่งสือ
หลินหว่านเดินมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เซียวจิ่งสือคะ วันนี้ฉันมีข่าวดีที่สำคัญมากๆ จะบอกคุณ บางทีคุณอาจต้องทึ่งกับความสามารถของฉันก็ได้นะ ฉันเชื่อว่าคุณฟังแล้วต้องดีใจมากเลย”
ใบหน้าของเซียวจิ่งสือเหมือนจะมีรอยยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มค้างเกร็งอยู่ ทำให้หลินหว่านรู้สึกว่าวันนี้ท่าทีเขาแปลกไปอยู่บ้าง ท่าทีของเซียวจิ่งสือทำให้หลินหว่านรู้สึกผิดหวังเล็กๆ เธอคิดว่าเซียวจิ่งสือน่าจะถามเธออย่างดีใจมากๆ ซะอีก
“มีข่าวดีอะไรจะบอกผมเหรอ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงอ้ำอึ้ง
“การเจรจาความร่วมมือก่อนหน้านี้ที่ฉันไปเจรจาแล้วไม่สำเร็จนะสิ แต่โชคดีมากเลยที่ท่านประธานของเฉียวซื่อเห็นเข้าพอดี เขาบอกว่าชื่นชมในไหวพริบและความเชื่อมั่นของฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าที่จริงเขาอยากร่วมมือกับพวกเราล่ะ เพียงแต่กังวลว่าบริษัทเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบตอนนี้ ฉันก็เลยนำเสนอข้อดีกับประโยชน์หลายอย่างที่เขาจะได้รับ เขาก็ยอมตกลงทำความร่วมมือกับพวกเราอย่างเร็วเลย แล้วพวกเราก็เซ็นสัญญาความร่วมมือแล้วด้วย”
ใบหน้าของหลินหว่านประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เซียวจิ่งสือฟัง หลินหว่านอยากจะบอกเล่ารายละเอียดทุกอณูของเรื่องให้เซียวจิ่งสือฟัง
“หลินหว่าน ขอบใจนะ คุณช่วยผมได้มากเลยจริงๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณคุณยังไงจึงจะทำให้ใจผมสบายขึ้น” เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านยิ้มๆ
ในที่สุดหลินหว่านก็รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างแรง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าพอบอกข่าวนี้แล้วเขาต้องดีใจมากแน่ แต่เซียวจิ่งสือในตอนนี้กลับพูดขอบคุณหลินหว่านด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วทำไมจึงบอกว่าสบายใจขึ้นด้วย หลินหว่านรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หลินหว่านพูดเสียงแผ่วเบา “เซียวจิ่งสือ คุณมีเรื่องอะไรเก็บซ่อนไว้ใช่ไหม บอกฉันเถอะค่ะ ฉันเข้าใจคุณนะ ฉันดูออกว่าคุณมีเรื่องในใจ อย่าคิดจะปิดฉันอีกนะคะ”
เซียวจิ่งสือหน้าแดงหูแดงขึ้นทันตา เขาหันหน้าหนีไม่กล้ามองหลินหว่าน
ในที่สุดเซียวจิ่งสือก็พูดอึกอักออกมาว่า “ผมตอบตกลงหมั้นกับอันซิงแล้ว ขอโทษนะ ผมอยากจะคอยอยู่เคียงข้างคุณจริงๆ แต่ตอนนี้พูดแบบนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ผมคงต้องขอโทษคุณแล้วล่ะ”
หลินหว่านพอได้ฟังก็เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนทันทีว่าในหัวใจเธอรู้สึกได้ถึงจุดหนึ่งของความเศร้าเสียใจ เหมือนถูกเข็มแหลมทิ่มอย่างนั้น ที่แท้เมื่อครู่พนักงานพวกนั้นกำลังถกเถียงกันเรื่องงานมงคลนี้เอง แต่กับหลินหว่านแล้วมันเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเจ็บปวดใจต่างหาก
หลินหว่านก้าวมาข้างหน้าเซียวจิ่งสือช้าๆ แข็งใจยิ้มออกมา พูดว่า “อย่าพูดว่าขอโทษเลยค่ะ ในเมื่อโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ พวกเราทำได้ก็แค่ต่อต้านอยู่ในใจ จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เราผ่านอะไรกันมาก็ตั้งเยอะ ฉันปล่อยวางเรื่องราวได้ตั้งมากมาย ฉันขออวยพรด้วยความจริงใจ ให้คุณกับอันซิงมีอนาคตที่ดีร่วมกันนะคะ”
ตอนหลินหว่านพูดประโยคนี้ออกไปเธอรู้สึกเหมือนเลือดในหัวใจกำลังหยดหยาด เธอแสดงออกมาได้อย่างสง่าผ่าเผยเพียงเพื่อรักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตัวเองเอาไว้
เซียวจิ่งสือหันขวับกลับมามองหลินหว่าน ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนมากมายจนสับสน เขามีคำพูดมากมายอยากจะพูดกับหลินหว่าน แต่กลับพบว่าลำคอของเขาเหมือนจะถูกอัดแน่นจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้