รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 199 เพื่อนใหม่
อินเสี่ยวเสี่ยวบอกลาผู้จัดการส่วนตัวแล้วกลับมายังที่พักของตัวเองอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดวัน พอกลับถึงบ้าน เธอแค่อยากจะอาบน้ำให้สบายผ่อนคลายความเหนื่อยล้าซะหน่อย
อินเสี่ยวเสี่ยวพันผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำ น้ำหยดพราวจากผมของเธอเพราะยังไม่ได้เช็ดแห้ง เธอมองดูตัวเองในกระจก อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ฉันเป็นใครกันแน่? ฉันเป็นหลินหว่านหรืออินเสี่ยวเสี่ยว?
ในหัวปรากฏภาพตอนทานข้าวเมื่อค่ำนี้ ผู้จัดการสบตาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเธอเป็นคู่รักกัน…”
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวจิ่งสือ สายตาที่มองเธอด้วยความรักลึกล้ำเหมือนฉากในภาพยนตร์ผ่านเข้ามาในหัวของเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกหวั่นไหวในใจขึ้นมา เซียวจิ่งสือทำเพื่อเธอตั้งมากมาย ส่วนก้นบึ้งจิตใจของสาวน้อยเหมือนมีคลื่นของหัวใจดวงน้อยๆ ถาโถมเข้ามาจนเต็มล้นโดยไม่ทันตั้งตัว
กว่าอินเสี่ยวเสี่ยวจะรู้ตัวก็พบว่าเงาสะท้อนของเธอในกระจกนั้นสองแก้มแดงเรื่อซะแล้ว พอเห็นว่าตัวเองหน้าแดงเพราะเซียวจิ่งสือ ก็ยิ่งรู้สึกเขินอายเข้าไปอีก
อินเสี่ยวเสี่ยวมาถึงออฟฟิศแต่เช้าตรู่ ที่ต้องมาแต่เช้าเพราะไม่อยากฟังเสียงเยาะเย้ยถากถางของพวกเพื่อนร่วมงานที่มาถึงแต่เช้า ทำให้เสียอารมณ์ไปทั้งวัน
ในออฟฟิศมีคนอยู่ไม่กี่คน อินเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อ่านข่าวผ่านๆ ดูว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง จู่ๆ ก็มีคนเคาะประตูห้อง อินเสี่ยวเสี่ยวเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นอันเสี่ยวเซียวพนักงานคนหนึ่งของบริษัท
ในบริษัทอันเสี่ยวเซียวมีหน้าที่จัดเก็บงานเอกสารโครงการที่ไม่ยุ่งยากนัก งานประจำมักจะต้องจัดส่งพวกเอกสารจำนวนหนึ่ง กับบางครั้งก็วิ่งช่วยงานประเภทงานพิมพ์ งานถ่ายเอกสารตามโต๊ะพนักงานเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นอันเสี่ยวเซียวอุ้มเอกสารกองโตผ่านหน้าไป เธอเป็นต้องรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานหญิงคนนี้ลุยงานน่าดูเลย
วันนี้อันเสี่ยวเซียวที่มาแต่เช้าด้วยเช่นกันพอเห็นอินเสี่ยวเสี่ยวก็เข้ามาหาตั้งท่าว่าจะทักทาย
อินเสี่ยวเสี่ยวพอเห็นว่าเป็นอันเสี่ยวเซียวที่มาเคาะประตู ก็ยิ้มน้อยๆ พูดว่า “สวัสดีค่ะ”
อันเสี่ยวเซียวก็ยิ้มรับ พูดว่า “สวัสดีค่ะ อินเสี่ยวเสี่ยว ฉันชื่ออันเสี่ยวเซียว อยู่ออฟฟิศถัดไปอีกสองห้อง ฉันเข้ามาดูว่ามีอะไรให้ช่วยไหม”
อินเสี่ยวเสี่ยวตอบรับอย่างเกรงใจ “เชิญค่ะๆ! เข้ามานั่งก่อนเถอะ โต๊ะฉันรกหน่อยนะ เธอนั่งตามสบายเลย”
อันเสี่ยวเซียวเดินเข้ามา หยิบของทานเล่นห่อหนึ่งจากด้านหลังออกมายื่นให้อินเสี่ยวเสี่ยว พูดว่า “เธอก็มาแต่เช้าเลย ทานอาหารเช้าหรือยังล่ะ? นี่เป็นขนมที่ฉันซื้อกลับมาตอนไปเที่ยวเมืองไทยน่ะ อร่อยดีนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวนึกไม่ถึงว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้จะเป็นมิตรขนาดนี้ รีบพูดออกตัวว่า “ขอบคุณนะ อันเสี่ยวเซียว ฉันทานข้าวเช้ามาแล้วล่ะ ฉันเห็นเธอก็มาแต่เช้าทุกวันเลย”
อันเสี่ยวเซียวพูดว่า “ค่ะ ที่พักฉันอยู่ใกล้กับบริษัทน่ะ ก็เลยมาเช้าหน่อย ฮิๆ จะได้ดูเหมือนขยันทำงานหน่อยไงคะ” พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก
อินเสี่ยวเสี่ยวก็ยิ้มออกมา พูดว่า “อื้อๆ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ฮ่าๆ พวกเราคิดเหมือนกันเลยนะ เมื่อก่อนเห็นเธอหอบกองเอกสารผ่านมาบ่อยๆ งานเธอคงลำบากมากสินะ”
อันเสี่ยวเซียวพูดว่า “งานนี้ก็ดีออก อย่างไรฉันก็เคยชินแล้ว เธอรู้ไหมทุกครั้งที่ฉันผ่านมาที่นี่เห็นเธอเข้าจะรู้สึกว่าเธอสวยมากเลย ดูดีมากด้วย วันนี้ก็เลยอยากมาทำความรู้จักกับเธอน่ะ อิอิ”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังแล้วรู้สึกปลื้มระคนแปลกใจ ถามกลับว่า “สวยที่ไหนกัน ฉันว่าเธอต่างหากน่ารักน่ะ” ในใจนึกว่า น้องนี่น่ารักจัง
อันเสี่ยวเซียวยิ้มแล้วพูดอีกว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว ฉันชอบเธอมากนะ พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะ แล้วตอบว่า “ดีเลย เราเป็นเพื่อนกัน ฉันก็ชอบเธอนะ ฉันว่าเธอน่ารักออก”
อันเสี่ยวเซียวเห็นว่าพวกเพื่อนร่วมงานทยอยกันมาถึงแล้ว คุยกันในเวลางานดูไม่ดีนัก จึงพูดว่า “ใกล้เข้างานแล้ว ฉันไปทำงานก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ”
หลังเลิกงานอินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเดินออกประตูใหญ่ ด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังมา “อินเสี่ยวเสี่ยว รอฉันด้วย”
อินเสี่ยวเสี่ยวหันกลับมาก็เห็นว่าเป็นอันเสี่ยวเซียว เธอยิ้มออกมา พออันเสี่ยวเซียวเข้ามาใกล้ อินเสี่ยวเสี่ยวก็พูดว่า “ทำไมเธอวิ่งเร็วจัง มีเรื่องอะไรถึงรีบร้อนนักนะ?”
อันเสี่ยวเซียวพูดพลางหอบหายใจ “ฉ…ฉัน…แค่กลัวว่าจะไล่ตามเธอไม่ทันน่ะ ฮิฮิ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ให้ฉันเลี้ยงข้าวเธอนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวพูดว่า “รีบวิ่งขนาดนี้เพื่อจะเลี้ยงข้าวฉันเนี่ยนะ ฉันล่ะเชื่อเธอเลย แต่ว่าวันนี้ฉันมีนัดแล้ว”
อันเสี่ยวเซียวสีหน้าผิดหวัง พูดว่า “อ้อๆ เธอมีธุระงั้นเหรอ งั้น…ไปก่อนเถอะ”
พอเห็นสีหน้าจ๋อยลงของอันเสี่ยวเซียว อินเสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกผิดขึ้นมา พอคิดดูแล้วก็เห็นว่า เอาเถอะพาอันเสี่ยวเซียวไปด้วยก็แล้วกัน ถึงอย่างไรไปแล้วบรรยากาศก็อึดอัดอยู่ดี มีอีกคนอยู่ด้วยอาจดีขึ้นมาหน่อยก็ได้
อินเสี่ยวเสี่ยวพูดว่า “ไม่งั้นเธอก็ไปกับฉันแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ทานข้าวเหมือนกัน”
อันเสี่ยวเซียวตาเป็นประกายวาวอย่างกระตือรือร้น ถามว่า “ฉันไปด้วยจะดีเหรอ คงไม่เป็นการรบกวนเธอนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวค้อนตาคว่ำ พูดว่า “จะรบกวนได้อย่างไร พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่”
อันเสี่ยวเซียวจับมืออินเสี่ยวเสี่ยวไว้อย่างดีใจ แถมยังเอาศีรษะซุกเข้ามาอีก อินเสี่ยวเสี่ยวยิ้มออกมา พูดว่า “ช่างทำตัวเป็นเด็กน้อยซะจริงเลย”
พอเดินเข้าร้านอาหารฝรั่งอย่างหรู อินเสี่ยวเสี่ยวก็เห็นเซียวจิ่งสือที่นั่งเด่นเป็นสง่าพลิกดูเมนูอยู่ที่โต๊ะได้ทันที
อินเสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาหา พูดว่า “ท่านประธานเซียวคะ คุณมานานแล้วสิ?”
เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้นยิ้ม พูดว่า “ไม่หรอก ผมเพิ่งถึงน่ะ” แล้วเขาก็พบว่าอันเสี่ยวเซียวที่เป็นพนักงานในบริษัททำไมถึงมาด้วย เขาหุบยิ้ม นี่มันเรื่องอะไรกัน กะนัดกันแบบสองเราทำไมถึงได้เกินมาคนหนึ่ง
อันเสี่ยวเซียวพอเห็นว่าคนที่นั่งตรงหน้าเป็นท่านประธานบริษัทเซียว ก็ทักทายด้วยท่าทีตื่นเต้น “สวัสดีค่ะท่านประธานเซียว ฉันชื่ออันเสี่ยวเซียวทำงานที่บริษัทค่ะ”
เซียวจิ่งสืออึ้งไปวูบ แล้วตอบกลับว่า “สวัสดีครับ มาแล้วก็ทานด้วยกันเถอะ”
เสียงเพลงนุ่มเนิบดังแว่วมาที่ข้างหู เซียวจิ่งสือมองดูอินเสี่ยวเสี่ยวที่ก้มลงทานอาหาร มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น นึกในใจว่า เธอนี่นะ ทานอาหารยังดูน่ารักได้ ขณะกำลังจะคลี่รอยยิ้มออกก็พบว่า อันเสี่ยวเซียวคอยแอบมองเขาอยู่บ่อยครั้ง
เซียวจิ่งสือรู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้มใจ หลินหว่านคนนี้นี่ช่างทำเสียบรรยากาศซะจริงเลย พกหลอดไฟ [1] มาด้วยแบบนี้ เชื่อเขาเลย
อินเสี่ยวเสี่ยวมัวแต่ยิ้มหัวพูดคุยกับเพื่อนคนใหม่นี้ กลับกลายเป็นเซียวจิ่งสือรู้สึกอึดอัดขัดข้องบ้างแล้ว
หลังอาหาร พอส่งสองสาวกลับไปแล้ว เซียวจิ่งสือก็หายใจเข้าลึก นึกในใจว่า ‘หลินหว่านนี่เมื่อไหร่จะจำเราได้ซะทีนะ’
เซียวจิ่งสือจอดรถจะไปทำงาน พลันปรากฏเงาร่างสองสายที่นอกหน้าต่างรถทำเอาตกใจจนสะดุ้งเฮือก พอเพ่งมองดูดีๆ จึงรู้ว่าเป็นหลินหว่านกับอันเสี่ยวเซียว
เซียวจิ่งสือถามว่า “ทำไมพวกคุณมาอยู่นี่ ทำผมตกใจหมด”
หลินหว่านพูดว่า “เมื่อวานคุณเลี้ยงข้าวพวกเรา อันเสี่ยวเซียวอยากตอบแทนคุณค่ะ”
อันเสี่ยวเซียวถือกล่องข้าวใบหนึ่งไว้ พูดว่า “ท่านประธานเซียวคะ เมื่อวานขอบคุณที่เลี้ยงข้าวฉันค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนคุณ นี่เป็นน้ำแกงไก่ตุ๋นค่ะ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ”
เซียวจิ่งสืออึ้งไปครู่แล้วตอบว่า “อ้อ… ขอบใจนะ เธอไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้” เขากวาดตามองหลินหว่านขณะที่ในใจรู้สึกประหลาดอยู่บ้าง
อันเสี่ยวเซียวยื่นน้ำแกงไก่ให้แล้วดึงตัวหลินหว่านไปทำงาน
เซียวจิ่งสือนิ่งงันอยู่กับที่ ในสมองยังไม่เข้าใจการกระทำนี้ของเด็กสาวนี้อยู่ดี พึมพำว่า “อันเสี่ยวเซียว”
——
[1] หลอดไฟ ในที่นี้หมายถึง ก้างขวางคอ