CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 89 กลับบ้าน (องก์สอง ยังไม่จบ)

  1. Home
  2. รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)
  3. ตอนที่ 89 กลับบ้าน (องก์สอง ยังไม่จบ)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

“แต่เดิมนั้นไม่เคยมีพระผู้ปลดปล่อย และไม่ต้องพึ่งพาเทพเซียนหรือฮ่องเต้

“จะสร้างความสุขของมวลมนุษย์ ก็ต้องพึ่งพาตัวเอง…”

ท่ามกลางเสียงร้องเพลงที่แหบห้าว รถจี๊ปขับมุ่งผ่านภูเขาลำเนาไพร

“ในที่สุดก็ได้กลับบริษัทเสียที…” หลงเยว่หงมองดูถนนที่มองไม่เห็นปลายทาง อดทอดถอนใจด้วยความสะเทือนอารมณ์ไม่ได้

แม้ว่าในแดนธุลีจะมีท้องฟ้าสีครามสดใส เมฆสีขาวล่องลอย ดวงอาทิตย์เจิดจ้า สุมทุมแมกไม้ ทิวทัศน์หลากหลายละลานตา และสภาพแวดล้อมเปิดโล่งกว้างขวาง แต่หลังจากที่ต้องออกไปอยู่บนโลกภายนอกเป็นเวลานาน เขาก็อดคิดถึงชีวิตที่เงียบสงบและมั่นคงภายในบริษัทไม่ได้

สำหรับผู้คนที่รู้เรื่องของแดนธุลีนั้น นามของ ‘ผานกู่ชีวภาพ’ ไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด แต่ทว่าแทบจะไม่มีใครรู้ว่าศูนย์บัญชาการของบริษัทตั้งอยู่ที่ใด นี่จึงสร้างความลึกลับให้กับ ‘ผานกู่ชีวภาพ’ เพิ่มอีกชั้นหนึ่ง นักล่าซากอารยะส่วนมากรู้เพียงว่าบริเวณสถานที่ตั้งของ ‘ทีมสำรวจเก่า’ นั้นมีกลุ่มโจรที่แข็งแกร่งหลายกลุ่มอาศัยอยู่ ทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้

เจี่ยงไป๋เหมียนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับได้ยินหลงเยว่หงทอดถอนใจ เธอแตะเครื่องช่วยฟังแล้วเอียงหน้ามายิ้มให้

“ฉันคิดว่านายไม่อยากจะกลับบริษัทแล้วซะอีก เห็นพวกสาวๆ ที่เมืองฉีเฟิงมามะรุมมะตุ้มนายกันใหญ่”

พอหลงเยว่หงได้ยินคำพูดนี้ก็ทำเอาหน้าแดงทันที

“ไม่มีอะไรสักหน่อย หัวหน้าอย่าพูดมั่วๆ สิ!”

เมืองฉีเฟิงนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาของแดนร้างบึงดำ เป็นสถานที่ห่างไกลและยากเข้าถึง ทาง ‘ทีมสำรวจเก่า’ เองก็ไม่สามารถขับรถจี๊ปเข้าไปได้

พวกเขาต้องเดินตามยามรักษาการณ์ด้วยเส้นทางเล็กๆ ไปยังเชิงเขา เดินเท้าไปราวสิบห้านาทีก็จะพบพื้นที่โล่งกว้าง มองเห็นพื้นที่เพาะปลูกกว้างใหญ่ไพศาล

ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์นี้จึงทำให้เมืองฉีเฟิงได้รับการรับประกันความปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำด้วยเช่นกัน

นี่ไม่ได้หมายความว่าบนภูเขาไม่มีน้ำ เพียงแต่ว่าน้ำที่นั่นดูสกปรกมาก ราวกับว่ามีดินจำนวนมากละลายปะปนลงไป แม้จะใช้รดพืชผักได้ แต่ชาวเมืองก็ไม่ค่อยวางใจนักเพราะกลัวว่าจะปนเปื้อนมลพิษและไม่สะอาด

ก่อนจะมาเข้าร่วมกับ ‘ผานกู่ชีวภาพ’ นั้น พวกเขาต้องรองน้ำฝนเก็บไว้ หรือไม่ก็ต้องอ้อมไปอีกฟากของภูเขาแล้วแบกน้ำมาด้วยความเหนื่อยยาก

เมื่อถึงฤดูกาลที่ยากลำบาก เส้นทางบนภูเขาก็ยากสัญจร พวกเขาก็ได้แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนดื่มน้ำสกปรกที่ทำให้ตกตะกอนแล้ว อายุขัยโดยเฉลี่ยชาวเมืองฉีเฟิงจึงสั้นยิ่งกว่าชาวเมืองน้ำล้อมมาก

ดังนั้นเมื่อชาวเมืองฉีเฟิงได้เห็น ‘ทีมสำรวจเก่า’ มาส่งชิปกรองน้ำอันใหม่ และซ่อมแซมโรงงานผลิตน้ำดิบให้ พวกเขาจึงมีความสุขและรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริง

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนำอาหารล้ำค่าที่เก็บสะสมไว้มาเลี้ยงรับรองแขกผู้ทรงเกียรติ

ในตอนนั้นหญิงสาวชาวเมืองฉีเฟิงมากหน้าหลายตาต่างก็รุมล้อมซางเจี้ยนเย่ากับหลงเยว่หง แสดงความกระตือรือร้นอย่างออกหน้าออกตา เช่นเดียวกับที่หนุ่มๆ มารุมล้อมเจี่ยงไป๋เหมียนกับไป๋เฉิน

เจี่ยงไป๋เหมียนได้ยินแล้วก็หัวเราะ

“เหรออออ ถึงหูฉันจะไม่ค่อยดี แต่ตาฉันไม่ได้บอดสักหน่อย

“ช่วงสองสามวันนั้น นายไปที่ไหนก็มีแต่สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง ฉันเห็นนายยิ้มแฉ่งหน้าบานเป็นกระด้งเลย”

“แค่ก…” หลงเยว่หงไอแห้งๆ ไม่รู้จะตอบเช่นไร

ตอนนั้นเขามีความสุขมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้รับความนิยมจากเพศตรงข้ามมากถึงขนาดนี้

เจี่ยงไป๋เหมียน ไม่ได้ ‘เข้าใจ’ ถึงเจตนาที่แท้จริงของการไอของหลงเยว่หงแม้แต่น้อย ยังคงหยอกเย้าเขาต่อไป

“ว่าไงนะ ไม่มีความสัมพันธ์กับคนไหนเกินเพื่อนเลยงั้นเหรอ

“หรือว่านายเป็น…”

ซางเจี้ยนเย่าซึ่งกำลังขับรถฟังเพลงก็พูดแทรกขึ้นมา

“เขากลัวน่ะ”

หลงเยว่หงอยากจะแย้ง แต่น่าเศร้าที่มันเป็นความจริง

ผู้หญิงพวกนั้นกระตือรือร้นกันมากเกินไปทำให้เขากลัวจนไม่กล้าทำอะไร

แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาได้ยินหัวหน้าทีมพูดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของสาวๆ เหล่านี้ให้ฟังแล้ว

นั่นก็คือการได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในดินแดนสุขาวดีของ ‘ผานกู่ชีวภาพ’

หากว่าไม่สามารถแต่งงานเข้าไปอยู่ที่นั่นได้ งั้นก็ขอเพียงแค่ได้ตั้งครรภ์เพื่อเพิ่มลูกหลานที่มีพันธุกรรมอันยอดเยี่ยมให้กับเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังดี

นอกจากนี้หลงเยว่หงก็ต้องยอมรับว่าตนเองมีเหตุผลเล็กน้อยอีกประการหนึ่งที่ทำให้เขากลัวก็คือหญิงสาวเหล่านี้ดูสกปรกมอมแมมเนื่องจากว่าเมืองฉีเฟิงขาดแคลนน้ำสะอาด จนกระทั่งชิปกรองน้ำอันใหม่ได้ขนส่งมาถึง

“กลัวก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่” เจี่ยงไป๋เหมียนเดาะลิ้นแล้วก็หันไปถามซางเจี้ยนเย่า “แล้วนายล่ะ ไหงพวกสาวๆ ถึงไม่มาเจ๊าะแจ๊ะกับนาย ใช้พลังกับพวกเธอหรือไง”

ร่างซางเจี้ยนเย่าโยกเบาๆ ไปตามจังหวะดนตรี

“เปล่าหรอก

“ผมเพียงแค่สนทนากับพวกเธออย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ของมนุษยชาติในทุกวันนี้ พูดคุยเรื่องมลพิษ โรคภัย ความอดอยาก การกลายพันธุ์ แล้วก็ ‘คนไร้ใจ’ และสาธยายเรื่องชะตากรรมที่พวกเราแต่ละคนต้องแบกรับไว้

“พวกเธอฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งและเกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก แสดงท่าทางว่าอยากจะรีบกลับบ้านไปคิดทบทวน

“อืม ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการย่อยข้อมูลแหละ หวังว่าพวกเธอจะตกผลึกทางความคิด เข้าใจได้กระจ่างอย่างรวดเร็ว”

เจี่ยงไป๋เหมียนได้ฟังแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่นเพราะกลัวว่าจะระเบิดหัวเราะออกมา

“ฉันประเมินนายต่ำไปซะแล้ว” เธอกล่าวชมเชยเขาด้วย ‘สีหน้าจริงจัง’

ไป๋เฉินที่นั่งอยู่เบาะหลังได้ฟังทั้งสามพูดคุยกัน แม้ว่าเธอไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย แต่ก็แสดงสีหน้าที่ดูอ่อนโยนมาก เธอฟังอย่างตั้งใจ บางทีก็เผยอยิ้มออกมา

รถจี๊ปขับมาอีกไม่กี่นาที เจี่ยงไป๋เหมียนก็ตบที่วางแขนคอนโซลกลางเบาๆ ก่อนจะพูด

“จอดก่อน เปลี่ยนให้ฉันขับได้แล้วล่ะ ถึงยังไงพอไปถึงประตูทางเข้าเพื่อตรวจสอบ ก็ต้องเปลี่ยนที่นั่งกันอยู่ดี”

ซางเจี้ยนเย่าจอดรถอย่างอิดออด เปิดประตูลงมาแล้วขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับ

เจี่ยงไป๋เหมียนปิดลำโพง หัวเราะร่า

“กลับบ้าน!”

จากนั้นเธอก็เหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าสู่ทางเข้าอาคารใต้ดินของ ‘ผานกู่ชีวภาพ’

ระหว่างนี้ภายในใจของหลงเยว่หงก็มีภาพเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้ผ่านวูบเข้ามาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่อาจควบคุมได้

การต่อสู้กับงูเหล็กบึงดำและชุดเกราะกระดูกเสริมแรงทางทหาร – การท่องหนังสือของเด็กๆ ในเมืองน้ำล้อม – การได้พบกับจิ้งฝ่าที่ซากโรงงานเหล็ก – การฆ่าล้างเมืองหนูดำ – พลังทำเสน่ห์ที่ทรงพลังของเฉียวชู – ‘คนไร้ใจขั้นสูง’ กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ – หลังจากที่ ‘ไฟฟ้า’ สว่างขึ้น พวก ‘คนไร้ใจ’ ก็ดูเหมือนมนุษย์ปกติ – เสียงหอนโหยหวนที่เศร้าสร้อยอ้างว้างดังก้องสะท้อนอยู่ในเมืองที่ตายไปแล้ว – ความกระตือรือร้นของชาวเมืองฉีเฟิง – การฝึกเพื่อเอาชีวิตรอดในแดนร้าง…

ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่เดือนเดียว แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่มานานกว่าสิบปีแล้ว

เพียงไม่นานนัก ‘ทีมสำรวจเก่า’ ทั้งสี่คนก็มองเห็นทางเข้าอาคารใต้ดินของ ‘ผานกู่ชีวภาพ’

ในตอนนี้จิตใจของหลงเยว่หงกลับมาเป็นปกติแล้ว เขารู้สึกสบายใจและสงบสุขอย่างไม่มีอะไรเทียบได้

ราวกับใบไม้ที่ปลิวล่องลอยตามลม ในที่สุดก็ร่วงหล่นกลับคืนสู่โคนต้นเสียที

“พอออกไปนานๆ ก็อยากจะกลับมา แต่พอกลับมาอยู่นานๆ เข้าก็อยากจะออกไปใหม่ มนุษย์หนอมนุษย์… ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ย้อนแย้งเสียจริง” เจี่ยงไป๋เหมียนขับรถไปพลาง ทอดถอนใจไปพลาง

รถจี๊ปเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าใกล้ประตูทางเข้าไปทุกขณะ

* * * * *

หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบหลายครั้งหลายครา ในที่สุดสมาชิกทั้งสี่ของ ‘ทีมสำรวจเก่า’ ก็กลับมาที่ห้องเลขที่ 14 ชั้น 647

“เอาของทุกอย่างที่นำกลับมาจากข้างนอกมาให้ฉัน” เจี่ยงไป๋เหมียนมองดูทุกคนรอบกายแล้วพูดขึ้น “ของพวกนี้ต้องส่งไปให้บริษัทตรวจสอบก่อน ถึงจะตัดสินได้ว่าจะได้คืนมาหรือเปล่า”

เธอยิ้มแล้วพูดเสริมอีกสองประโยค

“วางใจได้ ของชิ้นไหนที่ต้องส่งมอบให้กับบริษัทก็จะได้แต้มส่วนร่วมเป็นค่าตอบแทน บริษัทไม่เอาเปรียบพวกนายหรอกน่า

“ส่วนพวกข้าวของจิปาถะที่ทางบริษัทไม่สนใจ ก็จะคืนกลับมาให้พวกนาย

“ฮ่า ฮ่า ไม่รู้ว่าหน่วยปฏิบัติการของหวังเป่ยเฉิงกลับมาถึงหรือยัง เรายังมีรถหุ้มเกราะกับข้าวของอื่นๆ อยู่ที่พวกเขาด้วย”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘หวังเป่ยเฉิง’ ไป๋เฉินก็ครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพบเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความผิดปกติต่างๆ ในซากเมืองนั้นบ้างหรือเปล่านะ”

เจี่ยงไป๋เหมียนร้อง “อืม” ออกมาคำหนึ่ง

“ไว้เจอกันเมื่อไหร่จะลองถามดู หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ได้มีมาตรการรักษาความลับสูงเกินไป

“เฮ้อ ในความคิดฉันนะ ฉันคิดว่าโอกาสที่พวกเขาจะหาเบาะแสเจอ ไม่น่าจะมีมากสักเท่าไหร่ ห้องแล็บนั่นก็ระเบิดไปแล้ว ไอ้เจ้าตัวที่หอนที่อยู่ข้างในน่าจะไม่เหลือซากด้วยซ้ำ…”

ระหว่างที่เธอกำลังพูดอยู่ ซางเจี้ยนเย่าก็นำเอาข้าวของทั้งหมดที่เขานำกลับมาด้วย วางกองไว้บนโต๊ะ

สิ่งที่มีก็คือ…

แว่นกันแดดสีดำ, นาฬิกาข้อมือแบบแมคคานิกส์หน้าปัดสีดำ, ลูกแก้วใสมีกลีบดอกไม้สีเหลืองฝังอยู่ข้างในที่ได้มาจากเมืองน้ำล้อม, แผ่นกระดาษจากซากโรงพยาบาลที่โรงงานเหล็ก, เครื่องบันทึกเสียงของเด็กหญิงเมืองหนูดำ, ปืนพกอูเป่ย 7 ของอู๋โส่วสือกับเหรียญ 12 เหรียญ, ตรานักล่าของโจรที่สวมเกราะกระดูกเสริมแรง…

ส่วนของที่เหลือชิ้นอื่นๆ นั้นยังอยู่ในรถจี๊ป

เจี่ยงไป๋เหมียนกวาดตามอง ชี้แผ่นกระดาษแล้วถาม

“นี่อะไรเหรอ”

“กระดาษที่เก็บมาจากแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลที่ซากโรงงานเหล็กน่ะ” ซางเจี้ยนเย่าตอบ

“ทำไมไม่เห็นนายเล่าให้ฟังเลยล่ะ” เจี่ยงไป๋เหมียนถามออกมาอย่างอัตโนมัติ

ซางเจี้ยนเย่าตอบเต็มปากเต็มคำ

“ผมลืม”

“…ก็จริงนะ เป็นเพราะว่าตอนนั้นเราเจอจิ้งฝ่านี่นา” เจี่ยงไป๋เหมียนละสายตากลับมา “ดีเลย ส่งไปให้เบื้องบน ให้พวกเขาไปวิเคราะห์ดูว่ามีข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์บ้างไหม”

หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว เจี่ยงไป๋เหมียนก็ให้ทุกคนนั่งลง พูดด้วยรอยยิ้ม

“ฉันรู้ว่าทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว แต่พวกเรายังต้องวิเคราะห์ทบทวนการฝึกภาคสนามกันก่อน”

ขณะที่พูดก็มองที่ไป๋เฉิน

“เธออยากพูดอะไรไหม”

ไป๋เฉินครุ่นคิดก่อนจะตอบ

“ที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้วตั้งแต่การทบทวนเมื่อสองสามครั้งก่อน”

“โดยหลักแล้วครั้งนี้จะให้พูดถึงภาพรวมทั้งหมดเลยน่ะ” เจี่ยงไป๋เหมียนชี้นำทิศทางหัวข้อสนทนา

ไป๋เฉินเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะเริ่มพูด

“เจอเรื่องไม่คาดคิดเยอะไปหน่อย

“ฝึกครั้งนี้แค่ครั้งเดียว แต่ได้เจออันตรายพอๆ กับที่ฉันเจอมาตลอดสามปีเลยล่ะ”

เมื่อเธอพูดขาดคำ ซางเจี้ยนเย่าก็ผงกศีรษะด้วยสีหน้าจริงจัง

“สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าชะตาไม่ดี…”

ได้ยินแบบนี้ทำเอาหลงเยว่หงถึงกับทรุด

“พอเลย” เจี่ยงไป๋เหมียนรีบขัดจังหวะ ‘ความคิดเห็น’ ของซางเจี้ยนเย่า แล้วยิ้มให้หลงเยว่หง “พวกชะตาเอย ดวงเอย ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก เรื่องงมงายทั้งนั้น!”

หลงเยว่หงถอนหายใจเงียบๆ ในขณะกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างก็เห็นหัวหน้าทีมสาวสวยมองมาแล้วยิ้มให้

“แต่ว่านะ ชื่อนายก็ไม่ค่อยจะดีจริงๆ นั่นแหละ กลับไปเปลี่ยนชื่อดีไหม ชื่อ ‘หลงอ้ายหง’ เป็นไง พ่อแม่นายต้องชอบมากแน่ๆ”

“…” หลงเยว่หงตอบสนองด้วยสีหน้าเซื่องซึม “หัวหน้า เมื่อกี้คุณเพิ่งจะบอกว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ”

“บนแดนธุลีน่ะ บางเรื่องถึงไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เชียว” เจี่ยงไป๋เหมียนพูดๆ ไปแล้วก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นหรอกน่า อืม… ฉันจะเขียนลงไปในรายงานการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ว่าคุณสมบัติของนายผ่านเกณฑ์ แล้วก็จะบอกลงไปด้วยว่านายไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของ ‘ทีมสำรวจเก่า’ แนะนำว่าควรเปลี่ยนงาน ด้วยวิธีนี้ถึงแม้ว่านายจะถูกย้ายงานไปตำแหน่งอื่น แต่ในประวัติบุคคลก็จะไม่มีดาวดำ”

หลงเยว่หงได้ยินแล้วรู้สึกซาบซึ้งมาก

“ขอบคุณครับ… ขอบคุณมาก”

เจี่ยงไป๋เหมียนยิ้มพลางส่ายหน้า

“อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเลย ฉันทำได้แค่เพียงส่งคำแนะนำเท่านั้น สุดท้ายนายจะได้ย้ายหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับเบื้องบนนั่นแหละ

“ยกเว้นว่าจะเขียนไปว่าฉันกับนายเหมือนน้ำกับไฟเข้ากันไม่ได้ เขียนไปว่าคุณสมบัตินายไม่ผ่านเกณฑ์ วิธีคิดมีปัญหา แบบนี้แหละถึงจะได้ย้ายงานชัวร์ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ประวัตินายจะมีดาวดำแหง”

“ผมเข้าใจ ขอบคุณครับ หัวหน้า” หลงเยว่หงตอบจากใจจริง

เจี่ยงไป๋เหมียนหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม

“จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่อยากให้นายไปซักเท่าไหร่หรอก

“ความโชคร้ายน่ะ บางทีก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกนะ นายลองคิดดูสิ ถ้าพวกเราไม่ได้ดวงกุดเคราะห์หามยามร้ายจนต้องไปเจอสารพัดเรื่องพวกนั้น เราก็คงไม่ได้เข้าไปที่ซากเมืองนั่น แล้วก็จะไม่รู้ว่าพวกมนุษย์จากโลกเก่านั้นได้ทำการทดลองที่อันตรายพวกนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มเกินคุ้มสุดๆ!”

หลงเยว่หงพูดแก้ต่างด้วยเสียงอ่อยๆ

“หัวหน้า… ผมไม่ได้เป็นตัวซวยขนาดนั้นสักหน่อย…”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 89 กลับบ้าน (องก์สอง ยังไม่จบ)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์