ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 55
เจียงเป่ยเฉินไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมองจากสายตาและท่าทางที่ดูถูกของอีกฝ่าย เขาก็ไม่สนใจเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไปในบ้าน
“คุณป้า ผมกลับมาแล้ว!”
เจียงเป่ยเฉินกล่าวและเดินขึ้นไปบนบ้านเห็นดังนั้นเตวหยูหลานก็โกรธ
“เจียงเป่ยเฉิน! ทำไมนายทำตัวไม่สุภาพแบบนี้ มีแขกมาที่บ้านทำไมนายไม่ทักทายจะบอกอะไรให้นะนี่คือจางชวนเป็นเพื่อนของเสี่ยวหวู่เขาทำงานที่บริษัทต่างชาติหน้าที่การงานดีกว่านายเยอะ!”
เตวหยูหลานชี้ไปที่ตู้เย็นและกล่าวเสียงดัง “เร็ว รีบไปหาน้ำมา!”
ทางด้านของจางชวนเมื่อเห็นดังนั้นแล้วเขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสถานะของเจียงเป่ยเฉินในบ้านหลังนี้จะไม่ค่อยดีสักเท่าไร ถึงได้ถูกใช้ให้มาเทน้ำให้แขกแบบนี้ ทำให้เขามั่นใจขึ้นอย่างมากเขากล่าวกับเจียงเป่ยเฉินว่า “รบกวนพี่เจียงด้วย!”
“ไม่เป็นไร ยินดีต้อนรับ ถ้านายต้องการดื่มน้ำแต่นายไม่มีมือนายสามารถเรียกพี่เลี้ยงหรือแม่บ้านมาจัดการให้ได้ทำตัวตามสบาย!”
เจียงเป่ยเฉินกล่าวจบและเดินขึ้นไปชั้นบนทันที
จางชวนตะลึงเขาหน้าแดงด้วยความโกรธ ทีแรกเขาได้ยินจากเตวหยูหลานว่าไอ้หมอนี่มันเป็นแค่คนขับรถ แต่ทำไมมันถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้?
“เจียงเป่ยเฉิน ไอ้ขยะ แค่หาน้ำยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรได้?”
เตวหยูหลานเดินไปที่บันไดและตะโกนต่อว่าด้วยความโกรธ ลูกเขยขยะคนนี้ไม่ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
“คุณป้า อย่าได้โกรธไปเลย พี่เจียงคงจะเหนื่อยจากการทำงาน เรามาคุยกันต่อดีกว่า!”
จางชวนมองไปยังเจียงเป่ยเฉินที่เดินขึ้นไปและยิ้มเยาะ จากนั้นเขาจึงพาเตวหยูหลานไปที่โซฟาแล้วหยิบบัตรใบนึงออกจากกระเป๋า
“คุณป้า ผมรีบกลับมาไม่ทันได้ซื้ออะไรให้คุณ นี่เป็นบัตรส่วนลดของร้าน Hermès ที่ถนน จงซิน ผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของ Hermès ในหยุนไห่หากคุณซื้อของที่ Hermès ในหยุนไห่ จะได้ส่วนลด 50%!”
“ลด 50%?”
ดวงตาของเตวหยูหลานเบิกกว้างทันที
บัตรส่วนลด 50% นี่มันมีค่ามากเลยทีเดียว ต้องทราบก่อนว่าราคาสินค้ากระเป๋าเสื้อผ้าของ Hermès มันมีราคามากมายหลายหมื่นและอาจจะถึงแสนเลยด้วยซ้ำการลด 50% จึงเป็นจำนวนที่เยอะพอควร
“จางชวน ของสิ่งนี้มันมีค่ามากเกินไป!”
“คุณป้า ผมรู้จักคุณมาตั้งแต่ยังเด็กผมก็เปรียบเสมือนลูกชายของคุณ เพราะงั้นแล้วคุณรับไว้เถอะ!”
เตวหยูหลานได้ยินแบบนี้เธอจึงดีใจเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกสนใจในตัวจสงชวนมากว่าตอนจื่อเฉ่าเสียอีก เธอแทบจะอยากให้หวังเสี่ยวหวู่หย่ากับเจียงเป่ยเฉินทันทีตอนนี้และมาแต่งงานกับจางชวนทันที
“เฮ้อ ถ้าลูกเขยขยะนั้นมีความสามารถสักครึ่งหนึ่งของเธอก็คงจะดี!”
เตวหยูหลานรับบัตรมาและกล่าว
“ที่จริงแล้วคุณป้า ผมไม่คิดว่าพวกเขาทั้งสองคนเหมาะกันเพราะความจริงแล้วเสี่ยวหวู่เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมคุณไม่ลองคุยกับเธอให้เธอคิดอีกทีละ!”
จางชวนกล่าวราวกับเขารู้เรื่องเกี่ยวกับทั้งสองคนเป็นอย่างดีที่ว่าเสี่ยวหวู่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจียงเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าหากเสี่ยวหวู่หย่ากับเขา ผมจางชวนศัญญาว่าผมจะแต่งงานกับเสี่ยวหวู่ทันที!”
จางชวนกล่าว
“จางชวนเธอพูดจริงงั้นหรอ?”
ตาของเตวหยูหลานเป็นประกายขึ้นมาทันที เดินทีเธอต้องการให้จางชวนมาเป็นลูกเขยอยู่แล้ว
แกร๊ก! ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
หวังเสี่ยวหวู่เธอกลับมาแล้ว
เธอถอดร้องเท้าส้นสูงของเธอและเดินไปยังห้องนั่งเล่นด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาเธอก็ตกใจและขมวดคิ้วทันที
“จางชวน นายมาทำอะไรที่นี่”
“เสี่ยวหวู่ ทำไมพูดแบบนี้ จางชวนเพิ่งจะกลับมาที่จีน ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ!”
เตวหยูหลานกล่าวกับหวังเสี่ยวหวู่ทันที
“เพื่อหนู?”
หวังเสี่ยวหวู่หัวเราะและส่ายหัวพลางกล่าว “ขอโทษที วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน แต่นายสามารถคุยกับคุณแม่ต่อไปได้นะ!”
กล่าวเสร็จเธอก็เดินขึ้นไปบนบ้านทันที
ก่อนนี้เธอกับเขาได้ไปเรียนที่ต่างประเทศด้วยกันนั้น จางชวนได้ตามตื้อเธอเป็นอย่างมาก ทีแรกเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจเขาเท่าไรแต่เมื่อนานเข้าเธอก็เริ่มจะมีความรู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง แต่ทว่าอยู่มาวันหนึ่งเธอบังเอิญไปเห็นจางชวนกำลังทำกิจกรรมบางอย่างกับหญิงสาวชาวต่างชาติบนรถ ทำให้เธอหัวเสียเป็นอย่างมากทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนั้น
“เสี่ยวหวู่ ลิซ่าและผมเราเลิกกันไปนานแล้ว ผมยอมรับว่าผมผิด แต่ผมนั้นรักคุณจริงๆนะที่ผมมาที่นี่เพื่อที่จะมาหาคุณ!”
จางชวนเดินไปข้างหน้าและจับแขนของหวังเสี่ยวหวู่
หวังเสี่ยวหวู่สบัดแขนด้วยท่าทางที่รังเกียจและกล่าวอย่างเย็นชา “จางชวนนายพอได้แล้ว! ยังไงก็ตามเราก็เป็นแค่เพื่อนกันคุณจะทำอะไรมันก็เรื่องของคุณ และอีกอย่างตอนนี้ฉันก็มีสามีแล้ว เพราะฉะนั้นโปรดรู้จุดยืนของตัวเองด้วย!”
จางชวนตะลึงอยู่พักหนึ่งเขาไม่คาดคิดว่าเสี่ยวหวู่จะมีอารมณ์รุนแรงขนาดนี้ และเตวหยูหลานที่อยู่ข้างๆก็งุนงงเธอไม่เข้าใจว่าระหว่างทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าคุณมีธุระคุยกับคุณแม่ ก็คุยไป สำหรับเราไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว!”
หังจากกล่าวจบเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบนทันที
“คุณป้า ผมเคยคบหากับผู้หญิงต่างชาติมาก่อน มันคงมีเรื่องให้เสี่ยวหวู่เข้าใจผิด เพราะงั้นได้โปรดช่วยผมหน่อยผมอยากจะแก้ไขมัน!”
จางชวนอธิบายกับเตวหยูหลานอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วง ป้าจะช่วยเธอในเรื่องนี้เอง!”
เตวหยูหลานกล่าวรับปากเธอไม่ยอมปล่อยลูกเขยที่ดีเช่นนี้หลุดมือไปแน่
“ครับคุณป้า งั้นผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันใหม่วันหลัง!”
จากนั้นเตวหยูหลานเดินออกไปส่งจางชวนด้วยตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น.
ทุกคนต่างมากินข้างเช้ากันพร้อมหน้า
เตวหยูหลานจงใจวางบัตรส่วนลดร้าน Hermès ลงบนโต๊ะ และกล่าวกับหวังเสี่ยวหวู่ “ยัยหนูวันนี้เธอพักเรื่องงานไว้ก่อนอย่างเพิ่งวิ่งเต้นไปมา วันนี้ไปกับแม่ไปช้อปปิ้งกัน แม่ได้บัตรส่วนลด 50% ของ Hermès ที่จางชวนให้มาแม่ว่าจะไปหาซื้อกระเป๋าสักหน่อยคราวก่อนที่ไปซื้อมันราคา 2 หมื่นหยวนใช่มั้ย? ราคานั้นตอนนี้แม่สามารถซื้อได้สองใบสองสี ครั้งต่อไปที่ไปพบพวกเพื่อนๆคนอื่นๆ แม่จะเปลี่ยนวันละใบพวกเขาคงอิจฉาแม่แทบตายแน่! “
“แม่ มันก็แค่กระเป๋า ครอบครัวของเราไม่ควรใช่จ่ายฟุ่มเฟือย ทำไมคุณถึงไปรับของแบบนั้นจากจางชวนล่ะ?”
หวังเสี่ยวหวู่ขมวดคิ้ว
“ห๊ะ! ทำไมมันมีปัญหาอะไนกับจางชวน แม่เห็นเขาโตมาตั้งแต่เด็กถ้าได้เขามาเป็นลูกเขย เขาจะต้องดีกับแม่มากกว่าใครบ้างคนแถวนี้แน่!”
เตวหยูหลานจงใจกล่าวแบบนั้นออกไป เนื่องจากเจียงเป่ยเฉินอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้วแต่เขากลับไม่เคยทำอะไรที่ให้เกียรติเธอเลยสักครั้ง
“แม่ แม่ทำไมพูดแบบนั้น”
“ทำไม? ฉันพูดอะไรผิดงั้นหรอ ลูกเขยที่ไม่มีเงินมันจะมีประโยชน์อะไร? “
เตวหยูหลานเยาะเย้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเจียงเป่ยเฉินก็ดังขึ้น
เป็นฉินเสี่ยวโทรมา
เจียงเป่ยเฉินเห็นดังนั้นจึงกดรับสาย
“พี่เจียง พอจะมีเวลาว่างมั้ย?”
“ฮันมีปัญหานิดหน่อย คุณช่วยมาดูให้หน่อยได้ไหม? “
ฉินเสี่ยวขอร้อง