ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 56
เจียงเป่ยเฉินขมวดคิ้ว ตอนแรกนั้นเขาตั้งใจว่าจะไปทำงานที่บริษัท และไม่คาดคิดว่าฉินเสี่ยวจะต้องการตัวเขาในวันนี้
“พี่เจียง คนไข้รายนี้ฉันเคารพเขามาก ฉันหวังว่าคูรจะสามารถช่วยได้!”
ฉินเสี่ยวขอร้อง
“ได้ ฉันจะไป!”
เจียงเป่ยเฉินส่ายหัว แต่เขาก็ตอบตกลง
เมื่อเขาวางสายเขาพลันเห็นแววตาที่งุนงงของหวังเสี่ยวหวู่เขาจึงอธิบายกับเธอทันที
“โอะ ก่อนนี้ผมตอบรับคำเชิญของฉินเสี่ยวเรื่องเป็นที่ปรึกษาให้ แล้วตอนนี้มีผู้ป่วยเข้ามาดังนั้นเธอจึงเรียกให้ผมไปช่วย!”
เจียงเป่ยเฉินรีบอธิบาย
“โอ้! ที่จริงนายไม่ต้องบอกฉันก็ได้ว่านายจะทำอะไร!”
หวังเสี่ยวหวู่กล่าว
“ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด!”
“กลัวว่าฉันจะเข้าใจผิด?
หืม ฉันจะเข้าใจผิดเรื่องอะไร
คิดว่าฉันจะหึงนายหรอ? “
หวังเสี่ยวหวู่กล่าวติดตลก แต่ทว่าใบหน้าของเธอกลับกลายเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว
“แค่มีทักษะทางการแพทย์แล้วมันจะทำอะไรได้ ไม่ทำให้นายรวยขึ้นหรอก?
เตวหยูหลานกล่าวด้วยความรังเกียจ
เจียงเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอะไรออกไป แม่ยายของเขาคนนี้ในหัวมีแต่เรื่องเงินทั้งนั้น เขาจึงไม่สนใจเธอหลังจากพูดคุยกับหวังเสี่ยวหวู่อีกสักพักเขาก็ออกจากวิลล่าไป
“พี่เจียง คุณมาแล้ว!”
ทันทีที่เจียงเป่ยเฉินจอดรถที่หน้าหอหลิงจือ ฉินเสี่ยวก็รีบเข้ามาทักทายเขาทันที
“คนไข้เป็นใคร อาการเป็นยังไง”
เจียงเป่ยเฉินขมวดคิ้วถาม
“พี่เจียง ที่จริงแล้วคนไข้รายนี้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหอหลิงจือเรา เขาไม่เพียงเป็นผู้สนับสนุนเราเท่านั้นโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองหยุนไห่และหยุนซานก็ด้วย อีกทั้งเขายังมีโรงพยาบาลในนามของเขาเองด้วยและมีค่ารักษาที่ต่ำมาก หากว่ามีครอบครัวไหนที่ไม่สามารถจ่ายเงินรักษาได้ก็จะได้รับการยกเว้นค่ารักษา เขาเป็นคนที่ดีมากๆ! ดังนั้นแล้วฉันจึงอยากให้คุณช่วยเขา!”
ฉินเสี่ยวอธิบาย
“โห ฟังดูเป็นคนที่ไม่เลวเลยนะ ฉันจะช่วย”
เจียงเป่ยเฉินพยักหน้าตกลง ในยุคนี้หากยากเป็นอย่างมากกับการที่มีคนยืนหยัดทำสิ่งต่างๆเพื่อประชาชนทั่วไป
เจียงเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกที่จะสนใจคนผู้นี้
ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงพยาบาลทันที
เมื่อมาถึงชั้นสอง ก็พบเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงดัง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกันถึงเรื่องอาการของผู้ป่วย
ผู้ป่วยคนนี้เป็นชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มมีท่าทางไม่ธรรมดา ใบหน้าของเขาดูอ่อนเพลียและดูเหนื่อยล้า แต่ถึงกระนั้นแม้ใบหน้าของเขาจะดูอ่อนแรงแต่ดวงตาก็ยังคงแหลมคมเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้นฉินเสี่ยวและเจียงเป่ยเฉินก็เดินเข้ามา
กลุ่มคนเหล่านั้นล้วนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รับการเชิญจากโรงพยาบาลใหญ่ๆ และแม้แต่ปู่ของเธอก็เข้าร่วมในการพูดคุยนี้ด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะเข้าไปขัดจังหวะการพูดคุยนั้น
“คุณหยวน เราได้ดูผลตรวจจาก CT Scan ของคุณแล้ว ระดับการเกิดลิ่มเลือดนั้นรุนแรงมากและขยายตัวอย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการผ่าตัดในเร็วๆนี้เกรงว่าชีวิตคุณจะอยู่ในอันตราย!”
ตัวแทนแพทย์จากแผนกตะวันตกกล่าว
หยวน เจิ้งหนาน วางมือไว้บนโต๊ะและขมวดคิ้วแน่น
เขามองไปรอบรอบ “คุณหมายความว่ายังไงผมก็ต้องผ่าตัดงั้นรึ”
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ก็มีคนแนะนำให้เขาผ่าตัดโดยเร็วที่สุด แต่หากว่าไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากที่จะทำการผ่าตัด เพราะด้วยในฐานะของเขาแล้วเขาไม่มีเวลาพอที่จะนอนบนเตียงในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน
ตัวแทนแพทย์จากตะวันตกกล่าวอย่างเคร่งเครียด “คุณหยวน คุณเคยเป็นโรคหลอดเลือดในสมองมาก่อน แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่เป็นอันตรายแต่มันก็เหมือนกับว่ามีระเบิดเวลาอยู่ในตัวคุณซึ่งมันอาจจะปะทุได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์นั้นเราขอแนะนำว่าให้คุณดำเนินการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด! “
แพทย์จากตะวันตกคนอื่นต่างพยักหน้ารับและเห็นด้วย พวกเขาเหล่านี้เป็นแพทย์ชั้นนำในเมืองหลังจากอ่านรายงานผลตรวจแล้วพวกเขาต่างลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
หยวน เจิ้งหนาน ต้องได้รับการผ่าตัด! “ผู้เฒ่าฉิน คุณคิดยังไง?”
หยวน เจิ้งหนาน ขมวดคิ้วถามชายชราผู้มีผมหงอกขาวทันที
ชายชราผู้นี้เป็นเจ้าของหอหลินจือและก็ยังเป็นปู่ของฉินเสี่ยวอีกด้วย
วันนี้ หยวนเจิ้งหนาน ได้เชิญแพทย์หลายคนมาที่นี่เพื่อรับฟังความคิดเห็น แต่ที่สำคัญที่สุดเขาต้องการฟังความคิดเห็นของ เหล่าฉิน ยังไงก็ตาม ฉินเจิ้ง ว่าเป็นผู้มากฝีมือในด้าน TCM ของหยุนไห่และหยุนซานหากเขาลงความเห็นว่าต้องผ่าตัด ก็เกรงว่าจะไม่มีหนทางอื่นแล้วจริงๆ! ฉินเจิ้ง ที่ขมวดคิ้วมาตั้งแต่ต้นในเวลานี้เขาก็พลันวางฟิล์มในมือลงและถอนหายใจพร้อมกับกล่าว “เกี่ยวกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจของคุณ ตอนนี้มันอันตรายและร้ายแรงมากผมคิดว่าคุณควรเข้ารับการผ่าตัดดีกว่า!”
ในตอนนี้ หยวนเจิ้งหนานสับสนเป็นอย่างมาก หากแม้แต่เหล่าฉินยะงยืนยันแบบนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเข้ารับการผ่าตัดจริงๆงั้นสินะ
“ผมอยากทราบว่าอัตราการผ่าตัดสำเร็จมีมากน้อยขนาดไหน?”
หยวน เจิ้งหนานถาม
ตัวแทนแพทย์ชาวตะวันตกตกตะลึงครู่หนึ่ง และสบตากับแพทย์คนอื่นๆก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว “คุณหยวน ตำแหน่งของมันค่อนข้างจะยุ่งยากอยู่บ้าง เนื่องจากมันมีความซับซ้อนและผ่าตัดยาก และความดันโลหิตของคุณยังไม่คงที่เท่าไร ดังนั้นอัตราความสำเร็จน่าจะอยู่ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น! “
“สามสิบเปอร์เซ็นต์?”
หยวนเจิ้งหนานตะลึง แต่แล้วเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น มันต่ำมาก! หลังจากที่ตกใจอยู่ระยะเวลาหนึ่งจิตใจของเขาก็ค่อยๆปรับตัวกลับมาเป็นปกติ
“งั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด!”
หยวนเจิ้งหนานถอนหายใจและกล่าว
มันใดนั้นเจียงเป่ยเฉินก็พลันลุกขึ้นและกล่าวกับหยวนเจิ้งหนานทันที “คุณไม่จำเป็นต้องผ่าตัด!”
ทันทีที่เสียงของเจียงเป่ยเฉินดังขึ้นมาทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เขา
ที่จริงหลายคนล้วนสักเกตุเห็นแล้วว่าฉินเสี่ยวได้พาคนเข้ามา แต่พวกเขาล้วนเป็นคนสำคัญในวงการแพทย์ มีหรือที่พวกเขาจะสนใจชายหนุ่ม แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายหนุ้มคนนั้นจะกล่าวขึ้นมาในเวลานี้
อีกทั้งยังเป็นตอนที่ทุกคนลงความเห็นเกี่ยวกับการรักษาหยวนเจิ้งหนานไปแล้วว่าเขาต้องได้รับการผ่าตัดโดยทันที แต่ชายผู้นี้กลับเปิดปากปฏิเสธ! เวลานี้ใบหน้าของฉินเสี่ยวกลายเป็นสีแดงไปในทันทีเธอไม่คาดคิดว่าเจียงเป่ยเฉินจะกล่าวออกมาเช่นนี้ในเวลานี้
ฌะอลุกขึ้นกล่าวแนะนำตัวเขาอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโส นี่คือคุณเจียงที่ฉันเป็นคนเชิญมา อีกทั้งเขายังเป็นแพทย์แผนจีน และตอนนี้เขารับหน้าที่เป็นแพทย์ที่ปรึกษาในโรงพยาบาลของเรา!”
“ที่ปรึกษา?”
มันใดนั้นตัวแทนของแพทย์แผนตะวันตกพลันขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น “ขอถามได้ไหมว่า ดร.เจียง จบจากที่ไหนมา?
หรือคุณมาจากตระกูลแพทย์แผนจีนตระกูลไหน?
คุณได้ตีพิมพ์บทความวิชาการลงในคอลัมน์ทางการแพทย์อะไรหรือเปล่า? “
เขายิงคำถามต่อเนื่องไปทางเจียงเป่ยเฉิน
สิ่งที่แพทย์ให้ความสนใจคือคุณวุฒิ เด็กที่ไม่ทราบหัวนอนปลายเท้ามีคุณสมบัติอะไรมาออกความเห็นกับพวกเขา?
ฉินเจิ้งขมวดคิ้วทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้ ว่าเขาเป็นคนที่เคยช่วยหลานสาวของเขาเอาไว้ เขาอยากจะขอบคุณและปรึกษาเกี่ยวกับเทคนิคทางการแพทย์ แต่ไม่คาดว่าในเวลานี้เขาจะพูดถึงความเป็นไปได้ที่ไร้เหตุผลซึ่งทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก และในตอนนี้เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ชายหนุ่มคนนี้ได้ช่วยหลานสาวของเขาเอาไว้เป็นความบังเอิญ หรือหลานสาวของเขาพูดเอาไว้เกินจริงกันแน่
“ผมไม่ได้จบจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอะไร หรือมาจากครอบครัวแพทย์แผนจีนไหน และไม่ได้ตีพิมพ์บทความทางวิชาการใดๆ ทักษะทางการแพทย์ของผมเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง!”
เจียงเป่ยเฉินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับกล่างออกไป
เรียนรู้ด้วยตัวเองงั้นหรอ?
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา