ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 50.2
ทั้งนี้ หรานจิงเองก็พลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ทว่า เธอเองก็กลัวว่าเสี่ยวเฉิงกำลังจะทำอะไรไม่คิด “นายคิดจะทำอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า บอกมาหน่อยเถอะว่ามันอยู่ที่ไหน?” เสี่ยวเฉิงพลันถามกลับ
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงสุดเย็นชาของเสี่ยวเฉิง หรานจิงก็พลันลังเลไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับ “ส่วนมากพวกมันจะมุดหัวอยู่แถวไนต์คลับ ในบรรดาแก๊งทั้งสี่ ก็มีแต่พวกแก๊งเต่าดำนี่แหละที่ยังดิ้นรนทำทุกอย่างแบบเดิม”
“โอเค เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับและกำลังจะวางสาย แต่ทว่า หรานจิงก็พลันกล่าวเสริมขึ้นมา “แต่นี่มันเลยห้าทุ่มมาแล้วนะ ฉันว่านายอย่าไปที่นั่นเลยจะดีกว่า”
“ทำไมกันล่ะ?”
“นายรู้จักเขตย่านเมืองเก่าไหมล่ะ? ที่นั่นมีแต่ไนต์คลับย้อนยุคเต็มไปหมด แถมผู้คนแถวนั้นก็ดูเหมือนจะมีแต่พวกอันธพาลอีกด้วย พวกแก๊งเต่าดำเองก็กบดานอยู่ที่นั่นแหละ ถึงตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างน่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วก็เถอะ แต่ปกติแล้ว พวกตำรวจก็มักจะไม่เข้าไปยุ่งกับพื้นที่แถวนั้นหรอก ขนาดรัฐบาลยังไม่กล้าทำอะไรเลย อีกอย่าง ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่แถวย่านเมืองเก่าต่างก็เป็นคนท้องถิ่นที่อยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้วทั้งนั้น”
เสี่ยวเฉิงพลันเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับ “สไตล์ฉันก็เหมือนคนท้องถิ่นเหมือนกันนะ คิดแบบเดียวกันไหมล่ะ? ยังไงก็เถอะ ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันว่าจะไปคุยกับคนแถวนั้นสักหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันตัดสายไป เขารีบมุ่งหน้าไปยังไนต์คลับแถวย่านเมืองเก่าทันที
โดยปกติแล้ว ย่านเมืองเก่าถือเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ไม่ยอมย้ายออกตามนโยบายการก่อสร้างและปรับปรุงของรัฐบาล พวกเขามักจะสร้างเรื่องสร้างปัญหาให้กับพวกนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ปวดหัวอยู่เรื่อย แต่ถึงอย่างไร นักลงทุนหลายรายต่างก็พยายามที่จะเข้ามาครอบครองสิทธิ์ในการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ แต่ทว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามา พวกอันธพาลจากแก๊งเต่าดำก็มักจะสร้างปัญหาจนทำให้เหล่านักลงทุนต้องถอยกลับอยู่ร่ำไป
อย่างที่รู้กันว่าแก๊งเต่าดำเป็นพวกที่โหดร้ายและมักจะทำงานสกปรกให้กับอีกสามแก๊ง พวกเขามักจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องของอสังหาริมทรัพย์อยู่ตลอดเวลา แม้แต่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ นั่นเป็นเพราะหากทางรัฐบาลกล้าที่จะแตะต้องหนึ่งในสมาชิกของแก๊งเต่าดำ มันก็จะไม่ต่างอะไรกับไปยั่วโมโหอีกสามแก๊งที่เหลือ และนั่นจะต้องทำให้ฝั่งรัฐบาลเจอแต่เรื่องน่าปวดหัวเป็นแน่ ท้ายที่สุดแล้ว ย่านเมืองเก่าก็ไม่ต่างอะไรกับสถานที่หลบภัยและที่กบดานของเหล่าคนชั่ว
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงขับรถเข้ามาในเขตย่านเมืองเก่า เหล่าอันธพาลหลายสิบคนข้างทางก็พลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยเจตนาสุดชั่วร้าย
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงพลันหมุนหน้าต่างลงและหันหน้าไปถามอันธพาลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างถนน “นายช่วยไปบอกใครก็ตามที่เพิ่งจะกระทืบเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วให้ออกมาหน่อยได้ไหม?”
ทว่า อันธพาลคนนั้นก็เอาแต่สูบบุหรี่และไม่ได้สนใจเสี่ยวเฉิงเลยสักนิด แต่หลังจากสูดควันไปได้สองสามที เขาก็พลันกล่าวคำพูดออกมาอย่างเหลืออด “ออกไปให้พ้นไปเลยนะ! อย่ามาจอดรถแถวนี้! ที่นี่เป็นเขตให้บริการของไนต์คลับ ถ้าแขกของเรามาเห็นคุณเข้า พวกเขาต้องไม่พอใจแน่”
“ตอบคำถามฉันมา…” ใบหน้าของเสี่ยวเฉิงพลันมืดลง
“อยากมีปัญหามากหรือยังไงกัน?! ไม่เข้าใจภาษามนุษย์งั้นเหรอ?!” อันธพาลคนนั้นพลันโยนก้นบุหรี่ทิ้งและลุกขึ้นยืน เขาตะโกนขึ้นมาพร้อมกับเอามือยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันเปิดประตูรถออกและกระแทกชายอันธพาลจนล้มลง ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากรถ เขาก็พุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของชายอันธพาลและตะโกนเสียงดังออกมาทันที “ใครเป็นหัวหน้าของแก๊งเต่าดำ?! ไปบอกให้ไอ้เวรระยำนั่นออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ทว่า ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันสังเกตเห็นอันธพาลกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาล้อมตนเองและรถกระบะเอาไว้
“ปล่อยเขาลงเดี๋ยวนี้เลย…” ชายที่ติดต่างหูเม็ดเดียวพลันเดินตรงมาและกล่าวคำพูดกับเสี่ยวเฉิง “ถ้ามีอะไรขัดใจนัก ก็มาพูดกันตรงนี้!”
“เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ใครเป็นคนกระทืบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังลาดตระเวนอยู่ทางทิศเหนือกัน?!”
ชายอันธพาลที่มีต่างหูเม็ดเดียวเงียบไปชั่วครู่ ไม่นานนัก เขาก็พลันกางแขนและเผยท่าทีสุดยั่วโมโหออกมา “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้สินะว่าใครเป็นคนกระทืบเจ้าหน้าที่ตำรวจ งั้นมาที่นี่ทำไมกันล่ะ? อีกอย่าง อย่ามากล่าวหาพวกเราสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้สิครับ ผมจะบอกอะไรอย่างหนึ่งให้นะคุณตำรวจ ใครก็ตามที่เข้ามาที่นี่… อาจจะกลับออกไปไม่ได้อีกเลยนะครับ”