ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 67.2
อันที่จริง หลินจื้อซือเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักที่รู้ว่าเสี่ยวเฉิงอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้หญิงถึงสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็นถึงเพื่อนรักของเธอเอง… อันที่จริง มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำใจลำบาก
“ไม่หรอกน่า” เซินเหยาปฏิเสธทันที “แต่เธอไม่คิดว่าหมอนั่นเป็นผู้ชายที่น่าสนใจบ้างเหรอ? เขาชอบทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการ แถมแต่ละอย่างก็ไม่ธรรมดาเลยด้วย ถ้าให้เปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น ฉันยังไม่เคยเจอใครที่น่าสนใจเท่าหมอนั่นมาก่อนเลย พูดตามตรงเลยนะ ฉันว่าหมอนั่นเป็นผู้ชายที่ไว้วางใจได้คนหนึ่งเลยล่ะ ยังไงก็เถอะ มีอยู่คืนหนึ่ง เสี่ยวเฉิงเต็มที่ใจจะบุกเข้าไปในคาสิโนของพวกแก๊งเสือขาวเพียงเพื่อช่วยชีวิตครอบครัวหนึ่งที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แค่สิ่งที่หมอนั่นทำในวันนั้น ฉันว่าเขาเองก็ดีกว่าผู้ชายหลายต่อหลายคนที่ฉันเคยพบเจอมาเลยล่ะ”
หลินจื้อซือมองไปยังเซินเหยาที่กำลังชื่นชมสามีของเธอราวกับเป็นนิสัยติดตัว อันที่จริง หลินจื้อซือก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
ทว่า มันก็เป็นแค่งานแต่งที่ไร้ความหมาย ทำไมเธอต้องกังวลด้วยล่ะ? เสี่ยวเฉิงเองก็ให้อิสระและพื้นที่ส่วนตัวกับเธอมามากพอแล้ว เธอเองก็ควรที่จะปล่อยให้เสี่ยวเฉิงได้รับคำชมจากผู้หญิงคนอื่นบ้างสิ… แต่แท้จริงแล้ว หลินจื้อซือก็ยังรู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
“แล้วเธอชอบเสี่ยวเฉิงหรือเปล่าล่ะ?” หลินจื้อซือถามเซินเหยาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันเนี่ยนะจะไปชอบหมอนั่น?” เซินเหยาพลันตอบกลับ “เธอไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนกัน? ถ้าฉันปิ๊งคนง่ายขนาดนั้น ฉันก็คงจะมีแฟนเป็นสิบเป็นร้อยคนแล้วมั้ง”
หลินจื้อซือพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก “งั้นก็ดีแล้วแหละ”
“เธอว่ายังไงนะ?” เซินเหยาพลันถามกลับเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาดจนได้ยินผิดไป “เธอถึงกับต้องถอนหายใจโล่งอกเพียงเพราะฉันยังไม่ได้แอบชอบใครเนี่ยนะ? ให้ตายเถอะ! หลินจื้อซือ! เธออยากให้เพื่อนรักคนนี้เป็นโสดไปตลอดชีวิตหรือยังไงกันล่ะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ต้องบินไปหลายประเทศบ่อย ทุกคนที่เธอชอบก็มักจะลงเอยด้วยรักทางไกลทั้งนั้น แบบนั้นก็ดูจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ยืดยาวเท่าไหร่หรอกนะ ยังไงก็เถอะ ฉันว่าตอนนี้อยู่เป็นโสดไปก็ยังจะดีเสียกว่า” หลินจื้อซือเผยเสียงหัวเราะพร้อมกล่าวคำพูดออกมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า ถ้าฉันเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ ฉันจะลาออกจากงานเลย คอยดูเถอะ!” เซินเหยาพลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและหัวเราะเสียงดังออกมา “อันที่จริง ฉันกับหรานจิงเพิ่งจะเดิมพันกันไปด้วยแหละ เราสองพนันกันว่าฉันจะมีสิ่งที่ทำให้ผู้ชายอย่างเสี่ยวเฉิงตกหลุมรักได้ไหม…”
หลินจื้อซือพลันกระพริบตาและถามกลับ “ว่ายังไงนะ? แล้วเธอตกลงที่จะทำอะไรแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ?”
เซินเหยาพยักหน้า “ฉันได้ลาพักร้อนตั้งหนึ่งเดือนนะ ถ้าอยู่แต่ห้องก็คงจะน่าเบื่อไม่น้อยเลยล่ะ ก็เลยอยากห่าอะไรที่มันท้าทายทำหน่อย พูดตามตรงเลยนะ เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เหมือนคนอื่น… ถ้าหมอนั่นเกิดตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งเข้าแล้ว ฉันว่าเขาจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นโชคดีและมีความสุขที่สุดแน่นอนเลยล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินจื้อซือก็พลันถอนหายใจในใจอย่างแผ่วเบา บางที… เสี่ยวเฉิงอาจจะไม่เคยชอบเธอเลยก็เป็นได้
“อันที่จริง ฉันแค่กลัวว่าถ้าหมอนั่นเกิดตกหลุมรักฉันขึ้นมา ฉันจะสลัดเขาไม่หลุดถึงแม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตามน่ะสิ” เซินเหยาพลันถอนหายใจ
หลินจื้อซือพลันกัดริมฝีปากและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันว่า… เธอเองก็น่าจะลองดูหน่อยนะ งั้นฉันขอเดิมพันกับเธอด้วย!”
ทว่า หลินจื้อซือเองก็พลันพึมพำกับตัวเองในใจ
ยังไงฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าเสี่ยวเฉิงจะสนใจเธอมากกว่าฉัน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเสี่ยวเฉิงตกหลุมรักเธอเข้า ฉันเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เราสองก็คงต้องหย่าร้างกัน เราทั้งคู่ก็คงจะไม่จำเป็นต้องปกปิดความลับอะไรกันอีก…
“เธอเป็นเพื่อนรักฉันนะ! เธอไม่รู้เลยหรือว่าฉันมีเสน่ห์ขนาดไหน? อีกอย่าง ถ้าเธอจะเดิมพันด้วย ฉันก็จะพยายามเข้าหาหมอนั่นอย่างเต็มที่เลยล่ะ!” เซินเหยาพลันกล่าวคำพูดพร้อมกับวางมือบนสะโพก
ทั้งนี้ หลินจื้อซือเองก็ได้วางเดิมพันกับเซินเหยาเช่นกัน เธอเดิมพันเพราะต้องการที่จะรู้ว่าความทรงจำและความรู้สึกในวัยเด็กของทั้งสองยังคงเหลืออยู่หรือไม่… อันที่จริง หลินจื้อซือเองก็ยังคงหวังว่าเหตุผลที่ทั้งคู่ยังคงเป็นโสดและไม่มีใครก็เพราะทั้งสองกำลังรอเปิดใจให้กันและกันอยู่ ถึงกระนั้น เธอในตอนนี้ก็ดูจะไม่มั่นใจในความคิดตัวเองมากเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้น เธอจึงคิดว่ามันก็คงจะเป็นเรื่องดีที่จะปล่อยให้เซินเหยาลองดูสักหน่อย อย่างน้อย มันก็อาจจะช่วยพิสูจน์ได้ว่าเสี่ยวเฉิงยังคงยึดติดกับความทรงจำและความรู้สึกในวัยเด็กเหมือนกับที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ไหม
“งั้นเธอก็ลองไปจีบเสี่ยวเฉิงดูเลยสิ แล้วถ้าเกิดสำเร็จ ฉันจะยอมบอกความลับที่ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจให้เธอรู้เอง” หลินจื้อซือมองไปยังเพื่อนรักพร้อมกล่าวคำพูดอย่างจริงจัง
บางที ถ้าวันนั้นมาถึง เธอเองก็คงจะไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนความลับเรื่องงานแต่งเอาไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้วก็ได้…