ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 85.2
ราชันย์หน่วยรบมังกร ตอนที่ 85: การแย่งชิงตัวเสียวเฉิง 2
หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันมองไปยังผู้อํานวยการกองตํารวจและหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “นายกําลังทําร้ายเขาทางอ้อมอยู่นะ! ไม่เข้าใจหรือยังไงกัน? เขายังคงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ ตราบใดที่เสี่ยวเฉิงได้อยู่ในกองทัพภาคที่แปดของเรา ฉันรับประกันได้เลยว่าฉันจะดูแลเขาเป็นอย่างดีจนทําให้เขาได้เป็นหนึ่งในทหารชั้นแนวหน้าเลยล่ะ!”
”เลิกพล่ามไร้สาระสักทีเถอะน่า ถ้าเหตุผลของนายมีแค่นี้ ฉันก็จะขอตัวเด็กคนนี้เอาไว้เอง” ผู้อํานวยการพลันกล่าว “กองทัพสามารถฝึกความแข็งแกร่งได้ก็จริง แต่สังคมภายนอกนั้นสามารถทําให้คน ๆ หนึ่งเรียนรู้และฝึกฝนได้ดีกว่าในกองทัพเยอะเลย และอีกอย่าง การเป็นทหารที่มาก พละกําลังแต่ไร้ซึ่งสติก็มักจะนําพาแต่อันตรายเข้ามาหาตัวเองอีกด้วย”
หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันลุกขึ้นยืนทันที “นายว่าใครเป็นทหารที่ไร้ซึ่งสติกัน?”
ผู้อํานวยการพลันโบกมือ ” ฉันไม่ได้พูดถึงเสี่ยวเฉิงนะ ฉันก็แค่พูดถึงภาพรวมน่ะ แต่บอกตามตรงเลยนะว่าฉันชอบเด็กคนนี้”
หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันตอบกลับ “ฉันเองก็ชอบเด็กคนนี้เหมือนกัน และฉันก็จะพาตัวเขาไปยังกองทัพภาคที่แปดวันนี้ด้วย!”
ทั้งสองพลันสบตากันอย่างหนักหน่วงและจริงจัง
” พอเลย พอเลย ถ้าพวกนายยังตัดสินกันไม่ได้ จะสู้กันเพื่อตัดสินผู้ชนะไปเลยไหมล่ะ?” หัวหน้ากองทัพภาคห้าพลันลุกขึ้น “ให้ตายเถอะ! โต ๆ กันแล้วนะ! ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากให้เสี่ยวเฉิงอยู่ในทีมหรอกนะ แต่พวกนายสองคนช่วยบอกเหตุผลให้ฉันรู้หน่อยได้ไหมว่าชอบอะไรในตัวเสี่ยวเฉิงกันนักหนานะ?”
ผู้อํานวยการพลันตอบกลับทันที “นายก็น่าจะรู้นะว่าช่างเฉิงเป็นทั้งเมืองใหญ่ เป็นทั้งศูนย์กลางทางการเงิน แถมยังมีผู้คนอาศัยอยู่มากมายหลายประเภทด้วย อีกอย่าง สมัยนี้พวกมากฝีมือที่จบจากโรงเรียนตํารวจเองก็มีน้อยลงเรื่อย ๆ แถมภายในหนึ่งปี พวกเขาก็มักจะถูกส่งไปประจําตําแหน่งอยู่ที่เมืองอื่นด้วย ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจต่างก็น้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่ใจสู้กล้าทํากล้าพูดและกล้าต่อกรกับคนร้ายจริง ๆ คนแบบนี้ถือว่าหาได้ยากมากเลยล่ะ เพราะเมืองเรายังมีตํารวจแบบนี้อยู่ไม่มาก พวกลูกเศรษฐีแล้วก็พวกมีอิทธิพลเลยคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุดในเมือง พวกมันเลยคิดว่าตัวเองจะทําอะไรก็ได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องสนใจกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าตํารวจกลัวที่จะจัดการกับปัญหาเสียเอง แล้วพวกเขาจะมาเป็นตํารวจเพื่ออะไรกันล่ะ? ใช่ไหม? พูดตามตรงเลยนะ เสี่ยวเฉิงเป็นคนที่กล้าหาญมากคนหนึ่งที่ฉันรู้จักเลยล่ะ อีกอย่าง เด็กคนนี้ยังรู้จักขอบเขตของตัวเองอีกด้วย มีตั้งหลายครั้งที่เขาจัดการกับพวกลูกเศรษฐี และต่อกรกับพวกมาก อิทธิพลด้วยตัวคนเดียว เขาสามารถสยบอีกฝ่ายได้โดยไม่ทิ้งหลักฐานหรือสื่อกลางอะไรให้ถูกฟ้องกลับเลย แค่นี้ก็น่าจะเป็นตัวพิสูจน์ได้แล้วมั้งว่าเสี่ยวเฉิงเองก็เป็นชายคนหนึ่งที่ฉลาดและมีไหว พริบไม่น้อย ฉันว่าเขาไม่ควรได้เป็นแค่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนหรอกนะ อันที่จริง ฉันชอบวิธีการแปลก ๆ ที่เขาใช้จัดการกับผู้ร้ายด้วยแหละ ไหนจะความมั่นใจเต็มร้อยของเขาอีก พูดกันตรง ๆ เลยนะ ฉันคิดว่าเมืองซางเฉิงต้องการคนแบบเสี่ยวเฉิง!”
หัวหน้ากองทัพภาคห้าพลันพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปยังหัวหน้ากองทัพภาคแปด “แล้วนายล่ะ? นายเห็นอะไรในตัวเด็กคนนี้กัน?”
หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันตอบกลับออกไปราวกับไม่ได้คิดอะไรเยอะเลย “ความแข็งแกร่ง!”
ทันใดนั้น หัวหน้ากองทัพภาคห้าก็หยิบผลการประเมินร่างกายของเสี่ยวเฉิงออกมาจากลิ้นชัก และกล่าวคําพูด “ลองดูเองก็แล้วกัน ฉันไม่ได้โกหก ความแข็งแกร่งของหมอนั่นลดลงไปเยอะเลยนะ อีกอย่าง เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่อยากให้ใครมาสงสารหรือเห็นอกเห็นใจด้วย เพราะแบบนั้น เขาเลยเลือกที่จะไม่อยู่ที่นี่ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันให้เขาหยุดพัก แล้วก็ไปทํางานเป็นเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนของเมืองซ่างเฉิงแทน”
ทันที่ที่ได้ยินเช่นนั้น หัวหน้ากองทัพภาคแปดก็หยิบแฟ้มข้อมูลขึ้นมาดู ไม่นานนัก ผู้อํานวยการก็พลันเหลือบมองและขมวดคิ้ว “ทําไมกราฟแนวดิ่งถึงชันขนาดนั้นล่ะ?”
หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันโยนแฟ้มข้อมูลไปข้างกาย “ฉันไม่สนใจหรอกว่าพละกําลังของ เขาจะลดลงไปมากขนาดไหน ยังไงก็เถอะ จะให้ทหารมือดีคนหนึ่งไปใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าในกรมตํารวจได้ยังไงกัน? ถ้านายไม่ต้องการเด็กคนนี้แล้ว ก็ยกเขาให้ฉันเถอะ! ฉันจะทําให้เขากลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งเอง!”
“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ต้องการเขา… ฉันหมายถึงว่าที่นี่คือบ้านของเสี่ยวเฉิง และเขาก็สามารถกลับมาได้ทุกครั้งที่ต้องการ” หัวหน้ากองทัพภาคห้าพลันกล่าว “แต่อันที่จริง นายสองคนไม่ควรมาที่นี่เพื่อถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ พวกนายควรไปถามเสี่ยวเฉิงและฟังความเห็นของเด็กคนนั้นโดยตรงมากกว่า บอกตรง ๆ เลยนะ ฉันเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่เป็นส่วนหนึ่งที่ ทําให้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวเฉิงลดลงไปขนาดนั้น ฉันเป็นคนมอบภารกิจนั้นให้กับเขาเอง เพราะแบบนั้น ฉันเองก็จะเคารพการตัดสินใจของเขา ถ้าเสี่ยวเฉิงต้องการเข้าร่วมกองกําลังตํารวจ ฉันก็จะไม่คัดค้าน หรือถ้าเขาต้องการที่จะกลับมา ฉันก็ยินดีอ้าแขนรับ ยังไงเสีย ทุกอย่างก็จะขึ้นอยู่กับความต้องการที่แท้จริงของเขา…”
หัวหน้ากองทัพภาคแปดและผู้อํานวยการกองกําลังตํารวจแห่งเมืองซ่างเฉิงพลันสบตากันอีกครั้ง ทั้งคู่พลันพ่นลมหายใจใส่กัน
“ถ้านายมาดูถูกทหารไร้ความคิดอย่างพวกเรา ก็ไปเลือกเอาไอ้พวกมากฝีมือจากโรงเรียนตํารวจเข้ามาทํางานแทนสิ! อย่ามาหาคนในกองทัพแบบนี้!” หัวหน้ากองทัพภาคแปดพลันกล่าวอย่างเหยียดหยาม
ทันใดนั้น ผู้อํานวยการก็พลันตอบกลับ “ถ้าพวกทหารจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ก็เพราะว่าพวกเขามีครูฝึกอย่างนายเป็นแบบอย่างยังไงล่ะ! เพราะแบบนั้นแหละ เสี่ยวเฉิงจะต้องมาอยู่กับฉัน เขาจะได้รับการดูแลและฝึกฝนเป็นอย่างดี!”
ในตอนนี้ หัวหน้ากองทัพภาคห้าเองก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี ”เอาเถอะ… ถ้าเกลียดขี้หน้ากันนัก ก็ไปต่อยกันแย่งเสี่ยวเฉิงกันข้างนอกเลย ห้องทํางานของฉันคงจะเล็กเกินไปสําหรับพวกนายจริง ๆ นั่นแหละ”