ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1838 ทุบจนกลายเป็นหมูสับ
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1838 ทุบจนกลายเป็นหมูสับ
ตอนที่ 1838 ทุบจนกลายเป็นหมูสับ
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับบอกว่าตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่หนึ่งสำนักห้าราชันเป็นแค่จิ๊บๆ เท่านั้น เป็นคำพูดที่ยโสเหลือเกิน ทั่วทั้งโลกาเว้นแต่จอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในขั้นสูงสุดของชะตาฟ้าสิบสองสายแล้ว คงไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ออกมาอีกแล้ว
ที่ทำให้ผู้คนต้องงงงันมากกว่านั้นก็คือ หลี่ชิเย่ถึงกับออกปากดูถูกตระกูลเฉี่ยน พลันที่คำพูดที่ออกจากปาก ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะท้านขึ้นมา กระทั่งหลบออกห่างให้ไกลที่สุด
เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาว่า ตระกูลเฉี่ยนเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขาก็แค่ฝืนพูดเสียงแข็งได้บ้างเท่านั้นเอง ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหลบกันพัลวันเหมือนหนึ่งหลบตัวซวยอย่างนั้น เวลานี้ผู้คนนำนวนไม่น้อยลุกจากที่นั่งเพื่อออกห่างจากหลี่ชิเย่ให้มากสักหน่อย
อย่าว่าแต่ในชิงโจวเลย แม้กระทั่งในสิบสามทวีปทั้งหมด ตระกูลเฉี่ยนก็ดำรงอยู่ในฐานะที่ทุกคนจะต้องหน้าถอดสีเมื่อมีการเอ่ยถึง เป็นหนึ่งในสำนักที่ได้รับการเคารพยำเกรงของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพสามเผ่า
แม้ว่าตระกูลเฉี่ยนจะตั้งอยู่ในซู่โจวที่ห่างไกล แต่ ขอเพียงผู้บำเพ็ญตนที่มีประสบการณ์มาบ้างก็ต้องเคยได้ยินชื่อของตระกูลเฉี่ยนมาก่อน
ตระกูลเฉี่ยนเปี่ยมไปด้วยตำนานมากมายเหลือเกิน ในสิบสามทวีป ตระกูลเฉี่ยนเสมือนดั่งเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด เป็นตัวแทนอำนาจของเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่า
ตระกูลเฉี่ยนหนึ่งสำนักเก้าจอมราชัน อีกทั้งจอมราชันองค์ที่ห้าของตระกูลเฉี่ยนหรือก็คือราชันซื่อตี้ ขณะเดียวกันเขายังเป็นจอมราชันองค์ที่ห้าที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีป
ตระกูลขุนนางโบราณที่เคยให้กำเนิดจอมราชันถึงเก้าองค์ อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าถึงสิบสองสาย ย่อมสามารถประเมินได้ว่า ตระกูลขุนนางโบราณเช่นนี้มีความน่ากลัวเพียงใด
แต่ว่า สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดของตระกูลเฉี่ยนมีอยู่สองสิ่งคือ สิ่งแรกคือ เล่าลือกันว่าตระกูลเฉี่ยนมีหนึ่งในตำราสวรรค์นพเก้าอยู่ในความครอบครอง ส่วนจะเป็นตำราเล่มไหนนั้น คนที่รู้มีอยู่ไม่มาก สิ่งทีสองก็คือ ตระกูลเฉี่ยนมีชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอยู่ชุดหนึ่ง
ลำพังแค่สองสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเฉี่ยนหมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปราศจากผู้ต่อกรไปตลอดกาล พูดได้อย่างไม่เป็นการอวดอ้างว่า ตระกูลเฉี่ยนคือผู้นำของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพทั้งหมดในสิบสามทวีป
จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากมายเท่าไรที่ต้องการได้ตำราสวรรค์นพเก้าอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันหากระทั่งในฝันของสายสำนักราชันเซียนจำนวนเท่าไร ต้องการได้สักบทหนึ่งยังหายาก แต่ตระกูลเฉี่ยนกลับมีตำราสวรรค์เป็นเล่มที่สมบูรณ์ เป็นธาตุแท้ภายในที่น่ากลัวยิ่ง
ราชันซื่อตี้แห่งตระกูลเฉี่ยนนอกจากจะได้ครอบครองตำราสวรรค์นพเก้าเล่มหนึ่งแล้ว ยังได้ครอบครองชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอีกหนึ่งชุด เป็นที่ทราบกันดีว่า ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงตั้งแต่อดีตกาลเป็นต้นมาเคยปรากฏเพียงแค่ห้าชุดเท่านั้นเอง
ในจำนวนชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงห้าชุดนั้น มีอยู่สองชุดที่หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบแน่ชัด หนึ่งชุดอยู่ในมือราชันเซียนหมิงเหริน มันได้ติดตามราชันเซียนหมิงเหรินก้าวสู้การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้าย แล้วก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย ขณะที่อีกชุดหนึ่งเคยอยู่ในมือของราชามนุษย์ลิ่วเต้า แต่ว่า หลังจากที่ราชามนุษย์ลิ่วเต้าตายด้วยสวรรคลงทัณฑ์ ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงชุดนี้ก็หายสาบสูญโดยไม่ชัดเจน และไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
นอกเหนือจากชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงสามชุดที่เหลือแล้ว อยู่ในมือของราชันซื่อตี้ชุดหนึ่ง ย่อมจินตนาการได้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
ตัวของราชันซื่อตี้คือหนึ่งในจอมราชันเซียนหวังที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งนับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา เขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด สืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสาย ฝึกเคล็ดวิชาที่หาได้ยากยิ่งในหล้า แล้วยังได้ครอบครองชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอีก!
ลองนึกภาพดูว่าราชันซื่อตี้จะมีความแข็งแกร่งเพียงใด เรียกได้ว่าราชันซื่อตี้คือผู้นำสูงสุดของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพ ขณะที่ภายใต้การปกครองของราชันซื่อตี้ ทำให้ตระกูลเฉี่ยนเองก็มีฐานะที่สูงสุดในสิบสามทวีป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงคนหนุ่มคนหนึ่ง ดูแคลนต่อตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็ช่างเถอะ แต่นี่ดูถูกกระทั่งตระกูลเฉี่ยน สมควรจะทราบว่า เมื่อตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่เป็นหนึ่งสำนักห้าราชันเทียบกับตระกูลเฉี่ยนแล้ว เป็นได้แค่เด็กน้อยเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่พูดจากดูถูกตระกูลเฉี่ยนออกมา แม้แต่เผิงยวี่และเผิงเย่ทั้งสองถึงกับร่างสั่นเทิ้ม และมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป พวกเขาต่างทำหน้าเจื่อนๆ ภายในใจของเผิงยวี่ถึงกับอย่างจะขอร้องให้บรรพบุรุษน้อยผู้นี้พูดให้มันน้อยคำกว่านี้ การล่วงเกินตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็ช่างมันเถอะ แต่การล่วงเกินตระกูลเฉี่ยน เป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนต้องช็อกตายได้
อย่างน้อยที่สุด การที่ตระกูลเผิงล่วงเกินต่อตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง พวกเขากล้าที่จะไปเผชิญผลที่จะตามมาภายหลัง แต่หากไปล่วงเกินตระกูลเฉี่ยนเข้าล่ะก็ ทั้งเผิงเย่และเผิงยวี่ถึงกับรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทั้งสองข้าง
ในสิบสามทวีป ใครก็ตามที่มีประสบการณ์สักนิดก็จะรู้ว่า กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลเฉี่ยน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า หรือหากจะพูดคำที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรก็คือ ขอเพียงตระกูลเฉี่ยนพูดคำเดียว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนนับล้านๆ คน ทุกคนถ่มน้ำลายออกมาคำหนึ่งก็สามารถทำให้บุคคลนั้นสำนักน้ำตายได้
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้บรรดาแขกที่อยู่ในงานต่างพาตัวออกห่างให้ไกลจากหลี่ชิเย่ ออกห่างจากตัวซวยที่อยู่ตรงหน้าให้ไกล เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเดือดร้อนไปด้วย
“แหะ แหะ แหะ เจ้าคนที่ไม่รู้จักคำว่าตาย พูดจาสามหาว เจ้าไหนเลยมีคุณสมบัติไปวิจารณ์ตระกูลเฉี่ยนได้ แค่ตระกูลเฉี่ยนทำขนร่วงหล่นลงมาเส้นหนึ่งก็สามารถทับเจ้าจนตายได้” ครั้นตงกงเจิ้งเห็นหลี่ชิเย่พูดจาดูถูกตระกูลเฉี่ยน จึงหัวเราะน่าครั่นคร้ามขึ้นมา
“งั้นหรือ?” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ขณะกำลังเคี้ยวกินเนื้ออยู่ กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “อย่าว่าแต่วิจารณ์เลย คนที่ถูกข้าสังหารมีมากมาย ข้าก็ยังอยู่ดีนี่”
“เจ้าเดรัจฉานน้อย เจ้าอยู่ไม่พ้นวันนี้!” กษัตริย์เทียนหวงกล่าวเสียงดังว่า “วันนี้ข้านี่แหละจะตัดหัวควักหัวใจของเจ้าเป็นๆ มาเซ่นไหว้ลูกหวงของข้าที่ตายไป!”
“ตึง” พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดขาดคำ ปรากฏแส้เก้าท่อนสองเส้นในมือ แส้สองเส้นในมือปรากฏประกายราชันวูบวาบ ยามที่แส้เก้าท่อนสองเส้นอยู่ในมือ เสมือนดั่งเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์สองตัวอยู่ในมืออย่างนั้น แส้เก้าท่อนสองเส้นเคลื่อนไหวไปมา ที่ทำให้ผู้คนต้องสะท้านในใจก็คือ ประกายราชันที่เปล่งออกมานั้นดูใสเป็นประกาย ประกายราชันทุกๆ สายเหมือนหนึ่งสามารถทิ่มแทงทะลุหัวใจของผู้คนได้อย่างง่ายดายอย่างนั้น
“แส้เก้ามังกร!” มีผู้ร้องออกมาคำหนึ่ง เมื่อมองเห็นแส้เก้าท่อนในมือของกษัตริย์เทียนหวง
แส้เก้าท่อนสองเส้นที่อยู่ในมือของกษัตริย์เทียนหวงก็คือศาสตราวุธเต๋าของเซียงหวังเทียนหวง ปฐมบรรพบุรุษแคว้นหงส์ฟ้าทิ้งเอาไว้ให้แก่ลูกหลานที่เป็นทายาทรุ่นหลัง เป็นศาสตราวุธเต๋าชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง
พลันที่มีศาสตราวุธเต๋าชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้งอยู่ในมือ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็หนุนส่งให้กษัตริย์เทียนหวงดูสูงใหญ่เป็นพิเศษ พลังลมปราณพลุ่งพล่าน เหมือนว่าพลันมีการเพิ่มพลังขึ้นหลายเท่าตัวอย่างนั้น
“ถ้าหากจอมกษัตริย์ต้องการลงมือจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะรับมือกับเจ้าเอง “ เวลานี้ เผิงเย่เองก็กล่าวน่าเกรงขามออกมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็หักหน้ากันอย่างเปิดเผยกันแล้ว เผิงเย่ก็ไม่กลัวว่าจะต้องเป็นศัตรูกับแคว้นหงส์ฟ้า ขณะเดียวกัน เผิงเย่เห็นว่าหลี่ชิเย่อายุยังน้อยเกรงว่าเขาจะเสียเปรียบ
“ตึง” เวลานี้ในมือของเผิงเย่ปรากฏกระบี่ยักษ์ในมือ โดยที่กระบี่ยักษ์เล่มนี้มีน้ำหนักมากยิ่งนัก ยามที่ถืออยู่ในมือ เสมือนหนึ่งกำภูเขาเอาไว้ลูกหนึ่งอย่างนั้น
“เผิงเย่ เจ้ารนหาที่ตายเอง การเป็นศัตรูกับพวกเจ้าเป็นการหาเรื่องให้ตระกูลเผิงถูกทำลาย” ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของกษัตริย์เทียนหวงดูน่ากลัว ท่าทีข่มแหงผู้คน
สีหน้าของเผิงเย่พลันดูน่าเกรงขาม ส่งเสียงฮึออกมา แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมา หลี่ชิเย่ได้โบกมือเบาๆ และกล่าวกับเผิงเย่ว่า “ความเคียดแค้นย่อมมีที่มา หนี้ย่อมมีเจ้าหนี้ ในเมื่อเขาต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายที่ตายไป ข้าก็จะส่งเสริมเขาก็แล้วกัน จะได้ส่งเขาไปอยู่เป็นเพื่อนกับลูกชาย ลูกชายของเขาจะได้ไม่ว้าเหว่บนเส้นทางสู่ปรโลก”
“เจ้าเดรัจฉานน้อย รนหาที่ตาย!” พลันที่มีการพูดถึงลูกชายของตน ใบหน้ากษัตริย์เทียนหวงดูบิดเบี้ยว กลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาทันที ร้องคำรามเสียงดัง “มังกรคู่ชิงลูกแก้ว!”
“ตึง ตึง ตึง” เสียงอาวุธคำรามไม่หยุด แส้เก้าท่อนสองเส้นพลันตวัดเข้าหาหลี่ชิเย่ “ตูม” เกิดเสียงดังสนั่น อานุภาพราชันพวยพุ่ง กลิ่นอายมังกรพลุ่งพล่าน ในขณะนี้ไม่มีแส้เก้าท่อนอีกแล้ว มีเพียงมังกรศักดิ์สิทธิ์ชขนาดยักษ์สองตัวที่แยกเขี้ยวกางเล็บพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่ อย่างรุนแรง
กรงเล็บคู่ของมังกรศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์แหลมคมยิ่งนัก เหมือนดั่งเป็นกระบี่เทวะแต่ละเล่มสามารถฉีกทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้กระจุยได้
มังกรคู่ชิงลูกแก้วคือเคล็ดเซียนหวังของแคว้นหงส์ฟ้า เมื่อสำแดงเคล็ดวิชานี้ออกมา ไม่เพียงสามารถล็อกเป้าหมายศัตรูได้ในฉับพลัน ยังสามารถทำให้ศัตรูไม่มีทางหนี ขณะเดียวกันยังสามารถจับศัตรูฉีกร่างจนกระจุย เป็นกระบวนท่าที่พาลยิ่งนัก ทำได้เพียงต้านซึ่งหน้า ผู้ที่กำลังไม่เพียงพอเมื่อพบกับกระบวนท่านี้แล้ว ต้องถูกฉีกร่างเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน
ดังนั้น บรรดาแขกที่อยู่ในงานจำนวนไม่น้อยพลันมีสีหน้าที่แปลี่ยนไป เมื่อเห็นกระบวนท่ามังกรคู่ชิงลูกแก้ว ภายใต้การล็อกเป้าของอำนาจราชันลักษณะเช่นนี้ แขกที่อยู่ในงานมีไม่กี่คนที่สามารถต้านรับเอาไว้ได้ พวกเขาถึงเข่าอ่อนทั้งสองข้าง พวกเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกมังกรสองตัวนี้ฉีกจนกระจุย
“ไสหัวไป…” จังหวะที่มังกรทั้งสองตัวพุ่งเข้าหานั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้จ้องมองด้วยซ้ำ เพียงแต่บังเกิดความนึกคิดเท่านั้นเอง
เสียง “ตูม” ดังสนั่น ในเวลานี้เอง เหมือนหนึ่งมีหมัดยักษ์ที่ไร้รูปทุบลงมาอย่างแรง หมัดยักษ์นี้มีขนาดพอๆ กับดาวดวงหนึ่ง เมื่อทุบลงมาสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางอยู่ตรงหน้า
“ปัง” ปรากฏเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมา ได้ยินเสียงมังกรยักษ์ทั้งสองตัวร้องคำรามเสียงน่าเวทนาออกมา สะเก็ดไฟแตกกระจาย มังกรยักษ์สองตัวฉับพลันถูกหมัดยักษ์ที่ไร้รูปทุบจนแหลกละเอียด
เสียง “ตึง” ดังขึ้น แส้เก้าท่อนสองเส้นถูกหมัดยักษ์ไร้รูปทุบจนลอยพุ่งทะลุผนังออกไป
“ปัง” ร่างของกษัตริย์เทียนหวงถูกหมัดยักษ์ไร้รูปทุบจนลงไปกองกับพื้น ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” พื้นดินกลายเป็นหลุมยุบตัวลงไป และปรากฏรอยร้าวเป็นริ้วๆ ขึ้นมา
“อ๊าซ…” กษัตริย์เทียนหวงกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ขณะเดียวกันได้ยินเสียงกระดูกที่แตกหักดัง “คร๊ากก” เลือดท่วมตัวจนแดงฉาน ขณะเดียวกันก็ย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงไปด้วย
“อย่าได้ทำร้ายคน…” ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงที่แก่หง่อมดังขึ้น “ตึง” เสียงกระบี่คำราม พลันปรากฏผู้เฒ่าที่มีผมเผ้าสีขาวผู้หนึ่ง
พลังขมุกขมัวเจ็ดร้อยล้านลิตรพลันปะทุขึ้นมาทันที พลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่รวมอยู่บนกระบี่เล่มนั้นของเขา หนึ่งกระบี่ที่สามารถฟันทางช้างเผือกจนขาด หนึ่งกระบี่ที่เสมือนดั่งน้ำจากน้ำตกที่พุ่งเทลงมาอย่างรุนแรง ฟาดฟันตรงไปยังหลี่ชิเย่ที่ยังคงนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น
“ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกหลิน…”ครั้นเผิงเย่ที่เห็นผู้เฒ่าซึ่งลอบจู่โจมเข้ามากะทันหัน จึงส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา กระบี่ยักษ์ที่อยู่ในมือกำลังจะต่อสู้กับผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของแค้วนหงส์ฟ้า
กษัตริย์เทียนหวงไม่ได้มาเพียงลำพังคนเดียว ข้างกายของเขายังมียอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรม ที่มีพลังขมุกขมัวเจ็ดร้อยล้านลิตรคอยคุ้มกันให้กับเขา!
“ปัง” เผิงเย่ยังไม่ทันได้ลงมือ ปรากฎเสียง “ปัง” ดังขึ้น ทันใดนั้นปรากฏมือขนาดยักษ์ไร้รูปอีกข้างหนึ่งกะทันหัน แค่หมัดเดียวก็ทำให้กระบี่ยักษ์ของผู้เฒ่าจนหักและบินออกไป จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “เพี๊ยะ” มือที่ไร้รูปพลันฟาดผู้เฒ่าจนกองกับพื้น เลือดสดๆ ไหลนองจนปรากฏอยู่ ทุกหนทุกแห่ง
“ปัง ปัง ปัง” ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา มือยักษ์ที่ไร้เงาได้ทุบลงไปอย่างแรงหลายที ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอี่ยด ดัง “คร๊ากก คร๊ากก” ขึ้นเป็นระลอก
ผู้เฒ่าหลินที่เป็นผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของแคว้นหงส์ฟ้ายังไม่ทันร้องเสียงน่าเวทนาออกมา ก็ถูกหมัดนั้นทุบจนตาย กลายเป็นเนื้อบด ไม่ใช่สิ ถูกทุบจนกลายเป็นกระดาษเนื้อแผ่นบางๆ ทำเอาพื้นดินถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงไป
………………………………………………………….