ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1860 เข้าเขตฟ้าแลบ
ตอนที่ 1860 เข้าเขตฟ้าแลบ
หลี่ชิเย่มองดูเฟิงยี่ที่มีคำพูดดูอหังการยิ่งแล้ว ถึงกับยิ้มจางๆ ออกมา และกล่าวว่า “ดูท่าเจ้ารักอาจารย์ของเจ้ามากเลยนะ ยินดีทำทุกอย่างเพื่อเขา”
เฟิงยี่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เป็นท่านอาจารย์ที่มอบทุกสิ่งให้กับข้า มีท่านอาจารย์จึงมีข้าในวันนี้ การทำเพื่ออาจารย์เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอยู่แล้ว
“ดีมาก ในเมื่อเจ้ามีความสนใจข้าเล่นเป็นเพื่อนก็แล้วกัน เดินสักรอบจะเป็นไรไป” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะกล่าวออกมา ท่าทางเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กล้าหาญมาก…” เฟิงยี่เองก็ดูจะดีใจยิ่ง กล่าวว่า “คนที่ไม่ธรรมดาย่อมไม่ธรรมดา ใช่คนรุ่นข้าสามารถเทียบเคียงได้”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง มองดูทารกมังกรทองที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “เจ้าจะมาสนุกด้วยสักครั้งหรือไม่? คนมากคึกครื้นจึงจะน่าสนใจดี”
คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ทารกมังกรทองตะลึงนิดหนึ่ง จิตใต้สำนึกทำให้เขาต้องมองดูทะเบที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแลบที่วิ่งกันพล่าน
“ทารกมังกรทอง หากเจ้ายินดี พวกเราก็มาพนันด้วยกันสักครั้ง พนันร่วมกันสามคนเลยดีมั้ย? พวกเราไปเดินเล่นในเขตฟ้าแลบสักรอบกัน ใครอยู่ได้นานที่สุด ใครคนนั้นเป็นผู้ชนะ” เมื่อหลี่ชิเย่เสนอขึ้นมา เฟิงยี่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งทารกมังกรทอง หัวเราะเยาะนิดหนึ่งส่งคำท้าทายไปยังทารกมังกรทอง
ทารกมังกรทองละสายตากลับมาจากทะเลสายฟ้าแลบ หัวเราะและกล่าวว่า “เฟิงยี่ เจ้าไม่ต้องทำยกตนข่มท่าน ข้าทารกมังกรทองไหนเลยจะกลัวเจ้า! แต่ว่า วันนี้ข้าจะไม่มาแย่งความโดดเด่นของท่านผู้นี้ ข้าจะไม่เข้าไปสอดกับการแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเจ้า เพื่อไม่ให้เจ้าต้องพ่ายแพ้จนน่าเกลียดมากเกินไป! รอให้เจ้ากับท่านผู้นี้สามารถมีชีวิตรอดกลับมา เจ้ากับข้าค่อยกำหนดวันเวลาสถานที่มาสู้กันสักครั้งก็ยังไม่สาย!”
เมื่อทารกมังกรทองเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และหัวเราะกล่าวว่า “ท่านเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวยากจะหาผู้ใดเทียม ข้อขออวยพรให้ท่านได้รับชัยชนะกลับมา เพื่อจะได้สยบความหยิ่งยโสของพรรคซั่วเทียน ฮึ ให้พวกเขาได้เข้าใจว่า อย่านึกว่าตัวเองมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็สามารถทำตัวไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา อวดดีอันธพาล!”
“แน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มและพยักหน้าสำหรับคำพูดของทารกมังกรทอง
“ดี งั้นข้าก็ไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ หลังจากวันนี้ไปแล้ว บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราค่อยหาเวลาคิดบัญชีกัน!” เฟิงยี่ขี้คร้านจะไปตอเยกับทารกมังกรทองให้มันมากความ กล่าวท่าทีเยาะเย้ยออกมา
“ข้ายินดีสนองทุกเมื่อ!” ทารกมังกรทองยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า “ข้ากลับต้องการดูว่าเจ้าได้ฝึกเคล็ดเซียนหวังของพรรคซั่วเทียนได้กี่ส่วนแล้ว!” กล่าวพลางแสดงท่าทีที่อันธพาลข่มผู้คน
เฟิงยี่ไม่สนใจต่อทารกมังกรทอง หันไปพูดกับหลี่ชิเย่ว่า “ท่าน เชิญ”
หลี่ชิเย่หัวเราะและมีอารมณ์สนุกร่วม ลุกขึ้นยืนเดินไปที่บริเวณกาบเรือ ขณะที่เฟิงยี่โค้งคำนับให้กับ
“ขอให้ได้รับชัยชนะกลับมา ล้มพรรคซั่วเทียน!” ในขณะนี้ ทารกมังกรทองได้ตะโกนเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ว่า “ข้ารอท่านได้รับชัยชนะกลับมาอยู่ตรงนี้ ส่งเสียงเชียร์ให้กับท่าน”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ มองดูเขตสายฟ้าแลบกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเรามาเริ่มกันเลย”
แต่ว่า ในระหว่างที่หลี่ชิเย่กับเฟิงยี่ยังไม่ทันได้เริ่ม กัปตันเรือนิรันดรก็ร้องเสียงดังออกมาว่า “ผู้ที่ออกจากเรือต้องรับผิดชอบตัวเอง จะเป็นหรือตายทางเรือไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”
แน่นอน ทั้งหลี่ชิเย่และเฟิงยี่ต่างทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของกัปตันเรือ พวกเขาเองก็ไม่ได้เรียกร้องให้เรือนิรันดรต้องมารับผิดชอบ
ในขณะนี้เฟิงยี่ยืนอยู่ข้างลำเรือ แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ท่าน ข้าไม่เจียมตัวขอเริ่มก่อน พวกเราพบกันที่เขตฟ้าแลบกัน” ขาดคำ เสียงดั่งมังกรคำราม ร่างดั่งมังกรพุ่งตัวออกไปโดยพลัน อาศัยความเร็วที่สุดจะเทียบเทียมเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบ
ความเร็วของเรือนิรันดรนับว่าไวมากแล้ว วิ่งฮ้อมาตลอดทาง สามารถเรียกได้ว่าเป็นความเร็วระดับจอมราชันเซียนหวังได้แล้ว แม้วว่าหลังจากเข้าสู่เขตสายฟ้าแลบจะมีการชลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงมีความเร็วที่น่ากลัวยิ่ง
แต่ว่าขณะนี้เฟิงยี่เสมือนดั่งมังกรเจียวหลง ทะยานข้ามฟากฟ้า ดั่งมัจฉาว่ายอยู่ท่ามกลางเขตฟ้าแลบ ความเร็วของเขายากจะหาผู้ใดเทียบเทียม แซงล้ำหน้าความเร็วของเรือนิรันดร พลันที่เขาบุกฝ่าเข้าไปในเขตฟ้าแลบ ด้วยความเร็วของเขาภายในระยะเวลาอันสั้นเรือนิรันดรไม่สามารถตามเขาให้ทัน
“อหังการ” ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มองตัวเขาด้วยความไม่สบอารมณ์ หรือผู้ที่มองเขาอย่างชื่นชมล้วนแล้วแต่ต้องยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เขา เมื่อเห็นเฟิงยี่บุกฝ่าเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบเพียงพริบตาเดียว อานุภาพของเขตสายฟ้าแลบทุกคนต่างประจักษ์แก่สายตา เวลานี้เฟิงยี่กล้าบุกไปอยู่ด้านหน้าของเรือนิรันดร ลำพังแค่ความกล้าหาญส่วนนี้ก็สมควรแก่การชื่นชมแล้ว
“ซั่วเทียนมังกรเยื้องย่าง…” ครั้นผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสมองเห็นเฟิงยี่ที่เดินฝ่าเข้าไปในเขตฟ้าแลบ และมองออกถึงเคล็ดวิชานี้ของเขา ถึงกับกล่าวชื่นชมออกมาว่า “เคล็ดวิชาเซียนหวังโอหังยิ่งคิดค้นโดยเซียนหวังซั่วเทียน ท่าย่างก้าวเป็นเอกลัษณฑ์เฉพาะ และรวดเร็วยากจะหาใดเทียม เล่าลือกันว่าเซียนหวังซั่วเทียนเคยอาศัยสิ่งนี้แซงล้ำหน้ามังกรแท้จริง การที่เฟิงยี่มีความเร็วได้ถึงเพียงนี้ เขาได้ฝึกวิชานี้จนถึงแก่นแล้ว”
ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักเคล็ดวิชาแขนงนี้ก็รู้ว่าท่าการก้าวย่างของเฟิงยี่สุดยอดในหล้ายากจะหาผู้ใดเทียม ด้วยความเร็วของเรือนิรันดรในขณะนี้ เกรงว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถแซงล้ำหน้าไปได้ แต่เฟิงยี่กลับสามารถแซงหน้าเรือนิรันดรไปได้
“เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…” จังหวะที่เฟิงยี่บุกฝ่าเข้าไปภายในเขตสายฟ้าแลบนี้เอง ปรากฏสายฟ้าแลบขนาดเท่าเทือกเขาได้ฟาดเข้าหาเฟิงยี่อย่างแรง ทุกๆ สายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าไปนั้นสามารถทำลายพื้นดินจนแหลกลาญ สามารถสังหารยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนได้เป็นจำนวนมาก
“เปิด…” เมื่อต้องเผชิญกับสายฟ้าแลบขนาดใหญ่แต่ละสายที่ฟาดเข้าหา เฟิงยี่กลับไม่ได้หวาดหวั่นแต่อย่างใด “ตูม” พลังขมุกขมัวทั้งหมดของเขาพุ่งขึ้น จากนั้นได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น หลักกฎเกณฑ์โซ่ศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมา ทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นเสื้อเกราะทองสวมใส่อยู่บนตัวของเฟิงยี่
ได้ยินเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ทันใดนั้น เสื้อเกราะทองที่สวมใส่อยู่บนตัวของเฟิงยี่กางออกเป็นปีกนกแต่ละปีกออกมา ปีกที่มีขนสีทองคล้ายดั่งเซียนหวังคอยให้การคุ้มครอง และมีวงแหวนเซียนหวังที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ โดยที่วงแหวนเซียนหวังนี้ได้ดันให้เกิดเป็นพื้นที่ๆ หนึ่งขึ้นมา
ได้ยินเสียงดัง “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” หลังจากที่ปีกลักษณะเช่นนี้ได้กางออกมาแล้ว วงแหวงเซียนหวังได้ต้านสายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าใส่เอาไว้
ครั้นเฟิงยี่ได้รับการคุ้มครองจากปีกและวงแหวนเซียนหวังจากการฟาดเข้าใส่ของสายฟ้าแลบอย่างรุนแรงเอาไว้แล้ว ความเร็วของเฟิงยี่มีแต่เพิ่มไม่มีลงลง ยังคงบุกฝ่าเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบดั่งมังกรเจียวหลงอย่างนั้น
“เสื้อเกราะทองขนนก เคล็ดวิชาป้องกันที่เยี่ยมมาก สายสำนักราชันเซียนย่อมไม่เหมือนกัน พลันที่ลงมือก็คือเคล็ดเซียนหวัง” เมื่อผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสมองเห็นเคล้ดวิชาของเฟิงยี่แล้วอดที่จะอิจฉาไม่ได้
พรรคซั่วเทียน หนึ่งสำนักสี่เซียนหวัง ถือเป็นสำนักอันดับต้นๆ ของร้อยชาติพันธุ์ มีชื่เสียงโด่งดัง ได้ครองครองเคล็ดวิชาเซียนหวังเป็นจำนวนมาก
แน่นอน ต้องขึ้นอยู่กับเฟิงยี่ที่มีความโดดเด่น มิฉะนั้นแล้วต่อให้พรรคซั่วเทียนมีเคล็ดวิชาเซียนหวังมากมายกว่านี้ ก็ไม่อาจถ่ายทอดให้กับศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อให้ความอหังการของเฟิงยี่ที่บุกเข้าไปภายในเขตสายฟ้าแลบโดยไม่ได้หันหลังกลับมาอีกเลย ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนต่างมองดูหลี่ชิเย่ว่าจะเข้าไปยังเขตสายฟ้าแลบด้วยวิธีใด
ทุกคนต่างรู้สึกว่าอาศัยทักษะเพียงเท่านี้ของหลี่ชิเย่แล้วบุกฝ่าเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบล่ะก็ดูจะเสียเปรียบมากเหลือเกิน เกรงว่าต้องถูกสายฟ้าแลบฟาดจนตายภายในระยะเวลาอันสั้น และถูกเผาไหม้เป็นเถ้าธุลีไป
ภายใต้สายตาจำนวนมาก หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง เวลานี้เขาได้ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ขณะที่เขาก้าวเท้าออกไปจากเรือนิรันดร พลันหายตัวไป ฉับพลันก็ไปปรากฎตัวอยู่ท่ามกลางเขตสายฟ้าแลบ นาทีต่อมาเขาได้หายตัวไปอีก จากนั้นไปปรากฏตัวยังตำแหน่งที่ไกลออกไป
หลี่ชิเย่หนึ่งก้าวหนึ่งหายตัว เดินไปด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมาก การก้าวเท้าทุกครั้งก็จะต่างกับจุดเดิมมากทีเดียว ดูเหมือนเขาเดินได้เชื่องช้า แต่กลับมีความเร็วที่เร็วกว่าเฟิงยี่อยู่มาก
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” ในระหว่างที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบ สายฟ้าได้ฟาดเข้าใส่ตัวหลี่ชิเย่อย่างไม่เกรงใจ ทุกๆ สายฟ้าแลบที่ฟาดลงมาสามารถทำลายภูเขาลูกหนึ่งให้แหลกละเอียดได้
แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับเหมือนมองไมเห็นกับสายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าใส่ เพียงแต่ปล่อยให้ลัตนาหลังหนึ่งลอยออกมา ลัคนานี้ตลบอบอวลด้วยพลังขมุกขมัว เสมือนหนึ่งต้องการเปิดโลกๆ หนึ่งออกมา
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” ขณะที่หลี่ชิเย่เปิดลัคนาออกมา ทำให้ฟ้าแลบที่ผ่าลงมาถูกรับเอาไว้ได้ทั้งหมด สายฟ้าแลบทั้งหมดล้วนแล้วแต่หายเข้าไปภายในลัคนาของหลี่ชิเย่
“นี่มันคือท่าร่างอะไร? ถึงกับรวดเร็วยิ่งกว่า ‘มังกรเยื้องย่าง’ ของพรรคซั่วเทียนเสียอีก” เห็นหลี่ชิเย่กำลังไล่ตามทันเฟิงยี่ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตระหนกตกใจและพึมพำออกมา
“นี่มันไม่ใช่ท่าร่าง” ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสมองออกถึงเส้นสนกลในบางอย่าง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นี่เป็นการควบคุมช่องว่าง เขาสามารถก้าวข้ามช่องว่างได้อย่างอิสระ เรียกได้ว่าภายใต้เท้าของเขาไม่มีคำว่าช่วงห่างอีกแล้ว
ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสผู้นี้รู้จริง แม้ว่าเขาจะดูไม่ออกว่าหลี่ชิเย่อาศัยตำรานภาในการควบคุมช่องว่าง แต่เขาสามารถดูออกว่าหลี่ชิเย่กำลังก้าวข้ามช่องว่าง
“นี่มันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว ลัคนาสามารถต้านเขตสายฟ้าแลบเอาไว้ได้ ลัคนาลักษณะเช่นนี้มันแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่นะ?”
ทุกคนต่างก็รู้ว่าผู้บำเพ็ญตนนั้นหวาดกลัวต่อประเภทสวรรค์ลงทัณฑ์อะไรนั่น แม้ว่าสายฟ้าแลบที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะไม่นับเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์ แต่ว่ามันถือเป็นพลังฟ้าดิน เมื่อไหร่ต้องทำพลังลักษณเช่นนี้ทำร้าย ยากที่จะรักษาให้หายเป็นปรกติ
เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับอาศัยลัคนาของตนไปต้านรับกับสายฟ้าแลบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ใครคาดคิด กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้วลัคนามีความล้ำค่ายิ่งนัก คนส่วนใหญ่ยินดีเอาร่างกายของตนไปรับกับสายฟ้าแลบตรงๆ และไม่ยอมเอาลัคนาของนไปแบกรับแระกายฟ้าแลบ กายเนื้อถูกทำลายยังสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ถ้าหากลัคนาถูกทำนายเท่ากับเล่นยจบเกมแล้วจริงๆ
“เจ้าหนูคนนี้เป็นใครกัน อาศัยพลังระดับเทียรฆชาติเท่านั้น ถึงกับหาญกล้าท้าสู้กัยเฟิงยี่เพื่อชี้ขาด ถึงกับกล้าก้าวเดินท่ามกลางเขตสายฟ้าแลบ ออกจะดุดันเกินไปแระมัง” ผู้บำเพ็ญตนที่ไม่เคยเห็นและรู้จักหลี่ชิเย่มาก่อน ถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นภาพนี้และพึมพำออกมา
“ข่าวของเจ้าไม่ไวเลย” ผู้ที่รู้จักหลี่ชิเย่ได้กล่าวว่า “เขาก็คือคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่ แน่นอนย่อมต้องโหดร้าย เป็นคนประหลาดคนหนึ่ง ปราศจากขื่อแป เขานี่แหละเป็นผู้ที่ไถตระกูลขุนนางโบราณจนราบเป็นหน้ากลอง และเป็นเขาที่ทุบกษัตริย์เทียนหวงจนเละ!”
“ดุขนาดนี้เชียวรึ ระ ระดับไร้ขื่อแปถึงเพียงนี้ออกจะโหดเกินไปแล้วกระมัง” ผู้ที่ได้ยินชื่อของหลี่ชิเย่เป็นครั้งแรกถึงกับเสียวสันหลังวาบ
“มันจะไปมีอะไร เขาเคยสังหารศิษย์ของตระกูลราชันฉีหลินบริเวณหน้าประตูของตระกูลราชันฉีหลินแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลราชันฉีหลิน ดูนั่น เจ้าไม่เห็นหรือไง? ธิดาราชันฉีหลินทำตามเขาทุกอย่าง ไม่แน่นักเขาอาจได้เป็นเขยของตระกูลราชันฉีหลิน การที่คนอื่นเขากล้าอวดดีย่อมต้องมีดีอยู่แล้ว” ผู้บำเพ็ญตน ผู้นี้กล่าวขึ้นมา