ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1879 อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1879 อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค
แน่นอน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กระดูกขาว หรือว่าตัวของกระบี่กระดูกขาวเอง แต่มาจากปณิธานสูงสุดของหลี่ชิเย่ มันคืออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ถูกสร้างเลียนแบบขึ้นมาจากความคิดแวบหนึ่งสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในหกความนึกคิดจากตำราระลึก
จะมีใครในโลกนี้ที่เคยเห็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเช่นนี้มาก่อนกันเล่า? ต่อให้พวกเขามีความสามารถที่จะไปลอกเลียนแบบ แต่จะไม่สามารถลอกเลียนแบบอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคลักษณะเช่นนี้ออกมาได้
“คุณชาย อะไรคืออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค?” ระหว่างเดินทางกลับ ธิดาราชันฉีหลินที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่มาโดยตลอด อดที่จะเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากกระบี่กระดูกขาวได้ฝากความทรงจำให้กับนางลึกซึ้งมากเหลือเกิน
“ดูท่าเจ้านี่ช่างมีความละเอียดเลยนี่ การใฝ่รู้เป็นเรื่องดี” หลี่ชิเย่มองดูธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง
ธิดาราชันฉีหลินเผยรอยยิ้มออกมาเสมือนหนึ่งเป็นสาวน้อยคนหนึ่ง เพียงแค่แฝงไว้ซึ่งรอยยิ้มนิดหนึ่งบวกกับท่าทีที่ออดอ้อนอยู่สามส่วน ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกดีเป็นพิเศษ
หลี่ชิเย่ละสายตากลับมาจากการมองไปยังที่ที่ห่างไกล และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเป็นเพียงชื่อที่ใช้เรียกรวมๆ กันเท่านั้นเอง ไม่มีรายละเอียดที่แน่นอน ถ้าหากจะระบุให้ได้ อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคก็คือสุดยอดอาวุธอานุภาพสูงสุดที่ยากจะหาใดเทียมในหล้าของยุคสมัยนั้น อาวุธลักษณะนี้จึงได้รับการยกย่องจากจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากว่าเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค”
“อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค คืออาวุธที่อยู่เหนือศาสตราวุธเต๋าของจอมราชันเซียนหวัง”
“ใช่เพียงแค่อยู่เหนือศาสตราวุธเต๋าของจอมราชันเซียนหวัง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เฉกเช่นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเช่นนี้ ในยุคสมัยหนึ่งมีเพียงหนึ่งหรือสองเล่มเท่านั้น อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเช่นนี้ ไหนเลยที่ศาสตราวุธเต๋าทั่วไปของจอมราชันเซียนหวังสามารถเทียบเคียงได้”
“เปรียบกับชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงเป็นเช่นใด?” ธิดาราชันฉีหลินอดนึกถึงชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงศาสตราวุธเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดในหล้าไม่ได้
“เรื่องนี้คงพูดยากแล้วหละ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ในโลกนี้ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงมีอยู่เพียงห้าชุดเท่านั้นเอง อีกทั้งยังมีสองชุดที่หายสาบสูญไม่แจ้ง ที่ยังคงเหลืออยู่ในโลกมีเพียงสามชุดเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่า ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงหาได้ยาก ขณะที่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคยิ่งพบได้ยากกว่า มีผู้ที่เคยเห็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งสองสิ่งนี้ยังไม่เคยปะทะกันมาก่อน คิดจะตัดสินว่าใครเหนือกว่าใครคงสรุปได้ยาก”
ธิดาราชันฉีหลินพยักหน้าเพื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ ในโลกนี้มีชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอยู่เพียงแค่ห้าชุดเท่านั้น นอกจากชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังกับราชันเซียนหมิงเหรินที่หายสาบสูญแล้ว อีกสามชุดเที่เหลือเล่าลือกันว่าอยู่ในมือของพวกราชันเทพชิงมู่ และราชันซื่อตี้
“แล้วกระดูกแก่นนิรันดร์กาลคืออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคอย่างไร ธิดาราชันฉีหลินอดที่จะถามด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านั้น ธิดาราชันฉีหลินได้ยินหลี่ชิเย่เอ่ยถึงชื่อของอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้น นางจึงเปี่ยมด้วยความสงสัยกับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ชื่อว่า “กระดูกแก่นนิรันดร์กาล”
“กระดูกแก่นนิรันดร์กาลไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในยุคสมัยของพวกเรา มันเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่เนิ่นนานยากจะเทียบเทียม” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “มันเป็นอาวุธร้ายแรงมากเล่มหนึ่ง ในยุคสมัยนั้น ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวนาน มีผู้ที่ดึงเอากระดูกแก่นของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในยุคสมัยหนึ่งสมัยเล่ามาหลอมบูชาและสร้างเป็นอาวุธร้ายแรงเล่มหนึ่ง เรียกได้ว่าอาวุธร้ายแรงเล่มนี้สร้างขึ้นมาจากกระดูกแก่นจำนวนนับล้านล้านชิ้น ถือเป็นอาวุธร้ายแรงที่ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยกระดูกแก่นที่ทรงพลังมากที่สุดของสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมาก อานุภาพของมันน่าสยดสยองยิ่ง หนึ่งกระบี่ปรากฏ เป็นต้องทำลายล้างโลกอย่างแน่นอน!”
ธิดาราชันฉีหลินถึงกับร่างสั่นเทิ้มนิดหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ นางสามารถจินตนาการถึงภาพของการนำเอากระดูกแก่นของสิ่งมีชีวิตหมื่นชาติมาหลอมสร้างอาวุธเล่มหนึ่งช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองเช่นใด ในนั้นมีการกระทำที่โหดเหี้ยมซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มีเรื่องราวที่น่าเศร้าอยู่มากมายเท่าใด!
“ยุคสมัยของพวกเรามีการหลอมสร้างอาวุธยอดเยี่ยมนี้หรือไม่?” ธิดาราชันฉีหลินอดที่จะเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ไม่ได้
“เรื่องนี้พูดยาก” หลี่ชิเย่จ้องมองธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง แล้วมองออกไปยังที่ที่ห่างไกล สุดท้ายกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในอดีตที่เนิ่นนานมากๆ มาแล้ว ราชันเซียนฉวี่เจินได้ตั้งปณิธานที่จะปราบปรามสุดปลายทางของโลก ดังนั้น นางจึงได้บ่มฟักอาวุธอยู่ชิ้นหนึ่งตั้งแต่ในสมัยที่นานมากๆ มาแล้ว ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะต้องสร้างให้มันกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังและปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุด…”
“…ภายหลัง นางได้จัดให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งที่หกขึ้น ข้าคิดว่าเป็นเพราะอาวุธที่อยู่ในมือเล่มนั้นของนางคงสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้วกระมัง ส่วนที่ว่าจะเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคหรือไม่นั้นไม่อาจรู้ได้ อย่างน้อยที่สุดไม่ได้เห็นลักษณะของอาวุธที่สมบูรณ์แล้วเล่มนั้นของนาง ไม่ทราบว่ามีอานุภาพอย่างไรบ้าง”
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ ในครั้งนั้น ราชันเซียนฉวี่เจินที่จัดให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายครั้งที่หกขึ้นนั้น หาใช่เป็นการตัดสินใจเดี๋ยวนั้น แต่ได้มีแนวความคิดเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตนานมาแล้ว เพียงแต่เวลานี้ยังมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ จึงไม่ได้จัดทัพไปเท่านั้นเอง
ภายหลัง ราชันเซียนฉวี่เจินได้จัดให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายครั้งที่หกขึ้น หลี่ชิเย่จึงเข้าใจว่าราชันเซียนฉวี่เจินได้เตรียมการพร้อมแล้ว อาวุธเล่มนั้นของนางก็เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น นางจึงได้ก้าวขึ้นสู่เส้นทางเส้นนี้
เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้ฟังคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายนั้น นางเคยได้ยินได้ฟังมาไม่น้อยตั้งแต่ยังเด็ก แต่ข่าวลือที่ไม่เป็นทางการและมีน้อยคนที่รู้เช่นนี้ นางเพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก
“อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค” ธิดาราชันฉีหลิน ถึงกับพึมพำออกมา ก่อนหน้านั้น นางยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เวลานี้นางจึงได้เข้าใจว่า โลกนี้นอกจากชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริง อาวุธปราบสวรรค์ ตำราและอาวุธสวรรค์แล้ว ยังมีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคอีกด้วย
ครั้นนึกถึงความน่าสยดสยองของกระบี่กระดูกขาวแล้ว ธิดาราชันฉีหลิน ถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกขนพอง แม้ว่านางไม่เคยพบเห็นชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงมาก่อน แต่ว่ากระบี่กระดูกขาวเล่มเมื่อครู่นั้นที่เป็นเพียงของลอกเลียนแบบเท่านั้นเอง มันก็มีอานุภาพได้ถึงเพียงนี้แล้ว ลองนึกดูอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคแท้จริงจะมีความสยดสยองเพียงใด
ดังนั้น นาทีนี้ ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินกลับมีความปรารถนาอยู่หลายส่วนว่า หากสามารถเห็นการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงกับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค นับว่าชาตินี้ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว
“ถ้าหากมีการต่อสู้กันสักครั้งระหว่างชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงและอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค ช่างเป็นสิ่งที่เฝ้าปรารถนาของผู้คนเสียกระไร เกรงว่าคงเป็นการศึกที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับแต่อดีตเป็นต้นมาแล้ว” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับพึมพำออกมา
“การต่อสู้ระหว่างชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงกับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค? หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “เรื่องอย่างนี้ไม่มีอะไรคู่ควรไปเฝ้าหวัง ไม่มีอะไรคู่ควรต้องกระหายอยากหรอกนะ”
“เพราะอะไร?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี่ของหลี่ชิเย่
“ถ้าหากวันใดเจ้ารู้มาว่ามีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคปรากฏขึ้นมาแล้ว อีกทั้งคนที่ครอบครองอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคคนนั้นไม่ใช่ข้าล่ะก็” หลี่ชิเย่จ้องมองไปยังที่ที่ห่างไกล และกล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “ถ้าหากเจ้าจะฉลาดสักนิดล่ะก็ ให้รีบหนีไป หนีไปได้ไกลมากเท่าไรยิ่งดี ถ้าหากบนโลกใบนี้มีสถานที่แห่งใดที่ปลอดภัยมากที่สุดก็ให้หนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่น อย่าได้นึกฝันที่จะได้เห็นสักครั้งอย่างเด็ดขาด อย่าได้ไปนึกว่าหากได้มองเห็นการต้อสู้เช่นนี้แล้วชีวิตนี้จะไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก! มีความเท่าไรก็ให้หนีไปให้เร็วที่สุด กระทั่งสามารถละทิ้งตระกูลราชันฉีหลินของพวกเจ้า ไม่ต้องไปสนใจอีกเลย”
“ทำไมหละ?” คำพูดนี้ยิ่งสร้างความตกตะลึงกับธิดาราชันฉีหลินมากขึ้นไปอีก นางอยู่ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลราชันฉีหลิน ในสัญชาตญาณของนางไม่มีสถานที่ใดปลอดภัยมากไปกว่าตระกูลราชันฉีหลินพวกเขาอีกแล้ว ไม่ว่าใครก็ตาม ในขณะที่อยู่ในอันตรายสิ่งแรกที่นึกถึงก็คือบ้านของตนเอง ภายในใจของผู้คน สถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดก็คือบ้านของตนเอง!
“เนื่องจากหากมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเจ้าก็จบเกมแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูนางแวบหนึ่งและกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับหลุดปากออกมาว่า “ต่อให้ศัตรูแข็งแกร่งตรงหน้า ตระกูลราชันฉีหลินพวกเราก็ใช่ว่าบทจะจบก็จบสิ้นได้ง่ายดายนัก”
เรื่องนี้ใช่ว่าธิดาราชันฉีหลินหลงตัวเองเข้าใจว่าตนเองนั้นเก่งกล้าเหนือผู้อื่น คำพูดของนางนับว่ามีเหตุผลอยู่สามส่วน ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขายังคงมีเซียนหวังสององค์ที่มีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับสายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์อยู่ไม่น้อย และเซียนหวังทั้งสองของพวกเขาก็เคยมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ ราชันเซียนเก้าแดนจำนวนไม่น้อย
หากจะมีสักวันตระกูลราชันฉีหลินพวกเขาต้องพบกับภัยพิบัติจริงๆ เซียนหวังทั้งสององค์ของพวกเขาย่อมจะไม่นิ่งดูดาย ยิ่งไปกว่านั้น เซียนหวังทั้งสองของพวกเขาต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากเซียนหวังองค์อื่นๆ จากร้อยชาติพันธุ์ และราชันเซียนเก้าแดนแน่นอน
สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพันไม่มีวันล่มสลาย แต่ในสายตาของธิดาราชันฉีหลินมองว่า ไม่ว่าใครก็ตาม หากคิดจะทำลายล้างตระกูลราชันฉีหลิน พวกเขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
“แม้ว่าตระกูลราชันฉีหลินพวกเจ้ายังมีเซียนหวังอยู่สององค์ แต่หากถึงวันนั้นจริงๆ ต่อให้พวกเจ้ามีเซียนหวังห้าองค์เกรงว่าก็คงปกป้องตระกูลราชันฉีหลินพวกเจ้าไม่ได้ เมื่อถึงวันนั้น เกรงว่าพวกเขาเองก็เอาตัวเองไม่รอด” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ มองดูธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง แล้วมองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ธิดาราชันฉีหลินต้องสะท้านภายในใจ เนื่องจากคำพูดของหลี่ชิเย่แฝงไว้ซึ่งข้อมูลมากมาย ในนั้นมีความลับมากมายเหลือเกิน
“วัน วันนี้จะมาถึงจริงรึ?” ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินรู้สึกเย็นวาบ ถึงกับเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ว่า “เช่น เช่น เช่นนี้แล้ว โลกนี้มีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคจริงๆ รึ?”
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่มองไปไกล ไกลมากๆ สายตากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก และกล่าวว่า “ในยุคสมัยของพวกเราจะมีใครสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคขึ้นมาหรือไม่นั้นไม่อาจจะรู้ได้ แต่ว่า ในยุคสมัยที่ยาวไกลมากๆ แม้ว่าได้หายสาบสูญไปแล้ว กระทั่งกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว แต่ ยุคสมัยที่ว่าได้สูญสลายไปแล้วก็จริง แต่ อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของพวกเขากลับคงอยู่”
“โลกของพวกเราขณะนี้มีคนที่ได้รับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคจากยุคโบราณที่เนิ่นนานมาแล้ว!” ธิดาราชันฉีหลินนับว่าไม่โง่ นางเข้าใจได้ทันที
หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถูกต้อง นี่ไม่ใช่คำเล่าลือ และไม่ใช่เทพนิยาย เพียงแต่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวนานมานั้น มีคนปกปิดร่องรอยของมันเท่านั้นเอง ปริศนาทุกอย่างล้วนแล้วแต่ซ่อนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกของสายน้ำแห่งกาลเวลา”
“ถ้าหากอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้น?” ธิดาราชันฉีหลินนึกถึงคำพูดหลี่ชิเย่ที่ได้พูดเอาไว้เมื่อครู่นี้ ถึงกับเอ่ยถามขึ้นแผ่วเบา
“ทำลายล้างโลก” หลี่ชิเย่มองดูธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากวันนั้นมาถึง มันจะเป็นภัยพิบัติครั้งหนึ่ง มันจะนำมาซึ่งความเงียบสงัดวิเวกวังเวง บางทีเมื่อวันนั้นมาถึง จะไม่มีสายสำนักราชันเซียนอะไร ไม่มีเก้าแดน และไม่มีสิบสามทวีป ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ เปล่าประโยชน์”
“มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ธิดาราชันฉีหลินหลุดปากมาว่า “ในโลกนี้ยังมีราชันเซียนอิเย่ ยังมีเทพโบราณกุยฝาน ยังมีราชันเสวียนตี้ ยังมีราชันซื่อตี้…ยังมีจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนจำนวนมาก ต่อให้มีภัยพิบัติยิ่งใหญ่เพียงใดก็จะไม่ใช่ภัยพิบัติ หากมีพวกเขาอยู่ในสิบสามทวีป”
“ถูกต้อง อิเย่ก็ดี กุยฝานก็ช่าง กระทั่งตาเฒ่าเฉี่ยน พวกเขาล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “แต่ว่า เจ้าไม่มีวันรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเผชิญอยู่คืออะไร มันคือสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการของเจ้า หากวันนั้นมาถึงจริงๆ เกรงว่าคนบางคน เรื่องบางเรื่องก็ได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว โลกกำลังเปลี่ยนแปลง สัจธรรมก็กำลังเปลี่ยนแปลง”