ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1921 ราชันสวรรค์ขวางเส้า
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1921 ราชันสวรรค์ขวางเส้า
พวกของอู่ชีค้นหาไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบของวิเศษใดๆ ที่ตรงนี้เป็นเพียงพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้
“เฮ่อ ถ้าหากสามารถครอบครองหอกยาวเล่มนั้นก็คงดี” อู่ชีที่จ้องมองดูหอกยาวเล่มนั้นที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบจอมราชัน ซึ่งสร้างขึ้นโดยอาศัยชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ถึงกับน้ำลายหก
“เจ้าฝันไปหรือเปล่า” ซึหุนหลินหัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “พลังสังหารแบบนี้แตะต้องไม่ได้เลย มันเป็นพลังโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตของจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย มันไม่เพียงสืบทอดพลังของชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายเท่านั้น ไม่เพียงสืบทอดพลังสังหารเด็ดขาดสุดท้ายของจอมราชันผู้นี้ ขณะเดียวกันก็ได้สืบทอดปณิธานการสู้รบจนถึงที่สุดของจอมราชัน มันคือจิตยึดติดที่ทรงพลังและดื้อรั้นที่สุด จิตยึดติดลักษณะเช่นนี้อย่าว่าแต่พวกเราที่แตะต้องไม่ได้…”
“…แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าอยู่ในครอบครองถึงสิบสองสายก็ไม่ต้องการไปแตะต้องมัน ของที่มีลักษณะเช่นนี้กฎแห่งกรรมแรงมาก มิเช่นนั้นล่ะก็คงมีคนมาเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนไปนานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครแตะต้องที่สุดของการสังหารตลอดกาลเช่นนี้ ขณะที่จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองก็ไม่ต้องการไปแตะต้องกับกระบวนท่าสังหารขั้นเด็ดขาดตลอดกาลเช่นนี้ ดังนั้น ไม่ทราบกี่ปีที่ผ่านไปยังคงไม่มีใครสามารถเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนได้” เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้
จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย จะมากหรือน้อยก็ต้องได้รับความเคารพจากผู้คน และตัวเขาก็ต้องมีลูกหลานของตนเอง แต่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมากลับไม่มีใครมาเก็บศพให้กับเขา ซึ่งสิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะลูกหลานของเขาอกตัญญู แต่เป็นเพราะต่อให้ลูกหลานของเขาอยากเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนมากก็ตาม แต่ก็จนด้วยเกล้า
พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างจ้องมองไปที่โครงกระดูกของราชันมารอู๋หลุน บุคคลซึ่งเคยส่งเสียงตวาดสิบสามทวีปด้วยความโกรธแค้นได้ เป็นจอมราชันที่เคยปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค สุดท้ายต้องเสียชีวิตในต่างถิ่นและไม่มีใครสามารถเก็บศพให้กับเขา ซึ่งเป็นความโศกเศร้าและจนด้วยเกล้าอย่างสุดซึ้ง
“ตูม ตูม ตูม” ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้น ทันใดนั้นอานุภาพจอมราชันอาละวาดฟ้าดิน อานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรแผ่กระจายออกมา
นาทีนี้เอง ปรากฏทางสายหนึ่งพาดผ่านท้องฟ้าเบื้องบนในฉับพลัน เส้นทางสายนี้เปล่งประกายทองคำบริสุทธิ์ละลานตา เสมือนหนึ่งเป็นสะพานลอยที่หลอมสร้างขึ้นมาจากสุดยอดโลหะศักดิ์สิทธิ์พาดผ่านท้องฟ้าไปอย่างนั้น
เสียง “ตูม…” ดังสนั่นขึ้นมา เห็นคนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามา ก้าวเดินบนทางสายนี้ทีละก้าวๆ
ผู้ที่เหินฟ้ามานั้นกลับเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้แลดูมีหนุ่มแน่นมาก อายุอ่อนกว่าอู่ชีเสียอีก ดูไปแล้วเหมือนสิบห้าสิบหกเท่านั้น แม้ว่าตัวเขาจะดูหนุ่มแน่นมาก แต่ว่าอานุภาพราชันยิ่งใหญ่ สวมชุดราชัน บนศีรษะสวมหมวกราชัน เหลียวซ้ายแลขวาปรากฏอานุภาพราชันฟุ้งกระจาย
ชายหนุ่มผู้นี้พกกระบี่ยาวสามเล่มอยู่ด้านหลัง กระบี่ทั้งสามเล่มล้วนแล้วแต่เปล่งรัศมีราชันรุนแรง กระบี่แต่ละเล่มล้วนแล้วแต่ปรากฏสัจธรรมนับไม่ถ้วนที่ลากยาวออกมา เสมือนหนึ่งกระบี่ทั้งสามเล่มได้แบกรับโลกทั้งโลกเอาไว้อย่างนั้น ยามที่มองเห็นกระบี่ยาวทั้งสามเล่มแล้วรู้สึกได้ว่า หากกระบี่ออกจากฝัก สามารถสะบั้นโลกทั้งโลก หนึ่งกระบี่สะเทือนไปทุกแดน หนึ่งกระบี่ตัดขาดหมื่นยุค!
ขณะที่ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามานั้น ผู้คนรู้สึกได้ว่าแต่ละก้าวของเขาสามารถเหยียบโลกๆ หนึ่งจนแหลกละเอียด ทำให้ผู้คนหายใจไม่สะดวก ผู้ที่มีทักษะยุทธอ่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้วจะถูกสยบในทันที กระทั่งขาสองข้างอ่อนแรง
นี่คือจอมราชัน จอมราชันของแท้แน่จริงองค์หนึ่ง อีกทั้งสิ่งที่หวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากกว่านั้นก็คือ จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือตัวจริงไม่ใช่ตัวจำแลงมา!
ภาพการมาด้วยตนเองของจอมราชันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนได้มากเหลือเกิน ทำให้ผู้คนที่ได้มองเห็นภาพของจอมราชันที่เป็นตัวจริงมาด้วยตนเองถึงกับตะลึงงันทันที
ที่ทำให้ผู้คนต้องสะเทือนหวั่นไหวก็คือ จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ได้เก็บงำอานุภาพราชันของตนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อานุภาพราชันของตนอาละวาดไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินไปตามอำเภอใจ ปล่อยให้พลังล้นออกมาอย่างรุนแรง ทำตัวเด่นดังเปิดเผยยิ่ง ให้ความรู้สึกผู้คนที่ยโสโอหังปล่อยไปตามอารมณ์ไม่เห็นผู้อื่นในสายตา
แม้จะกล่าวว่า จอมราชันเซียนหวังล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกรทั้งสิ้น พวกเขาต่างยืนอยู่บนโลกอย่างทระนง แต่ทว่า จอมราชันส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีนิสัยที่ยโสโอหังปล่อยไปตามอารมณ์ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาแบบนั้น พวกเขาจะมั่นคงดั่งขุนเขา
แต่ทว่า จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้ากลับยโสโอหังไม่เห็นผู้อื่นในสายตา และทำตัวสูงเด่น ท่าทางที่ฮึกเหิมลำพองใจ ทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด!
“โอ้แม่เจ้า นี่มันดาวรุ่งมาจากไหนกัน ถึงกับได้เป็นจอมราชันตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ นี่มันฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง ทำไมข้าจึงไม่รู้ว่ามีคนได้เป็นราชันแล้ว” อู่ชีถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อได้เห็นจอมราชันที่มีอายุน้อยเพียงนี้
“ราชันสวรรค์ขวางเส้า เขาไม่ใช่จอมราชันของยุคสมัยนี้” ซึหุนหลินที่มองดูจอมราชันองค์นี้ที่ไปไกลแล้ว ถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา “ผ่านไปกี่ปีแล้วเนี่ย เขายังคงมีนิสัยเช่นนี้ ยังคงโอหังเพียงนี้”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือใคร? ไม่เคยได้ยิน” อู่ชีถามด้วยความแปลกใจ
“ป๊าบ” หนึ่งฝ่ามือของอู่ฟ่งหยิ่งซัดเข้าให้ที่ท้ายทอยจ้องตาขมึง และหลี่ชิเย่ “ใครใช้ให้เจ้าหนีออกไปเที่ยวเล่นคนเดียวขณะที่ท่านพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติจอมราชันของชิงโจว”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือจอมราชันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชิงโจวนับแต่อดีตถึงปัจจุบันกระมัง เขาเพียงพอที่จะได้รับการจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาลแล้วหละ” ซึหุนหลินมองดูเงาหลังที่จากไปไกลของจอมราชันผู้นี้ พูดขึ้นด้วยท่าทีจะยิ้มก็ไม่เชิงว่า “ได้สืบทอดชะตาฟ้าตั้งแต่อายุสามสิบ นับว่ามีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงพอแล้วจริงๆ”
“โอ้แม่เจ้า สืบทอดชะตาฟ้าตั้งแต่อายุสามสิบ นี่มันสุดยอดดาวรุ่งในหล้าเลยนะเนี่ย เขาคือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายรึ?” อู่ชีเอ่ยถามด้วยความตระหนก
“ไม่ใช่ เขาคือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสายเดียว” ซึหุนหลินส่ายหน้ากล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
“เอือก…” อู่ชีเกือบสำลักน้ำลายตายเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ถึงกับงงงัน เมื่อได้สติกลับมาจึงกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านล้อเล่นกระมัง อายุสิบสามได้สืบทอดชะตาฟ้า นั่นคือดาวรุ่งปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเลยนะ จอมราชันเซียนหวังเมืองหลงเฉินของพวกเราถือว่ายอดเยี่ยมแล้วสิ แต่ก็สู้คนอื่นไม่ได้เลยนะจะเป็นไปได้อย่างไรที่เป็นจอมราชันหนึ่งชะตาฟ้า โลกนี้มีจอมราชันที่มีชะตาฟ้าหนึ่งสายด้วยรึ? คงไม่มีกระมัง”
สมควรทราบว่า จอมราชันเซียนหวังมีโอกาสสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสามครั้ง ด้วยราชันเซิ่นตี้ที่สติปัญญาค่อนข้างแย่ยังมีชะตาฟ้าในครอบครองถึงสามสาย ขณะที่จอมราชันที่เป็นสุดยอดดาวรุ่งในหล้า เป็นไปได้อย่างไรที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสาย
“ดังนั้น ชื่อของราชันสวรรค์ขวางเส้าจึงได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่า เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าหนึ่งสายไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันของชิงโจว อีกทั้งยังเป็นจอมราชันที่มีสิบสองลัคนากับหนึ่งชะตาฟ้า ด้วยผลงานเช่นนี้เกรงว่านับแต่อดีตถึงปัจจุบันก็ไม่มีใครเทียบ อย่าว่าแต่ชิงโจวของเราเลย กระทั่งสิบสามทวีปก็มีจอมราชันลักษณะเช่นนี้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” ครั้นซึหุนหลินกล่าวมาถึงตรงนี้ถึงกับหัวเราะขึ้นมา
“เอือก…” อู่ชีถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอือก ตาเบิกกว้างพูดลิ้นพันกันว่า “สิบสองลัคนามีชะตาฟ้าแค่หนึ่งสาย นี่ นี่ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จอมราชันที่มีสิบสองลัคนาจะมีชะตาฟ้าเพียงหนึ่ง นับว่าไร้เหตุผล พูดไปแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ
“เป็นความจริงหรือไม่ที่เทพโบราณกุยฝานสั่งฆ่าเขา?” อู่ฟ่งหยิ่งถึงกับเอ่ยถามขึ้น นางเคยได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับราชันสวรรค์ขวางเส้ามาก่อน
“ถูกต้อง เพราะคำสั่งของเทพโบราณกุยฝานจึงได้เกิดเป็นสถานการณ์อย่างที่เห็นในวันนี้ กลายเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์นิรันดร์กาล จอมราชันผู้มีสิบสองลัคนากลับมีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสายเท่านั้น การที่เขาสามารถรักษาชีวิตรอดมาได้นับว่าไม่ง่ายแล้ว” ซึหุนหลินยิ้มกล่าว
“นี่ นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ท่านผู้อาวุโสรีบเล่ามาให้ฟังเร็วๆ” อู่ชีพลันถูกทำให้อยากรู้อยากเห็น รู้สึกคันในใจตงิดๆ ขึ้นมา
“ฮึ ใครใช้ให้เจ้าแอบหนีไปเที่ยวขณะที่ฟังประวัติศาสตร์จอมราชัน” อู่ฟ่งหยิ่งมองตาเขม็งอย่างเคืองๆ ซึ่งทำให้อู่ชีหัวเราะเจื่อนๆ ขึ้นมา
ซึหุนหลินไม่ได้วางมาดอะไร เมื่อเห็นอู่ชีอยากรู้ จึงหาทีนั่งลงแล้วกล่าวว่า “ราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมมากมีชาติกำเนิดมาจากหนึ่งสำนักสามราชัน ขณะที่ยังเยาว์วัยมากๆ ก็มีพรสวรรค์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียม กล่าวได้อย่างไม่เป็นการอวดอ้างเลยว่า เกรงว่าเหรินเซิ่นและจินเก๋อในวันนี้ก็เทียบเขาไม่ติด ทั้งจินเก๋อและเหรินเซิ่นก็ต้องสลดและอับแสงเมื่อเปรียบเทียบพรสวรรค์กับราชันสวรรค์ขวางเส้า”
“ยอดเยียมถึงปานนี้เชียว” อู่ชี ถึงกับตระหนก ทั้งจินเก๋อและเหรินเซิ่นต่างได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุค แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับมีพรสวรรค์สูงกว่าพวกเขาเสียอีก นั่นมันต้องใช้คำว่าจัญไรจึงสามารถเปรียบเปรยได้แล้ว
“อายุสิบขวบก็ฝึกเคล็ดวิชาของจอมราชันทั้งสามจนหมดสิ้น อายุสิบห้าปราศจากผู้ต่อกร เจ้าว่าพรสวรรค์ของเขาเป็นอย่างไร?” ซึหุนหลินเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“จัญไร!” อู่ชีไม่อาจไม่ยอมรับในความฝืนลิขิตสวรรค์ของเขา แค่อายุสิบขวบก็สามารถฝึกเคล็ดวิชาของจอมราชันทั้งสามได้ทั้งหมด
“ราชันสวรรค์ขวางเส้าราบรื่นเกินไป ราบรื่นจนไม่มีคำว่ายาก เรียกได้ว่าก่อนที่เขาจะสืบทอดชะตาฟ้าก็ปราศจากผู้ต่อกร ไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้แบบไหนก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ในรุ่นเดียวกันไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้อยู่แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาต้องสลดและอับแสง ต่อให้เป็นศัตรูที่รุ่นอาวุโสกว่าและแข็งแกร่งกว่าเขาเป็นอันมาก ขอเพียงเขาพยายามหมั่นฝึกฝนอีกแปดวันสิบวันก็สามารถไล่ตามได้ทันและเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้…”
“…ด้วยเหตุที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียมในหล้า ด้วยความที่ชีวิตของเขามีแต่ความราบรื่นมาโดยตลอด ส่งผลให้เขากลายเป็นคนที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา หมางเมินทั่วหล้า นิสัยที่มองหมื่นอาณาจักรอย่างเย้ยหยัน เรียกได้ว่าเขานั้นยโสถืออำนาจบาตรใหญ่ อวดดีมาโดยตลอด” เมื่อซึหุนหลินกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับส่ายหัว
“จะโทษว่าเขายโสเกินไปก็ไม่ถูก หากเปลี่ยนเป็นใครก็ตามก็เป็นเช่นนี้” อู่ชีกล่าวว่า “กล่าวสำหรับดาวรุ่งที่ไม่มีคำว่ายากสำหรับทุกสิ่ง ไม่ยโสไหวรึ? เกรงว่าหากเปลี่ยนเป็นตัวข้าก็คงยโสเช่นนี้เหมือนกัน”
“ถูกต้อง การที่ชีวิตคนเราราบรื่นมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี” ซึหุนหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “ขณะราชันสวรรค์ขวางเส้าอายุได้สามสิบ กำลังจะสืบทอดชะตาฟ้าอยู่แล้ว แต่ว่า ก่อนสืบทอดชะตาฟ้าหนึ่งวันมีดาวรุ่งคนหนึ่งที่จะแย่งชิงการสืบทอดชะตาฟ้าเช่นเดียวกับเขา ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้สังหารดาวรุ่งผู้นั้นเสีย ทั้งยังถือโอกาสทำลายล้างสำนักของดาวรุ่งผู้นั้น ในเวลานี้เขาทำกำเริบเสิบสานไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด ท่ามกลางหลงระเริงได้ทำลายหญิงสาวผู้หนึ่งของสำนักแห่งนี้ที่รอดชีวิตโดยบังเอิญ…”
เมื่อซึหุนหลินเอ่ยมาถึงตรงนี้ได้หยุดนิดหนึ่ง จากนั้นได้กล่าวว่า “วันรุ่งขึ้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ไปสืบทอดชะตาฟ้า ซึ่งโดยปรกติแล้วถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ แต่ ไม่นึกเลยว่าหญิงสาวผู้นั้นมีสายเลือดชนรุ่นหลังของเทพโบราณกุยฝาน หลังจากที่หญิงสาวผู้นี้รอดชีวิตมาได้จึงตามหาเทพโบราณกุยฝานจนพบ”
“เทพโบราณกุยฝาน…” อู่ชีถึงกับพูดขึ้นมาว่า “เทพโบราณจากร้อยชาติพันธุ์ของพวกเรา เทพโบราณผู้มีดวงตราสัญลักษณ์สิบสองดวงคนที่สี่ในโลก เป็นความภาคภูมิใจของเผ่ามาร”
“ถูกต้อง” ซึหุนหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “แม้ว่าสายเลือดของหญิงสาวผู้นี้ห่างเหินจากเทพโบราณกุยฝานมากทีเดียว ไม่รู้ว่าได้สืบทอดมาแล้วกี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่ว่า หลังจากที่เทพโบราณกุยฝานทราบเรื่องนี้แล้วโกรธมาก สั่งการให้มีการสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าเสีย ราชันสวรรค์ขวางเส้าเพิ่งจะทำการสืบทอดชะตาฟ้า และเพิ่งสืบทอดชะตาฟ้าได้มาหนึ่งสาย เดิมทุกคนต่างมั่นใจในตัวเขาว่า เขาจะต้องสืบทอดชะตาฟ้าได้สี่สายในครั้งนี้ แต่กลับถูกขุนพลของเทพโบราณกุยฝานขัดขวาง ทำให้พลาดโอกาสการสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งนี้ไป”
…………………………………………………..