ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1922 เทพโบราณกุยฝาน
“…ถึงแม้ขั้นตอนการสืบทอดชะตาฟ้าถูกขัดขวาง แต่ จะอย่างไรเสียราชันสวรรค์ขวางเส้าที่สำเร็จได้ครอบครองชะตาฟ้าหนึ่งสายยังคงปราศจากผู้ต่อกร สามารถหลบหนีรอดจากเคราะห์กรรมคราวนี้ไปได้ เดิมทีบรรดาบรรพบุรุษของเขามั่นใจอย่างยิ่ง รวมทั้งเผ่าสวรรค์ก็มั่นใจในตัวเขาเช่นกัน คิดว่าเขาจะต้องได้เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอย่างแน่นอน ดังนั้น ระหว่างที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพโบราณกุยฝานเข้าจู่โจมต่อราชันสวรรค์ขวางเส้า จอมราชันทั้งสามของตระกูลนี้ได้ลงมือให้การคุ้มครอง…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ซึหุนหลินถึงกับดูมีกำลังวังชาขึ้น และเลือดอุ่นในกายเดือดพล่าน และกล่าวว่า “มาคราวนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับเทพโบราณกุยฝานอย่างสิ้นเชิง ทำให้เทพโบราณกุยฝานลงมือด้วยตนเอง เอาชนะจอมราชันทั้งสามของตระกูลนี้ ขณะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าหลบหนีไปได้ภายใต้การคุ้มกันของบรรพบุรุษทั้งสามของตน แต่ เทพโบราณกุยฝานประกาศไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด ตามล่าไปตลอดทาง เล่นงานจนจอมราชันทั้งสี่เลือดไหลเป็นทาง”
“คนเดียวสู้กับจอมราชันสี่องค์!” เลือดในกายของอู่ชีเดือดพล่าน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ และกล่าวว่า “เทพโบราณกุยฝานฝืนลิขิตสวรรค์เกินไปแล้วกระมัง ถึงกับรับมือสู้กับจอมราชันทั้งสี่โดยลำพังคนเดียว นี่มันคือจอมเทพปราศจากผู้ต่อกรเลยนะเนี่ย”
เป็นความจริงที่เทพโบราณกุยฝานนั้นปราศจากผู้ต่อกร เขาไม่เพียงเป็นเทพโบราณองค์หนึ่งเท่านั้น เขายังเป็นจอมมารที่มีสายเลือดราชามนุษย์ เคยมีผู้ที่ยกย่องให้เขาเป็นลิ่วเต้าเหรินหวังคนที่สอง! สมควรทราบว่า ครั้งนั้น เทพโบราณกุยฝานเคยเป็นผู้ที่ต่อสู้กับราชันหลันตี้มาก่อน ทั้งยังคงมีชีวิตอยู่มาได้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเทพโบราณกุยฝานนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว
“ต่อสู้ตัวต่อตัวของราชัยหลันตี้นะเนี่ย” อู่ชีถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ราชันหลันตี้นั้นนับเป็นตำนาน เขามีชาติกำเนิดมาจากเผ่ามาร เป็นจอมราชันองค์ที่เจ็ดที่ได้ครองครองชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป แต่ความมหัศจรรย์ที่สุดของราชันหลันตี้หาใช่การครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายของเขา แต่เป็นการอาศัยสิบเอ็ดลัคนาสืบทองดชะตาฟ้าสิบสองสาย เป็นการทำลายกฎเกณฑ์ที่ว่าหนึ่งลัคนาสืบทอดชะตาฟ้าหนึ่งสาย ซึ่งมีเพียงราชันหลันตี้ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ทำเช่นนี้ได้
แต่ทว่า น่าเสียดายภายหลังราชันหลันตี้ตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์ มิฉะนั้นล่ะก็ ฐานะของเขาในวันนี้คงไม่ด้อยไปกว่าพวกของราชันซื่อตี้
ขณะที่เทพโบราณกุยฝานคือเทพโบราณที่มีสายเลือดราชามนุษย์ในกาย ต่อสู้กับราชันหลันตี้โดยลำพัง ด้วยผลงานเช่นนี้สมควรเป็นที่ภาคภูมิใจของร้อยชาติพันธุ์แน่นอน!
“ภายหลัง ราชันสวรรค์ขวางเส้าหนีรอดจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้อย่างไร?” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อู่ฟ่งหยิ่งได้เอ่ยถามขึ้นมา
“สวรรค์…” ซึหุนหลินมองดูจุดที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าจากไปไกล กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ฟังว่าท้ายสุดแล้วได้สวรรค์ออกหน้า มีจอมราชันบางส่วนของสวรรค์ร้องขอชีวิตให้กับราชันสวรรค์ขวางเส้า แต่รายละเอียดปลีกย่อยนั้นบุคคลภายนอกไม่ชัดเจน ทว่าเผ่าของราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สมบัติจำนวนมาก สุดท้ายแล้ว ราชันสวรรค์ขวางเส้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้ได้สืบทอดชะตาฟ้าอีกต่อไป เทพโบราณกุยฝานจึงละทิ้งการตามฆ่าเขา”
“สวรรค์นะเนี่ย” พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ผู้คนในสิบสามทวีปต่างรูดีว่าที่พี่งสำคัญที่สุดของเผ่าสวรรค์ก็คือสวรรค์ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า สวรรค์ก็คือแหล่งต้นกำเนิดของเผ่าสวรรค์
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าไปหาเรื่องกับสวรรค์ ดังนั้น หากเกิดเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าในสิบสามทวีป ขอเพียงเกี่ยวพันกับเผ่าสวรรค์ ก็มักจะมีสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่เสมอๆ
ผู้คนจำนวนมากต่างหวั่นเกรงยิ่งนักเมื่อเอ่ยถึงสวรรค์ ไม่เว้นแม้กระทั่งจอมราชันเซียนหวัง
“เทพโบราณกุยฝานนับว่าฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับทอดถอนใจกับเรื่องนี้
แม้สวรรค์ออกหน้าขอร้อง แต่เทพโบราณกุยฝานยังคงสามารถบีบบังคับให้เผ่าของราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องจ่ายค่าชดเชยอย่างหนัก ทั้งยังไม่อนุญาตให้ได้ครอบครองชะตาฟ้าอีกต่อไป ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเทพโบราณกุยฝานมีความฝืนลิขิตสวรรค์เพียงใด หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ไม่แน่เสมอไปว่าสวรรค์จะยอมให้เกียรติเช่นนี้
“จะอย่างไรเสียก็คือเทพโบราณที่มีคุณสมบัติต่อสู้กับจอมราชันที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครอง” ซึหุนหลินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นความจริงที่พรสวรรค์ของราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้นไม่มีที่ติ ไม่เพียงแต่ตระกูลของเขาเองที่มั่นใจในตัวเขา แม้แต่เผ่าสวรรค์ก็มั่นใจเขา เกรงว่าเผ่าสวรรค์ และสวรรค์ก็คาดหวังให้เขาได้เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายกระมัง สุดท้ายแล้วเกิดเรื่องของเทพโบราณกุยฝานขึ้นมา…”
“…เกรงว่าสวรรค์เองก็ละทิ้งแล้วหละ หากเปลี่ยนเป็นดาวรุ่งคนอื่นๆ ไม่เห็นสวรรค์ยินดีจะออกหน้าเพื่อแปดเปื้อนน้ำโคลนเช่นนี้ จะอย่างไรเสียอิทธิพลของเทพโบราณกุยฝานก็ยิ่งใหญ่มาก ได้รับการเคารพเทิดทูนจากร้อยชาติพันธุ์เป็นอันมาก” เมื่อซึหุนหลินกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องอุทานถอนหายใจออกมา หากเป็นในอดีต สวรรค์ไม่เคยมองร้อยชาติพันธุ์อยู่ในสายตาอยู่แล้ว นับแต่ศึกล่าราชันไปแล้ว ฐานะของร้อยชาติพันธุ์ได้รับการยกฐานะขึ้นมามาก กระทั่งบางยุคสมัยแม้แต่เผ่าเทพ มาร และสวรรค์ทั้งสามเผ่าเมื่อเปรียบกับร้อยชาติพันธุ์ยังต้องสลดและอับแสง
“นับว่าเป็นจอมราชันที่ยอดเยี่ยมมาก” หลังจากที่อู่ชีฟังจนจบแล้วก็ได้กล่าวประเมินออกมา เป็นถึงสุดยอดดาวรุ่งคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นจอมราชันที่ได้ครอบครองชะตาฟ้าเพียงสายหนึ่งเท่านั้น กลายเป็นจอมราชันที่เหลือเชื่อมากที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
พรสวรรค์ของราชันเซิ่นตี้ในครั้งนั้นแย่แค่ไหน เขามีความโง่เขลาเพียงใด แต่ก็ได้กลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสามสาย ขณะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้านั้นพรสวรรค์ยากจะหาใดเทียม กลับกลายเป็นจอมราชันชะตาฟ้าหนึ่งสายไปได้ มันช่างเหลือเชื่อเลยจริงๆ
“ขณะยังหนุ่มแน่นราบรื่นเกินไปใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี” ซึหุนหลินส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ายังคงนิสัยไม่เปลี่ยน ผ่านไปตั้งหลายปี ยังคงใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ยังคงยโสโอหังเช่นเดิม เป็นเพราะเขาราบรื่นเกินไป อาศัยสติปัญญาของเขา โดยพื้นฐานแล้วเขาปราศจากผู้ต่อกรสามารถเอาชนะทุกคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน”
พวกของธิดาราชันฉีหลินล้วนแล้วแต่นิ่งเงียบกับเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าจอมราชันเซียนหวังส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็จะไม่ถืออำนาจบาตรใหญ่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเหมือนดั่งเช่นราชันสวรรค์ขวางเส้า บางทีอาจเป็นเพราะราชันสวรรค์ขวางเส้าในวัยเยาว์ไม่ได้ผ่านการล้มเหลวมาก่อน จึงขาดการตกผลึก และหล่อหลอมเขาให้กลายเป็นนิสัยอย่างที่เขาเป็น
ลองนึกภาพดู จอมราชันเซียนหวังเซียนหวังองค์อื่นๆ มีใครบ้างที่ขณะอายุยังน้อยไม่ใช่ก้าวไปข้างหน้าและต่อสู้ไปทีละก้าวๆ ฟันฝ่าวงล้อมที่ล้อมตัวพวกเขาอย่างยากลำบาก หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดแต่ละครั้ง สุดท้ายจึงสามารถได้รับการรับรองด้านสัจธรรม สามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวัง
พรสวรรค์เฉกเช่นราชันสวรรค์ขวางเส้านับว่าสูงมากเกินไปเสียแล้ว คนรุ่นเดียวกันพ่ายแพ้ทันทีที่ต่อสู้กับเขา อีกทั้งความเร็วในการฝึกของเขารวดเร็วเหลือเกิน คนที่เหนือกว่าเขาอยู่มากมายเมื่อวาน มาวันนี้กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาแล้ว เรียกได้ว่าดาวรุ่งที่สุดยอดยากจะหาใดเทียมในหล้าเฉกเช่นราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เคยได้รับความลำบากมาเลยตลอดชีวิต ทุกอย่างราบรื่นมาโดยตลอด สุดท้าย จึงได้กลายเป็นโอหังจนสุดเปรียบเปรย ขาดความหนักแน่นและความเฉลียวฉลาดมองการณ์ไกลที่ระดับจอมราชันเซียนหวังพึงมี
ในขณะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าผ่านไปได้ไม่นาน ได้ยินเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าก้าวไป พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ตามหลังราชันสวรรค์ขวางเส้าไปทั้งสิ้น
“พวกเขาคิดจะทำอะไร?” เมื่ออู่ชีมองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าหายตัวไปอย่างรวดเร็ว จึงกล่าวว่า “หรือว่าพวกเขาคิดจะติดตามราชันสวรรค์ขวางเส้าไปเพื่อได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรง?”
“โดยปรกติแล้ว จอมราชันเซียนหวังจะไม่ออกจากสถานที่พำนักของตนเองโดยง่ายดาย การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าปรากฏตัวขึ้นที่ไกลกันดารกระทันหันเช่นนี้ เกรงว่าคงไปถูกใจกับบางอย่างเข้า หรือบางทีอาจเป็นของวิเศษเซียนชิ้นหนึ่ง” ซึหุนหลินกล่าวว่า “ใต้พื้นดินของไกลกันดารได้ฝังขุมทรัพย์ที่ผู้คนไม่รู้เอาไว้เป็นจำนวนมาก หากราชันสวรรค์ขวางเส้าสามารถค้นพบพื้นที่ฝังสมบัติได้จริง บรรดาคนเหล่านั้นที่ติดตามไปด้านหลังอาจได้รับเศษที่หลงเหลืออยู่บ้างก็เป็นได้”
“มันก็จริง จอมราชันเซียนหวังกินเนื้อ ส่วนพวกเราที่เป็นปลาซิวปลาสร้อยได้กินเศษที่หลงเหลืออยู่บ้างก็ไม่เลวนัก อีกอย่าง มีจอมราชันเซียนหวังคอยเปิดทางอยู่ข้างหน้าย่อมปลอดภัยอย่างแน่นอน” เมื่ออู่ชีเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองพลันลุกวาวขึ้นทันที
“แหะ แหะ แหะ ท่านผู้อาวุโส พวกเราตามไปด้วยดีมั้ย ดูว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ากำลังขุดหาขุมทรัพย์อะไรอยู่ พวกเราไม่ไปแย่งของวิเศษ เพียงแค่ไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น” อู่ชีตื้อซึหุนหลินในทันที
“ไปบ้านเจ้าน่ะสิ” อู่ฟ่งหยิ่งถมึงตาใส่ทันที และกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้ยินคุณชายหลี่พูดรึ? คุณชายหลี่ต้องการให้พวกเรารอเขาอยู่ที่นี่”
“ว้าว พี่สาวที่หยิ่งจองหองไม่ยอมแพ้ใครคนนั้นไปไหนเสียหละ?” อู่ชีทำเสียงเยาะเย้ยถากถางทันทียิ้มกล่าวว่า “พี่สาวข้ากลายเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้ว่าพี่สาวข้าเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังคำสั่งนะเนี่ย”
“เจ้า…” เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งถูกน้องชายของตนทำเสียงเยาะเย้ยเช่นนี้ อับอายจนใบหน้าแดงก่ำ จึงทำท่าคันไม้คันมืออยากจะอัดเจ้าอู่ชีให้หนักอย่างนั้น
ทำเอาอู่ชีตกใจจนรีบเร่งหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของซึหุนหลิน
ธิดาราชันฉีหลินถึงกับป้องปากหัวเราะเมื่อมองเห็นท่าทางของอู่ฟ่งหยิ่งสองพี่น้อง
“อิ อิ ท่านผู้อาวุโส พวกเราแค่ไปดูแวบเดียวเท่านั้นเอง ไม่แน่นักราชันสวรรค์ขวางเส้าอาจพบเจอขุมทรัพย์ที่สะเทือนโลกาอะไรนั่น หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราจะได้รีบกลับมารายงานให้คุณชายหลี่ทราบ” อู่ชีกล่าวเซ้าซี้ต่อซึหุนหลินไม่ยอมเลิกรา
“เอาเถอะ พวกเราไปดูสักหน่อย มองดูแวบหนึ่งก็กลับมา” ซึหุนหลินถูกอู่ชีเซ้าซี้จนทำอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกันตัวเขาเองก็คิดจะไปดูว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ามาด้วยเรื่องอะไรกันแน่
สุดท้าย ซึหุนหลิน ได้นำพาพวกของธิดาราชันฉีหลิน ไปยังทิศทางที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าหายตัวไป แต่เมื่อมีระดับจอมเทพเช่นซึหุนหลินให้ความคุ้มครอง ทำให้พวกของธิดาราชันฉีหลินวางใจไม่น้อย
“อิ อิ อิ ท่านผู้อาวุโส ข้ามีปัญหาที่อยากรู้อยู่ข้อหนึ่ง สามารถถามท่านได้หรือไม่” ระหว่างทาง อู่ชีทำยิ้มแต้เอ่ยขึ้น
“ทำอวดฉลาดให้น้อยๆ หน่อย” ซึหุนหลินจ้องมองเขาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ขอเพียงไม่ใช่ปัญหาที่เจ้าเล่ห์ ข้าพิจารณาได้”
แม้ว่าซึหุนหลินจะเป็นระดับจอมเทพคนหนึ่ง แต่เขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ เข้ากันกับผู้เยาว์
ได้ดีมาก
“ข้าน้อยแค่อยากจะถามว่า ผู้อาวุโสหรือราชันสวรรค์ขวางเส้าแข็งแกร่งกว่ากัน” อู่ชี ยิ้มแต้และกล่าวว่า “แน่นอน ข้าน้อยไม่มีเจตนาอื่น เพียงแค่สงสัยเท่านั้นเอง”
พลันที่อู่ชีพูดออกมา ทั้งธิดาราชันฉีหลิน และอู่ฟ่งหยิ่งต่างกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที พวกนางทั้งสองถึงกับหูผึ่ง
ระหว่างจอมราชันเซียนหวัง กับจอมเทพใครเหนือกว่าใคร เป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันมาโดยตลอด แน่นอน มันถูกจำกัดอยู่แค่จอมเทพระดับกลางล่าง เทียบกับจอมราชันเซียนหวัง ระดับล่างเท่านั้น ส่วนจอมราชันเซียนหวังระดับสุดยอดไม่ต้องไปเอ่ยถึง เฉกเช่นระดับจอมราชันเช่นราชันซื่อตี้ไม่ว่าจะเป็นจอมเทพอะไรก็ไร้ประโยชน์
ผู้คนจำนวนมากต้องการนำเอาจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์ห้าถึงหกดวง อีกทั้งยังเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันมาเปรียบเทียบกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสามสาย จะอย่างไรเสียทั้งสองมีช่วงห่างที่ใกล้เคียงกัน ส่วนจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงก็ไม่จำเป็นต้องนำมาเปรียบเทียบกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าเพียงสองหรือสามสายเท่านั้น
“ข้าเป็นเพียงจอมเทพตัวน้อยๆ เท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวขวัญถึง ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเหล่าจอมราชัน” ซึหุนหลินตอบปัญหาของอู่ชี ได้ถ่อมตนมาก และพูดด้วยท่าทีที่เรียบเฉยยิ่ง
แน่นอน พวกอู่ชีต่างไม่เชื่อในคำพูดลักษณะเช่นนี้ จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามซึหุนหลินก็คือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสามดวง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สุดของเขา ต่างก็เป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงเหมือนกัน ระหว่างประสานเข้าด้วยกันหรือไม่นั้น กำลังความสามารถแตกต่างกันมากทีเดียว
…………………………………………………..