ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1937 ท่าไม้ตายของราชันสวรรค์ขวางเส้า
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1937 ท่าไม้ตายของราชันสวรรค์ขวางเส้า
ฉับพลันที่ทำลายค่ายกลของซึหุนหลินได้แล้ว กระบี่ของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งเสียง “ตึง” พุ่งขึ้นท้องฟ้า ฉีกพลังขมุกขมัวบนท้องฟ้าจนขาดกระจุย กล่าวด้วยคำพูดที่เปี่ยมด้วยความพาลว่า “กี่ปีผ่านไปแล้ว เจ้ายังคงเล่นลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้อยู่อีกรึ ค่ายกลที่มีการแปรเปลี่ยนเล็กน้อยไม่เข้าตาของข้าเลย”
คำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้าฟังดูแล้วนับว่าเปี่ยมด้วยความพาลโดยแท้ แต่ว่า เขามีดีที่จะยโสได้อย่างแท้จริง ใครใช้ให้เขาเป็นสุดยอดดาวรุ่งคนหนึ่ง ต่อให้ไม่เป็นราชันสวรรค์เขายังคงมีสติปัญญาที่ยากจะหาผู้ใดเทียม สามารถทำลายทุกๆ กระบวนท่าได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และสามารถค้นพบจุดอ่อนของกระบวนท่าภายในระยะเวลาสั้นที่สุด
“ราชันสวรรค์ อาศัยเพียงเท่านี้มันไม่ได้หรอกนะ” ซึหุนหลินก็ได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ในเวลานี้
“ปัง…” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นท่ามกลางความขมุกขมัวได้ปรากฏหัตถ์จอมเทพขนาดยักษ์ข้างหนึ่ง มือขนาดยักษ์ข้างนี้เต็มไปด้วยความขมุกขมัวที่ล้อมรอบนับไม่ถ้วน ความขมุกขมัวแต่ละสายที่ทิ้งตัวลงมาเสมือนหนึ่งน้ำตกอย่างนั้น
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มือขนาดยักษ์ที่น่ากลัวและสยบลงมาไม่เพียงตลบอบอวลไปด้วยพลังของจอมเทพเท่านั้น มันยังมีพลังการเข้าถึงตัวตนอย่างแท้จริงที่กระโดดไปมา ซึ่งเป็นพลังที่มีเพียงหนึ่งเดียวสุดยอดในหล้า มีความล้ำยิ่งนัก
เสียง “ปัง” ดังสนั่น พริบตาเดียวนี้เอง แม้แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าที่อาศัยหนึ่งกระบี่ทลายฟ้ายังถูกหนึ่งฝ่ามือที่ตบจนกระเด็นกลับเข้าไปอยู่ในโลกของซึหุนหลินตามเดิม
“ฆ่า…” ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดัง กระบี่เดียวทลายฟ้าอีกครั้ง พลังกระบี่ที่ผาดโผน ยามที่พลังกระบี่ของเขากวาดออกมา ทำให้ภูเขาแม่น้ำของโลกใบนี้พังทลายลง ฉับพลันกลายเป็นดินแห้งกรังสีแดงนับสิบล้านลี้ ทุกอย่างถูกกวาดจนราบคาบ ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านพลังของกระบวนท่านี้ได้
“ปัง” แต่ว่า ทันใดนั้นเอง พลังการเข้าถึงตัวตนอย่างแท้จริงที่กระโดดไปมาของหัตถ์จอมเทพยังคงอาศัยความได้เปรียบที่เด็ดขาดทำการสยบลงมา ได้ยินเสียงดังสนั่น ราชันสวรรค์ขวางเส้าที่หนึ่งกระบี่ทลายฟ้ายังคงถูกตบให้ลอยกลับเข้าไปยังโลกของซึหุนหลิน
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ระดับจอมราชันผู้หนึ่งถึงกับถูกขังอยู่ในโลกของซึหุนหลินได้ ช่างเป็นการกระทำที่พาลยิ่งนัก
ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า นี่แหละคือช่วงห่างระหว่างซึหุนหลินกับราชันสวรรค์ขวางเส้า ข้อได้เปรียบมากที่สุดของซึหุนหลินก็คือดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ประสานเข้าด้วยกัน ซี่งส่งผลให้เขามีพลังของการเข้าถึงตัวตนอย่างแท้จริง ขณะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้ามีชะตาฟ้าเพียงสายเดียว เขาจึงไม่สามารถมีพลังการเข้าถึงตัวตนอย่างแท้จริงในครอบครอง
ภายใต้พลังเช่นนี้ อาศัยทักษะไม่สามารถชดเชยช่วงห่างระหว่างคนทั้งสองได้ ต่อให้ราชันสวรรค์ขวางเส้ามีพรสวรรค์สูงมากกว่านี้ มีสายตาอันแหลมคมที่สามารถทำลายกระบวนท่าใดๆ ก็ตาม แต่ก็ใช้ไม่ได้ผลกับตรงนี้ เนื่องจากพลังเช่นนี้ไม่สามารถอาศัยทักษะมาทำลายได้ หากต้องการทำลายพลังเช่นนี้มีเพียงอาศัยพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเท่านั้น
ดังนั้น จึงมีคำพูดของซึหุนหลินที่พูดอย่างมั่นใจว่า อาศัยเพียงทักษะการทำลายของราชันสวรรค์ขวางเส้ายังไม่เพียงพอและห่างชั้นอีกมาก
“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก หัตถ์จอมเทพขนาดยักษ์ที่มีพลังการเข้าถึงตัวตนอย่างแท้จริงค่อยๆ สยบลงมาอย่างช้าๆ ขณะนี้ ชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งประกายเจิดจ้า ได้ถ่ายทอดพลังจอมราชันให้กับราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างไม่ขาดสาย
แต่ทว่า พลังของทั้งสองฝ่ายมีช่วงห่างอยู่ไม่น้อย ต่อให้มีชะตาฟ้าคอยสนับสนุน แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าก็ไม่สามารถทำลายการสยบของซึหุนหลิน ชะตาฟ้าเพียงสายเดียวของราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่อาจแข็งแกร่งมากกว่าดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ประสานเข้าด้วยกันของซึหุนหลินไปได้!
“นี่ถือได้ว่ามีคำตอบแล้วหละ” นับว่าทุกคนมีความมั่นใจแล้ว เมื่อได้เห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าภายใต้การสยบของหัตถ์จอมเทพยักษ์แล้ว แม้จะตีโต้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่สามารถทำลายการสยบเช่นนี้ได้
นาทีนี้นับว่าชัดเจนที่สุดแล้ว ชะตาฟ้าหนึ่งสายต้านกับดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ประสานเข้าด้วยกัน ใครแพ้ใครชนะสามารถมองออกได้ในแวบเดียว
“ราชันสวรรค์ หากไม่มีท่าไม้ตายล่ะก็ ได้เวลาสมควรจบสิ้นกันได้แล้ว” ซึหุนหลินได้กล่าวขึ้นช้าๆ ในขณะนี้
“ตูม ตูม ตูม…” ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ในเวลานี้ หัตถ์จอมเทพยักษ์นั้นค่อยๆ บีบเข้าหากัน ย่อมไม่ต้องสงสัยซึหุนหลินในเวลานี้ต้องการสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้ว
“เด็กน้อยตระกูลซึ เจ้าดีใจเร็วเกินไปแล้ว!” เวลานี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดัง “ตูม” เสียงดังสนั่น ทันใดนั้นเอง ประกายเลือดพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ประกายเลือดฉีกม่านฟ้าจนขาด ส่องสว่างทั่วหมื่นอาณาจักร
พริบตาเดียวนี้เอง ฟ้าดินกลับกลายเป็นสีเลือด อาณาจักรนับล้านล้านอาณาจักรตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
นาทีนี้ เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ปรากฏสิ่งของสิ่งหนึ่งขึ้นมา ของสิ่งนี้แลดูคล้ายเป็นชะตาฟ้า แต่มันก็ต่างจากชะตาฟ้าอย่างสิ้นเชิง มันมีสีแดงคาวเลือดทั้งร่าง เหมือนว่าได้สั่งสมเลือดเป็นล้านล้านเอาไว้อย่างนั้น ประกายของเลือดหยดนี้เสมือนมีชีวิต ประกายเลือดแต่ละสายเหมือนกำลังเต้นระริก เหมือนว่าประกายของเลือดหยดนี้ได้หล่อเลี้ยงชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้
เลือดหยดนี้ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้าถึงกับเรียงเป็นแถวเป็นแนวกับชะตาฟ้า ดูไปแล้วเหมือนว่ามันสามารถอยู่ในระดับเดียวกันกับชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างนั้น
ยามที่ชะตาฟ้าสายนี้ลอยอยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้านั้น ทำให้ตัวเขากลับกลายเป็นเหมือนหยาดเยิ้ม ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปอย่างนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาตลบอบอวลไปด้วยความโหดเหี้ยมและเย็นยะเยือก เหมือนว่านาทีนี้เขากลับกลายเป็นผู้กระหายเลือดยิ่งนัก
แม้ว่าก่อนหน้านั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนอย่างยิ่ง แต่ จะอย่างไรเสียเขาก็เป็นจอมราชันเซียนหวังที่ภูมิฐานยิ่ง ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายจอมราชัน แต่นาทีนี้กลิ่นอายจอมราชันของเขาดูเจือจางไปมาก แผ่กลิ่นอายที่เย็นชาและกลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวล คล้ายดั่งหลุดมาจากนรกอสุราพร้อมกับพกพาเอาการสังหารและไร้ความปราณีมาด้วย
เสียง “ตูม…” ดังสนั่น ในขณะนี้ตัวของราชันสวรรค์ขวางเส้าตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเลือด แม้จะกล่าวว่ายอดฝีมือทุกคนก็จะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเลือด โดยเฉพาะจอมราชัน ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายเลือดนั้นไม่ต้องกล่าวให้มากความ
แต่ทว่า กลิ่นอายเลือดที่ตลบอบอวลไปทั่วร่างของราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับมีความแตกต่าง กลิ่นอายเลือดที่ปกคลุมทั่วร่างของเขาแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือก เป็นความโหดร้ายทารุณ กระทั่งยามที่กลิ่นอายเลือดเช่นนี้ตลบอบอวลนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนมารเข้าแทรกอย่างนั้น
“เจ้าเด็กน้อยตระกูลซึ เจ้าทำให้ข้าโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว” ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดัง “ตึง” ทันใดนั้นกระบี่ราชันทั้งสามของเขาได้รวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปตัดขาดกฎแห่งกรรม กวาดล้างสิ้นสุริยันจันทราแลดวงดาว
ทันใดนั้น กระบี่ได้ระเบิดพลังกระบี่ที่เปรียบเหมือนพายุร้ายระดับชั้นจักรวาลอย่างนั้น เมื่อถูกพลังกระบี่นั้นต้องตัว ได้ยินเสียงดัง “ปุ ปุ ปุ” อย่าว่าแต่ดวงดาวเลย ต่อให้เป็นดวงตะวันแต่ละดวงเมื่อถูกพลังกระบี่ที่กวาดเขามาพลันกลายเป็นเถ้าธุลีไป เหมือนหนึ่งเป็นเทียนที่จัดและละลายจนใกล้มอดถูกลมพายุที่พัดเข้ามาจนดับวูบไป
“ปัง…ปัง…ปัง…” เสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ไม่เพียงหัตถ์จอมเทพข้างนั้นที่สยบลงมา แม้แต่โลกที่ซึหุนหลินสร้างขึ้นมาก็ทยอยกันแตกละเอียดภายใต้กระบี่นี้
สุดท้าย เสียง “ตูม” ดังสนั่น เทือกเขาที่พาดผ่านเป็นล้านล้านลี้ได้พังทลาย และโลกของซึหุนหลินก็ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปในพริบตาเดียว ถูกราชันสวรรค์ขวางเส้ากวาดราบคาบภายในกระบี่เดียว
“ตึง ตึง ตึง” ทันใดนั้นเอง ซึหุนหลินได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี เขาต้องก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว เห็นหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เรียกได้ว่ากระบี่นี้ของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งผลกระทบต่อเขาอย่างหนัก
“มันก็แค่นี้เอง!” ในเวลานี้ ราชันสวรรค์ขวางเส้ายืนอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาทั้งสองส่งประกายสว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองของเขากลายเป็นสีแดงเหมือนประกายโลหิตที่กำลังเต้นกระตุกอย่างนั้น และกลิ่นอายของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้แปรเปลี่ยนไปคนละคน
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นคนเอาแต่ใจและอวดดีมาก แต่ยังสามารถมองเห็นกลิ่นอายราชันที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่า เวลานี้กลิ่นอายของราชันสวรรค์ขวางเส้าถูกกลิ่นอายที่น่าครั่นคร้ามกระหายเลือดปะปนเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน เลือดหยดนั้นที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้าดูหยาดเยิ้มยิ่งนัก พลังที่มันเปล่งออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ยามที่มันเรียงเป็นแนวเดียวกันกับชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้านั้น พลังสยบที่มันเปล่งออกมาไม่เห็นจะด้อยกว่าชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าสักเท่าไร
“นั่นมันคืออะไร!” อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วไปเลย แม้แต่ระดับจอมเทพที่มองเห็นหยดเลือดที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้วยังต้องขนลุกซู่ในใจ เป็นหยดเลือดที่ไม่ด้อยไปกว่าชะตาฟ้า มันช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกขวัญผวาเมื่อได้เห็นหยดเลือดหยดนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร
“เจ้าเด็กน้อยตระกูลซึ วันนี้ข้าจะให้เจ้ามาขัดเกลาของวิเศษที่ได้มาใหม่สักครั้ง” ในเวลานี้ท่าทีชองราชันสวรรค์ขวางเส้าเย็นยะเยือก ไม่ได้มีกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของจอมราชันอีกแล้ว กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา
ที่แท้หยดเลือดหยดนี้ก็คือของวิเศษที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าไปได้มาจากโลงศพทองแดงที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นลากออกมานั่นเอง การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้ามีชะตาฟ้าเพียงสายเดียวเท่านั้น ทำให้เขาคิดหาทางชดเชยความไม่เพียงพอด้านชะตาฟ้าซึ่งเป็นจุดอ่อนของตนเองตลอดมา
ไม่รู้ว่าเขาไปได้ข่าวมาจากไหน รู้มาว่ามีหยดเลือดเช่นนี้ซ่อนอยู่ในไกลกันดาร โดยที่หยดเลือดหยดนี้ถึงกับมีพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าชะตาฟ้า ดังนั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าจึงไม่สนว่าจะต้องแลกมาด้วยมูลค่าอะไรเพื่อให้ได้เลือดหยดนี้มาครอบครอง อีกทั้งยังได้ทำการหลอมรวมเลือดหยดนี้เข้ากับเลือดราชันของตน ให้มันคล้ายดั่งชะตาฟ้า และกลายเป็นพลังที่ตนเองครอบครองอย่างแท้จริง
“แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์” ในขณะนี้ มงกุฎกษัตริย์ ชุดราชวงศ์ หยกสำหรับห้อยที่เอว แผ่นฮู้หยก…ของชุดตัวอ่อนราชวงศ์ทุกชิ้นบนตัวได้ปะทุพลังกษัตราออกมาทั้งหมด ในเวลานี้ด้านหลังของซึหุนหลินปรากฎราชวงศ์โบราณขึ้นมา ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ยาวนานก่อนหน้า เสมือนหนึ่งได้กลายเป็นนิรันดร์และก้าวข้ามมิติแห่งกาลเวลา
สิ่งนี้คือบทคัมภีร์จาก “ชุดตัวอ่อนราชวงศ์” และคัมภีร์ทั้งหมดได้กลับกลายเป็นราชวงศ์ในอดีตที่ยาวนานซึ่งห่างไกลจากปัจจุบัน ครอบครองพลังของราชวงศ์โบราณเอาไว้ทั้งหมด
แต่ว่า ชุดตัวอ่อนชุดนี้ของซึหุนหลินไม่ได้มีความลี้ลับมหัศจรรย์เพียงเท่านี้ ซึหุนหลินไม่เพียงเป็นแค่ระดับจอมเทพเท่านั้น เขาเคยก่อตั้งราชวงศ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาในโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ก่อตั้งแคว้นที่มีขนาดใหญ่โตขึ้น เขาได้ให้ความคุ้มครองประชาชนของเขา รับการกราบไหว้บูชาจากราษฎร ให้ชะตาของราชวงศ์ทั้งหมดทำการหล่อเลี้ยง “ชุดตัวอ่อนราชวงศ์” ชุดนี้ของเขา
“ข้าน้อมรับคำชี้แนะก็แล้วกัน” สำหรับคำพูดเช่นนี้ของราชันสวรรค์ขวางเส้า ซึหุนหลินก็กล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงขามโดยไม่เกรงใจและอ่อนข้อให้
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว การถ่อมตนไม่ได้มีประโยชน์อีกแล้ว การทำตัวค่อมต่ำก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างถึงขั้นแตกหักไปแล้ว วันนี้หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย
“ใจกล้าไม่เบาเลยนี่ แค่เรียนวิชามาเล็กๆ น้อยๆ ก็คิดว่าตัวเองสามารถต่อต้านกับข้าอย่างนั้นรึ” สีหน้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าดูครั่นคร้าม และกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ข้าจะอาศัยค่ายกลกระบี่กักขังเจ้าจนตาย จะค่อยๆ ทรมานเจ้าจนตาย ให้เจ้าได้เข้าใจว่าช่องห่างระหว่างข้ากับเจ้าชาตินี้ก็ไม่มีวันที่จะก้าวข้ามไปได้!”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ตัวราชันสวรรค์ขวางเส้าได้แผ่กลิ่นอายที่กระหายเลือดออกมาทั่วตัว ดวงตาทั้งสองของเขาปรากฏประกายเลือดที่เต้นระริกเหมือนดีใจอย่างยิ่ง กระทั่งมีคนสงสัยว่าเขาจะดูดเลือดของซึหุนหลินจนแห้งหรือไม่