ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1940 บดขยี้จอมราชัน
“ตูม…” นาทีนี้เอง ตัวของหลี่ชิเย่ได้ระเบิดพลังออกมา ฉับพลันอานุภาพราชันเซียนพุ่งขึ้นรุนแรง วงแหวนมารแต่ละวงถ่างออก แต่ละวงเพียงพอที่จะคำยันเหล่าชั้นฟ้าให้แยกขยายออก ยามที่วงแหวนมารแต่ละวงถ่างออกได้รวบเอาโลกทั้งโลกเข้าไปอยู่ในนั้นทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งตัวของหลี่ชิเย่ได้พวยพุ่งประกายเซียนที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ทำให้ตัวเขาดูเหมือนเป็นเซียนอย่างนั้น
อานุภาพราชันเซียนอาละวาดไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน วงแหวนมารกลืนเอาโลกทั้งโลกเข้าไป ประกายเซียนที่ไม่สิ้นสุด ในขณะนี้หลี่ชิเย่คือเทพมารประสานร่าง มีท่วงท่าที่สูงสุดในครอบครอง สามารถก้มมองดูเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ควบคุมจักรวาลแลหมื่นแดน สามารถก้าวข้ามกาลเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ภายใต้พลังเช่นนี้ อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วๆ ไปเลย ต่อให้เป็นระดับจอมเทพก็จะต้องสั่นเทากับสิ่งนี้ ทันใดนั้น หลี่ชิเย่เสมือนหนี่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดที่ตื่นขึ้นมาอย่างนั้น
ยามที่ฝ่ามือของเขากางออก มองเห็นสุริยันจันทราและทางช้างเผือกที่วนอยู่ตรงปลายนิ้วของเขา ขณะที่นิ้วมือทั้งห้าลากผ่านจักรวาล กาลเวลาไหลรินอยู่ท่ามกลางปลายนิ้วของเขา เหมือนว่าแม้แต่เวลาก็อยู่ในความควบคุมของเขา
ด้วยสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์ และท่วงท่าของราชันเซียนเก้าแดน ซึ่งคือสภาพของหลี่ชิเย่ก่อนก้าวขึ้นสู่แดนสิบ เขาได้จัดการให้สภาพเช่นนี้เก็บเอาไว้ในเทพมารทั้งสิบสอง นาทีนี้ขณะที่สภาพเช่นนี้ได้กลับมาอีกครั้ง หลี่ชิเย่ก้มมองเหล่าชั้นฟ้าและเทพมาร เย้ยหยันต่ออดีตปัจจุบันและทุกแดน
“นี่คืออะไร?” ทุกคนถูกทำให้รู้สึกสะเทือนหวั่นไหว เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ได้กลับกลายเป็นผู้ที่ก้มมองเหล่าชั้นฟ้าและเทพมาร ปกครองหมื่นอาณาจักรและจักรวาล นาทีนี้หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งถูกผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดเข้าสิงร่างอย่างนั้น
“นี่เขาถูกจอมราชันเซียนหวังสิงร่างอย่างนั้นรึ?” กระทั่งระดับจอมเทพก็ดูความลึกล้ำมหัศจรรย์นี้ไม่ออก ต้องกล่าวคาดเดาขึ้นมา
“ฆ่า…” ทันใดนั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าตัดสินใจลงมือเฉียบขาด คำรามเสียงยาวคำหนึ่ง เขาดูออกได้ว่า เกรงว่าหากปล่อยให้หลี่ชิเย่ระเบิดพลังตามอารมณ์ต่อไปเรื่อยๆ อานุภาพของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
“ตึง…” เสียงกระบี่ฟาดฟันหมื่นอาณาจักรดังขึ้น ในเวลานี้ราชันสวรรค์ขวางเส้ารวมเอาสามกระบี่เป็นหนึ่งฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง ประกายกระบี่ส่องสว่างนิรันดร์ จุดสว่างไปทั่วสิบสามทวีป
“หนึ่งกระบี่ปราบราบคาบนิรันดร์…” ราชันสวรรค์ขวางเส้ายโสและพาลยิ่ง หมายกวาดทุกสิ่งจนราบคาบในกระบี่เดียว ยามที่หนึ่งกระบี่ฟาดฟันออกไป ครึ่งหนึ่งชะตาฟ้าสาดส่อง อีกครึ่งหนึ่งตลบอบอวลไปด้วยประกายโลหิต หนึ่งกระบวนท่าเช่นนี้ดูน่าสยองขวัญถึงขีดสุด
ขณะที่หนึ่งกระบี่นี้ฟาดฟันลงมานั้น ได้ทำลายหยินและหยาง สะบั้นกาลเวลา หยุดเวลาเอาไว้ ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ กระทั่งดวงดาวและอากาศธาตุกลายเป็นผงละเอียดในฉับพลัน ทั่วทั้งสมรภูมิรบกลายเป็นหลุมดำหลุมหนึ่ง
“ปุ…” บางคนถึงกับเลือดไหลเป็นทางจากศีรษะลงมา ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ยืนดูอยู่ทยอยกันได้รับบาดเจ็บไปตรามๆ กัน
ผู้ที่ชมการต่อสู้นับว่าออกห่างจากสมรภูมิรบห่างไกลเพียงพอแล้ว แต่ว่าเมื่อราชันสวรรค์ขวางเส้าฟาดฟันหนึ่งกระบี่ออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ยังคงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถูกทำให้บาดเจ็บจากปณิธานของกระบี่ สร้างความตระหนกตกใจให้ผู้คนจำนวนมากต้องทยอยกันล่าถอยห่างออกไปอีก ถึงกับไม่กล้ามองดูการต่อสู้เช่นนี้อีก
“ปัง…” จังหวะที่หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ทันใดนั้นฝ่ามือคู่นั้นประกบเข้าหากัน และหนีบกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาเอาไว้ได้ ท่ามกลางเสียง “ปัง” ที่ดังขึ้นมานั้น มือคู่นั้นได้ตบทำลายปณิธานกระบี่ กระบวนท่า พลังของกระบี่จนแหลกละเอียดไปหมดสิ้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกทำลายแตกละเอียดไปโดยพลัน เหมือนเป็นการไหลย้อนกลับไปอย่างนั้น เมื่อพลังกระบี่ถูกทำลายไปทั้งหมด ทุกอย่างได้กลับคืนสู่ปรกติเหมือนเดิม
ยกเว้นมือคู่นั้นที่ได้หนีบกระบี่นั้นเอาไว้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สร้างมโนภาพให้กับผู้คนเหมือนเวลาได้ไหลย้อนกลับไปอย่างนั้น
ผู้ที่ลงมือก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ภายใต้ท่วงท่าของราชันเซียน และสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์ มันคือท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว การที่จะเอาชนะราชันสวรรค์ขวางเส้าที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสาย มันช่างง่ายดายเหลือเกิน
“ตึง” นาทีนี้มองเห็นมือที่หนีบกระบี่เอาไว้บิดทีหนึ่ง ถึงกับทำให้กระบี่ราชันของราชันสวรรค์ขวางเส้าถูกหักทิ้งดื้อๆ
ภาพนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกคน การรับมือกับอาวุธราชันด้วยมือเปล่านั้นช่างเป็นการกระทำที่อหังการยิ่ง แต่ที่พาลยิ่งกว่าก็คือการหักอาวุธราชันด้วยมือเปล่า มันเป็นการพาลจนถึงขั้นปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว ยากจะหาคำกล่าวใดมาเปรียบเปรยได้อีกต่อไป
นี่มันคืออาวุธราชันชนิดมีพลังมาแต่กำเนิด อีกทั้งยังเป็นชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง แต่ในขณะนี้กลับถูกมือเปล่าหักทิ้งเอาดื้อๆ ความพาลลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกคนหวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออก
แม้แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าเองก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปโดยพลัน และรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก นี่เป็นการนำเอากระบี่สามเล่มประสานรวมเป็นหนึ่ง โดยกระบี่ราชันทั้งสามของเขาไม่รู้ว่ารับมือกับอาวุธมาแล้วเท่าไร กระทั่งเคยรับมือกับอาวุธของจอมราชันเซียนหวังอื่นๆ มาแล้ว กระบี่ราชันทั้งสามเล่มของเขาก็ไม่เคยระคายผิวมาก่อน
อย่างไรก็ตาม มาวันนี้กลับถูกผู้เยาว์คนหนึ่งอาศัยมือเปล่าหักทิ้งไปได้ แม้แต่ตัวเขาที่อยู่ในฐานะจอมราชันก็ถูกทำให้ต้องสยบและหวั่นไหว นาทีนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองชนตอเข้าให้แล้ว
ทันใดนั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่พูดพล่ามทำเพลง หันหลังวิ่งหนีทันที การที่เขาในฐานะจอมราชันหากคิดจะหนี ความไวนั้นเรียกได้ว่าอยากจะหาผู้ใดเทียม ฉับพลันได้ก้าวข้ามมิติกาลเวลา
แต่ทว่า จังหวะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าหันหลังจะออกวิ่งนั้น เขากลับถูกปิดกั้นเอาไว้ วงแหวนมารบนตัวของหลี่ชิเย่พลันขยายออกและปิดกั้นมิติกาลเวลาเอาไว้ ตัดขาดทางหนีของราชันสวรรค์ขวางเส้าไปทันที เมื่อมิติกาลเวลาถูกปิดกั้น คิดจะหลบหนีในเวลานี้ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว เว้นแต่ต้องล้มหลี่ชิเย่ลงให้ได้
สีหน้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าในเวลานี้ดูไม่จืดเอาเสียเลย ถึงกับจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่
“คิดจะหนีตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้วหละ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยออกมา ดูเป็นเรื่องง่ายดาย สบายๆ อะไรอย่างนั้น เหมือนว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่ระดับจอมราชัน เป็นเพียงบุคคลที่ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึงเท่านั้น
ผู้มีฐานะเป็นถึงระดับจอมราชัน กลับถูกผู้เยาว์คนหนึ่งไล่ฆ่าจนหนีไปไหนไม่ได้ ทำให้เหตุการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนถึงกับเสียวสันหลังวาบ กระทั่งเหงื่อเย็นไหลออกมา
ต่อให้เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสายเดียว แต่เขาก็ยังคงเป็นจอมราชันอยู่ดี มาวันนี้หลี่ชิเย่กลับดูแคลนเขาถึงเพียงนี้ อีกทั้งไล่ล่าจนราชันสวรรค์ขวางเส้าหมดทางหนีได้อย่างง่ายดาย มันช่างเป็นเรื่องที่อันธพาลยิ่งเพียงใด การกระทำเช่นนี้เรียกได้ว่าสร้างความหวั่นไหวและสยบทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินแล้ว
อู่ชีที่มองเห็นภาพนี้ถึงกับอ้าปากค้างหุบไม่ลงเป็นเวลานาน เนื่องจากก่อนหน้านั้น เขาตีตัวเสมอเรียกพี่เรียกน้องกับหลี่ชิเย่มาโดยตลอด เวลานี้เห็นหลี่ชิเย่พลันลงมือก็สยบและสังหารจอมราชันได้ มิเท่ากับว่าเขาได้ตีตัวเสมอว่าเป็นพี่น้องกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะจอมราชันเซียนหวังตลอดมาหรือนี่
ในขณะนี้ อู่ชีจึงได้เข้าใจว่าตัวเองนั้นช่างโง่เขลาอะไรอย่างนั้น เรียกว่ามีตาแต่ไร้แวว ถูกปิดบังสายตาด้วยใบไม้เพียงใบเดียวเท่านั้น
สำหรับธิดาราชันฉีหลินนั้นนับว่ามีสภาพดีกว่ากันมาก นางรู้อยู่แล้วว่าหลี่ชิเย่คือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดคนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอยู่ในความคาดคิดของนางอยู่แล้ว
ตัวอู่ฟ่งหยิ่งเองที่มีท่าทีบุคลิกลักษณะห้าวหาญเปี่ยมด้วยกำลังอำนาจตลอดมา เวลานี้กลับกลายเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง กำหมัดแน่น ท่าทางดูจะตื่นเต้นดีใจ ส่งเสียงร้องออกมากับความปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ และหลงใหลไปกับบุคลิกลักษณะที่สุดยอดของเขา
ซึหุนหลินถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ รู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจยิ่งนัก ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่นั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดของเขา แต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้
“ฆ่า…” ในเวลานี้ ราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว มีเพียงต่อสู้ให้ถึงที่สุด หากไม่ใช่ศัตรูตายก็คือตนเองม้วย ดังนั้น คำรามเสียงดังออกมา สำแดงสรรพวิชาออกมา “ตูม” สัจธรรมจอมราชันบดขยี้ลงมา
ท่ามกลางการบดขยี้ของสัจธรรมจอมราชัน มองเห็นช่องว่างที่แตกละเอียดดัง “ปัง ปัง ปัง” ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าถูกบดขยี้จนกลายเป็นคริสตัล จากนั้นแตกละเอียดกลายเป็นเศษคริสตัลที่ปลิวว่อน เป็นภาพที่แลดูอลังการมาก
หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจต่อการบดขยี้ของสัจธรรมจอมราชันแม้แต่น้อย “ตูม” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น กายสยบอเวจี กายเซียนเหินพลันปะทุพลังขึ้นมาด้วยความเร็วที่เกินกว่าขีดสูงสุด และน้ำหนักที่ไร้ขีดจำกัด ภายใต้สภาพของราชันเซียนเก้าแดน พลังได้เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดอย่างรวดเร็ว
“ปัง” เสียงดังสนั่น เพียงแค่หมัดๆ เดียวเท่านั้นก็โจมตีทะลุสัจธรรมและหมื่นวิชา ทะลุทลวงผ่านหน้าอกของราชันสวรรค์ขวางเส้าไปในทันที ตัวของราชันสวรรค์ขวางเส้าถูกกระแทกจนลอยออกไป กระอักเลือดออกมาอย่างแรง
ภาพเช่นนี้นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนอย่างยิ่ง ภาพตรงหน้าเหมือนกลายเป็นภาพนิ่ง ภาพของจอมราชันผู้หนึ่งที่ถูกโจมตีทะลุทรวงอกและปลิวไปตามแรง โดยที่เลือดสดๆ ได้ย้อมท้องฟ้าสีครามจนกลายเป็นแดงฉาน ยังจะมีภาพอะไรที่สามารถสร้างความสะเทือนหวั่นไหวได้มากไปกว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“ปัง” ก่อนที่ร่างกายของราชันสวรรค์ขวางเส้าจะตกถึงพื้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าพลันระเบิดพลังแฝงออกมา สิบสองลัคนายิงทำลายช่องว่า ล็อกเป้าหมายเอาไว้และต้องการนำพาราชันสวรรค์ขวางเส้าหนีออกไป
“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้ากำลังคิดจะหลบหนีไป แต่เวลานี้ปรากฎเท้าข้างหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า เหยียบทำลายสัจธรรมและสรรพวิชา ทำลายมิติ เหยียบลงบนตัวของราชันสวรรค์ขวางเส้าเต็มที่
“ปัง” มองเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าที่ถูกเท้าขนาดใหญ่เหยียบอยู่กับพื้น ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” ดังขึ้น เท้าข้างเดียวนี้ได้เหยียบจนกระดูกของราชันสวรรค์ขวางเส้าแตกละเอียดไปจำนวนไม่น้อย
เป็นที่ทราบกันดีว่า ร่างกายของจอมราชันนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าโลหะศักดิ์สิทธิ์เหล็กเซียนเสียอีก แต่เวลานี้กลับถูกเท้าขนาดใหญ่ข้างนี้ของหลี่ชิเย่เหยียบจนหักชิ้นแล้วชิ้นเล่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทิ้ม เมื่อมองเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าถูกเหยียบจนกระดูกแหลกละเอียดไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าจากเท้าเพียงข้างเดียว แม้ว่าไม่ได้เหยียบลงบนตัวของพวกเขา แต่เวลานี้ทุกคนกลับรู้สึกเป็นมโนภาพขึ้นมา เหมือนว่าเท้าข้างนี้ได้เหยียบลงบนตัวของตนเอง ให้รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วตัว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหมดแรงเหมือนเป็นอัมพาตนอนอยู่บนพื้น
“อ๊ากก…” ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดังพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นมาให้ได้ แต่ทว่า เท้าขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ดั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กาลมากดทับลงบนตัวเขาไม่ปล่อยให้เขาขัดขืนได้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ผล
“แค่จอมราชันที่มีชะตาเพียงหนึ่งสายยังกล้าทำเป็นกระโดดโลดเต้นไปทั่ว ยโสอวดดี” หลี่ชิเย่มองดูราชันสวรรค์ขวางเส้าที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า กล่าวเรียบๆ ว่า “ทั่วทั้งโลกาจอมราชันเซียนหวังมีอยู่มากมาย อย่าว่าแต่จอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสายเช่นเจ้า ต่อให้เป็นจอมราชันที่มีสิบสองชะตาฟ้า เมื่อมาอยู่ต่อหน้าข้าก็ต้องมีมารยาทหน่อย!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้พาลแบบไร้ผู้เทียบเทียม นี่ไม่ได้เพียงแต่ดูแคลนต่อสรรพชีวิตเสียแล้ว แต่เป็นการก้มมองบรรดาราชันและเหล่าเทพ แม้แต่จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยังกล้าท้าทาย ความพาลเช่นนี้เรียกว่าไร้ที่ติแล้ว
“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ไม่มีอะไรต้องพูดมากความ แน่จริงก็ให้ข้าตายอย่างสบาย” ราชันสวรรค์ขวางเส้าเข้าใจว่าตนเองนั้นแพ้แน่นอนแล้ว นับว่าเขาก็เป็นผู้กล้า ร้องคำรามเสียงดังออกมา
“ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายเพียงนี้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ข้ากำลังต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู ในเมื่อสวะอย่างเจ้าหลงตกอยู่ในมือของข้า นั่นเป็นการรนหาที่ตายเอง! วันนี้ข้าจะเลาะกระดูกของเจ้า ให้คนอื่นๆ ได้เข้าใจว่า เส้นทางไหนที่เดินได้ เส้นทางไหนที่เดินไม่ได้!”