ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1959 เอาก้อนอิฐไป
“พวกเจ้าปรึกษาหารือกันได้ความว่าอย่างไรแล้วหละ?”ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย มองดูพวกราชันมารเซ่าเจี้ยนกับพวกจอมเทพมังกรหลวง
สุดท้าย ราชันมารเซ่าเจี้ยนสบตากับจอมเทพมังกรหลวงทีหนึ่ง จอมเทพมังกรหลวงก้าวออกมาแล้วร้องตวาดเสียงดังว่า “ผู้เยาว์ อย่าได้กำแหงนัก วันนี้ไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย!”
ท่าทีและคำพูดของจอมเทพมังกรหลวงทำให้ทุกคนหายสงสัย เมื่อครู่ตอนขอให้ละเว้นโทษนั้น เป็นท่าทางที่แสดงถึงความเป็นบ่าวไพร่ แกล้งทำตัวเป็นรุ่นหลาน คำก็ “ผู้อาวุโส” สองคำก็ “ผู้อาวุโส”
มาตอนนี้ เมื่ออ้อนวอนขอละเว้นโทษไม่มีความหวัง จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด จอมเทพมังกรหลวงได้เปลี่ยนท่าทีหน้าตาท่าทางอีกแบบทันที ตวาดใส่หลี่ชิเย่ว่าเป็น “ผู้เยาว์” ท่าทางที่ข่มเหงอยู่เหนือผู้อื่น เป็นการทุ่มสุดตัวเท่าไหร่เท่ากันไปแล้ว
หน้าตาท่าทางของจอมเทพมังกรหลวงบทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเลย เป็นลักษณะของคนถ่อยโดยแท้จริง คนเช่นนี้ทำให้ผู้อื่นต้องอึ้ง และเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยว่า เขากลายเป็นจอมเทพได้อย่างไรกัน ไม่มีหลักการที่เป็นของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว
“ลงมือเถอะ อยากรู้นักว่าเจ้าจะดิ้นรนไปได้สักกี่น้ำ” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ออกมา และไม่ได้ใส่ใจกับหน้าตาท่าทางของจอมเทพมังกรหลวง เป็นท่าทางที่อย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง เหมือนว่าในสายตาของเขา พวกจอมเทพมังกรหลวงไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้วมากนัก
“ตั้งค่ายกล” จอมเทพมังกรหลวงร้องคำรามเสียงดัง “ตูม” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกเขาที่เป็นจอมเทพทั้งเก้าได้ทำการตั้งค่ายกลขึ้นมา และแมลงไถคราดสวรรค์ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้งหนึ่ง
“ตูม ตูม ตูม…” ในเวลานี้ แมลงไถคราดสวรรค์ได้ทำตัวให้สั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ การสั่นไหวหนึ่งครั้งตัวของมันก็จะมีขนาดที่ใหญ่โตมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด แมลงที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารก็ได้ปรากฎแก่สายตาต่อหน้าทุกๆ คน
ท่าทีของพวกจอมเทพมังกรหลวงเรียกได้ว่าถึงต้องเสียค่าตอบแทนเท่าไรก็ยอม ลมปราณทั้งหมดถูกถ่ายทอดเข้าสู่ค่ายกลนี้ ร่างทั้งร่างของแมลงไถคราดสวรรค์ตลบอบอวลไปด้วยพลังลมปราณ เรียกได้ว่าสำหรับอัศวินมังกรหลวงแล้วหากคราวนี้ไม่สำเร็จก็ต้องสละชีพ พวกเขาไม่ใยดีต่อการสูญเสียลมปราณอีกต่อไปแล้ว
แมลงไถคราดสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารสุดเทียบเทียมได้แผ่กลิ่นอายแมลงที่สุดกำแหงและอันธพาลยิ่งออกมา มันบงการสรรพสัตว์ทุกชนิดในโลกหล้าแห่งนี้
เมื่อแมลงไถคราดสวรรค์ขนาดใหญ่โตมโหฬารได้พวยพุ่งพลังที่แข็งแกร่งและพาลที่สุดของตนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนสามารถรับรู้ถึงความกดดันกระทั่งสั่นเทาขึ้นมา เหมือนว่าเจ้าแมลงยักษ์ตัวนี้แค่อ้าปากก็สามารถกลืนกินมังกรแท้จริงเข้าไปได้ตัวหนึ่ง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม จะบอกว่าจอมเทพมังกรหลวงต่ำช้าก็ดี ไร้ยางอายก็ช่าง ต่อให้เขาเป็นบุคคลที่ไร้ยางอายมากคนหนึ่งก็ตามที แต่เขาก็เป็นจอมเทพที่แท้จริงคนหนึ่ง จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง ซึ่งข้อนี้ไม่เป็นที่สงสัยแต่อย่างใด
“ตูม…” เสียงดังสนั่น ในเวลานี้ เขี้ยวคู่นั้นที่คมกริบของแมลงไถคราดสวรรค์ที่ดันเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างรุนแรง ต้องการดันเอาตัวของหลี่ชิเย่ให้ลอยขึ้นและโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
แม้แต่ท้องฟ้ายังถูกทิ่มแทงจนทะลุ ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” เป็นเสียงแตกหักดังขึ้นมากับการดันเข้าหาเช่นนี้ บนอากาศปรากฏรอยแยกรอยร้าวนับไม่ถ้วน ท้องฟ้าพังถล่มลงมาทันที
“มาได้จังหวะ” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดังออกมา เพียงยื่นมือคว้าออกไป คว้าเอาทางช้างเผือกที่ไกลออกไปในจักรวาลแต่ละสาย และดวงดาวแต่ละดวงมาได้โดยพลัน เมื่อมือของเขาทำการบีบคลึงอย่างชำนาญ ทางช้างเผือกแต่ละสายและดวงดาวแต่ละดวงพลันถูกทำให้กลายเป็นก้อนอิฐ
ถ้าหากจะกล่าวว่า บนโลกนี้มีก้อนอิฐที่ขนาดใหญ่มากล่ะก็ ก้อนอิฐที่เห็นอยู่ตรงหน้านี่แหละคือก้อนอิฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว
โดยก้อนอิฐก้อนนี้เกิดจากการบีบคลึงด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนและทางช้างเผือกเป็นพันเป็นหมื่นสาย ซึ่งเป็นก้อนอิฐที่ไม่สามารถประเมินได้ สามารถทับเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินจนถล่มลงได้
อิฐก้อนสี่เหลี่ยมก้อนนี้ที่ใหญ่โตยากจะหาใดเทียม เอ่อล้นด้วยสีสันของประกายที่เคลื่อนไหว มีประกายสีเงินล้อมรอบ เหมือนสายสีเงินแต่ละสายที่วนเวียนไม่หยุดนิ่ง
“ปัง…” เสียงดังสนั่น ก้อนอิฐสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ทุบลงมาอย่างแรง ทุบเข้าให้ที่เขี้ยวของแมลงไถคราดสวรรค์ จนแมลงไถคราดสวรรค์ต้องถอยหลัง “ตึง ตึง ตึง” ติดต่อกันกว่าสิบก้าว ถูกทุบจนเห็นดาวเห็นตะวัน มองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด
“ปัง…” แมลงไถคราดสวรรคยังไม่ทันตั้งตัวได้ทัน ก้อนอิฐสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ได้ทุบลงมาอีกครั้ง เสียงดัง “ป๊าบบ” จนแมลงไถคราดสวรรค์หมอบกับพื้นดินโดยตรง
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกใจหายใจคว่ำ หวาดกลัวจนขนลุกซู่เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้ นี่คือการรวมร่างของจอมเทพเก้าคนนะเนี่ย กลับถูกหลี่ชิเย่กระทำอยู่ฝ่ายเดียว อีกทั้งหลี่ชิเย่ไม่ได้อาศัยกำลังจากภายนอกเลย เป็นการอาศัยกำลังของตนเองล้วนๆ ออกจะสยองขวัญมากเกินไปเสียแล้ว
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ก็คือ หลี่ชิเย่แค่ยื่นมือออกไปตามอารมณ์ก็สามารถหลอมกลั่นฟ้าดิน กลั่นบูชาสุริยันจันทรา สลายดวงดาว ด้วยกำลังเช่นนี้นับว่าสยองไม่มีสิ้นสุด เรียกได้ว่าแค่ขยับตัวก็สามารถทำลายล้างโลกได้แล้ว
“ปัง” เสียงดังสนั่น เมื่อก้อนอิฐได้ทุบลงมาอย่างแรงอีกครั้ง ได้ยินเสียงแตกหักดัง “คร๊ากก” เขี้ยวที่มีขนาดใหญ่คู่นั้นของแมลงไถคราดสวรรค์ถึงกับถูกหลี่ชิเย่ทุบจนหักโค่นลงมา เขี้ยวขนาดเขื่องถูกหักโค่นเอาดื้อๆ เป็นความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูกโดยแท้ หลายคนถึงกับสั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงของเขี้ยวที่หักลงมานั่น
“ฆ่า…” ในขณะนี้ จอมเทพมังกรหลวงคำรามออกมาด้วยความโกรธ ได้ยินเสียงดัง “ตูม” นาทีนี้เองตัวแมลงไถคราดสวรรค์ถึงกับเกิดเพลิงเทพลุกไหม้ขึ้นมารุนแรง เพลิงเทพที่ดั่งคลื่นยักษ์เผาผลาญฟ้าดิน ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ท่ามกลางเพลิงเทพที่ไม่มีสิ้นสุดได้ยินเสียงดัง “ตูม ตูม ตูม” ดังตูมตาม ท่ามกลางเสียงดังตูมตามปรากฎบนหัวของแมลงไถคราดสวรรค์กลับมีเขางอกขึ้นมาเขาหนึ่ง
เขาที่งอกพุ่งพรวดขึ้นมานั้นได้หมุนอย่างรวดเร็ว เสมือนดั่งเป็นสว่านยักษ์อย่างนั้น อีกทั้งยังมีสีแดง และพวยพุ่งประกายเทพที่ไม่สิ้นสุดออกมา เพลิงเทพลักษณะเช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นความโกรธแค้นของเทพแท้จริงอย่างนั้น มันสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าธุลีได้โดยพลัน
เสียงดังสนั่น “ปัง” ก้อนอิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ถูกทุบลงมาอย่างไม่ลังเล แต่ว่า มาคราวนี้เขาอันนี้ถึงกับสามารถทานก้อนอิฐสี่เหลี่ยมที่หลี่ชิเย่ทุบลงมาอย่างแรงเอาไว้ได้
“ตูม ตูม ตุม” เสียงดังสะเทือนฟ้าดังขึ้นมาไม่ขาดสาย เขาอันนี้ได้หมุนเจาะเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง และรุนแรงโดยอาศัยพลังเพลิงเทพที่เกรี้ยวกราดทำการหลอมกลั่นก้อนอิฐสี่เหลี่ยม ด้วยอานุภาพที่ยอดเยี่ยมไร้ผู้เทียบเทียม
“คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก” เสียงแตกร้าวดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้การเจาะและหลอมกลั่นของเขาอันนี้ ก้อนอิฐสี่เหลี่ยมที่หลอมกลั่นมาจากดวงดาวและสุริยันจันทราปรากฏเป็นรอยร้าวขึ้นเป็นริ้วๆ
เขาอันนี้มีความน่ากลัวยิ่งกว่าเขี้ยวคู่นั้นของมันไม่รู้เท่าไร ในขณะนี้พวกจอมเทพมังกรหลวงทั้งเก้าต่างกำลังเผาผลาญดวงตราสัญลักษณ์ของพวกเขาอยู่
กล่าวสำหรับจอมเทพแล้ว ดวงตราสัญลักษณ์คือทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา ดวงตราสัญลักษณ์แบกรับพลังทั้งหมดของพวกเขา เสมือนดั่งชะตาฟ้าของจอมราชันเซียนหวังอย่างนั้น
ยามที่จอมเทพคนหนึ่งทำการเผาผลาญดวงตราสัญลักษณ์ของพวกเขานั้น เท่ากับว่าเป็นการเผาผลาญสัจธรรมของพวกเขาอยู่ เผาผลาญพลังขมุกขมัวของพวกเขา นี่เป็นการกระทำที่ต้องการตายไปพร้อมกับศัตรู เกรงว่าแม้พวกเขาสามารถสังหารศัตรูได้ แต่ตัวเองก็แทบจะตายเช่นกัน
แต่ทว่า ในขณะนี้จอมเทพมังกรหลวงไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนที่ต้องเสียไป สู้กับศัตรูจนถึงที่สุด หากศัตรูไม่ตายตัวเองก็ต้องม้วย
“ปัง” เสียงดังสนั่น สุดท้ายก้อนอิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ถึงกับแตกละเอียด “ตูม” เสียงดังสนั่น เขาอันนี้ที่มีเพลิงเทพดั่งคลื่นยักษ์ได้เคลื่อนที่โดยอาศัยความเร็วที่ไร้เทียมทานทิ่มเข้าหาหลี่ชิเย่ ต้องการแทงทะลุร่างของหลี่ชิเย่
“จังหวะนี่แหละ!” ในขณะที่เขาอันนี้ได้พุ่งเข้าโจมตีหลี่ชิเย่ด้วยความเร็วที่สุดเปรียบเปรยและบ้าคลั่ง จอมเทพมังกรหลวงได้ร้องเสียงดังขึ้นมา
“ตูม” พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนที่เป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ซึ่งได้เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว พลันอาศัยการรวมตัวกันของชะตาฟ้าทั้งสิบสี่สาย “ฟ่าวว” กระบวนท่าสังหารเด็ดขาดของธนูนกหวีด เมื่อธนูนกหวีดที่อาศัยกระบวนท่าสังหารเด็ดขาดได้ยิงออกไปแล้วก็หายไป ไม่มีใครมองเห็นมันถูกยิงไปยังตำแหน่งไหนของหลี่ชิเย่
“แว้งค์” นาทีนี้เองหลี่ชิเย่แค่ยกมือขึ้น ทันใดนั้นปรากฏสองอาณาจักรขึ้นมา ได้แก่อาณาจักรหนักอืด และอาณาจักรล่มสลาย ปรากฏภายใต้นิ้วของหลี่ชิเย่ ทั้งสองอาณาจักรพลันบดขยี้ลงมา
“ปัง” ภายใต้การบดขยี้ของอาณาจักรทั้งสอง ความเร็วของแมลงไถคราดสวรรค์ที่พุ่งทะยานขึ้นมากลับกลายเป็นเชื่องช้าสุดเทียบเทียม เหมือนดั่งเป็นหอยทากที่แบกของหนักแล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างนั้น อีกทั้งภายใต้พลังสยบที่ไม่มีสิ้นสุด ร่างกายของแมลงไถคราดสวรรค์ตัวนี้ถึงกับส่งเสียงดังจี๊ดจี๊ดขึ้นมา
“ฟ่าวว…” เสียงหนึ่งดังขึ้น ธนูนกหวีดได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้ยิงหาหลี่ชิเย่ ด้านหน้าของหลี่ชิเย่ปรากฎกำแพงราชันที่พราวพร่างด้านหนึ่งถูกตั้งขึ้น มันถูกแปลงขึ้นมาโดยอักขระราชัน ต่อให้ธนูนกหวีดมีความเร็วที่รวดเร็วมากกว่านี้ มีอานุภาพที่ยอดเยี่ยมมากว่านี้ก็ถูกขวางเอาไว้
“ทำลาย…” พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนที่เป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่คำรามเสียงดัง ฉับพลันนั้น ลมปราณทั้งหมดพวยพุ่งขึ้นมา นาทีนี้พวกเขาได้นำเลือดราชันมาใช้ โดยอาศัยเลือดราชันทำการบูชายันต์ธนูนกหวีด “ตูม” ธนูนกหวีดตลบอบอวลไปด้วยประกายเลือด และกลับกลายเป็นธนูโลหิตที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม และถูกยิงออกไปทันที เพื่อเข่นฆ่าเทพสังหารราชัน
ด้วยธนูโลหิตที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมที่ถูกยิงออกมา แม้แต่ระดับจอมเทพยังเข่าอ่อน เมื่อชะตาฟ้าสิบสี่สายผนวกกับเลือดจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ ธนูโลหิตเช่นนี้ช่างน่ากลัวเช่นใด เกรงว่าคงสามารถสังหารจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าหกสายได้ทันที
“ปัง” ธนูโลหิตทรงพลังยิ่งเหลือเกิน พลันยิงทะลุกำแพงราชันของหลี่ชิเย่ “ปุ” มองเห็นประกายเลือดแตกกระจาย ธนูโลหิตถูกยิงเข้าให้ที่กลางหน้าผากของหลี่ชิเย่
ในขณะนี้ กาลเวลาเงียบสงัดถึงขีดสุด กระทั่งสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคน ภายในใจของทุกคนต่างเย็นวาบ มองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
มองเห็นธนูนกหวีดที่ถูกยิงเข้าที่กลางหน้าผากของหลี่ชิเย่ เลือดสดๆ ค่อยๆ ไหลรินลงมา
“ถึงแก่ชีวิตแล้วรึ?” ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเย็นวาบเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว การถูกอาวุธจอมราชันที่ปราศจากผู้ต่อกรยิงเข้าที่กลางหน้าผากเป็นเรื่องที่สยองขวัญยิ่ง ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับเดียวกันก็คงต้องตายอย่างไม่น่าสงสัย
“คุณชาย…” ธิดาราชันฉีหลินพลันมีสีหน้าที่ซีดเผือด เมื่อได้มองเห็นภาพนี้ในระยะห่างไกล
“สำเร็จแล้ว…” แม้แต่จอมเทพมังกรหลวงยังอดที่จะดีใจอย่างยิ่งไม่ได้ คำรามเสียงดังออกมา กลยุทธของเขานับว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
แม้แต่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนก็อดที่จะดีใจไม่ได้ เมื่อมองเห็นธนูนกหวีดยิงเข้าที่บริเวณกลางหน้าผากของหลี่ชิเย่ ในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จแล้ว
“ดีใจเร็วเกินไปแล้ว” ในขณะที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนกำลังดีใจอย่างยิ่ง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังออกมา
“ตุบ” ธนูนกหวีดที่พุ่งเจาะเข้ากลางหน้าผากหลี่ชิเย่ถูกดันคลายออกมา บริเวณกลางหน้าผากของหลี่ชิเย่ ปรากฏรูเลือดที่สยดสยองยิ่งรูหนึ่ง เลือดสดๆ ไหลเอื่อยๆ ออกมา
แต่ว่า รูเลือดดังกล่าวได้ค่อยๆ สมานตัวเอง เพียงชั่วพริบตาเดียว รูเลือดนี้ได้หายไป และบริเวณกลางหน้าผากของหลี่ชิเย่ราบเรียบไร้รอย เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนพลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปแสดงถึงความหวาดผวา ขณะที่จอมเทพมังกรหลวงเองก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง