ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1971 มาจากโลกอนาคต
“สหายเก่า ท้ายที่สุดเจ้ายังคงห่างจากจุดสูงสุดก้าวหนึ่ง” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยที่มองดูการสลับสับเปลี่ยนระหว่างความมืดกับความสว่าง และสุดท้ายแล้วความมืดได้แผ่ขยายเพิ่มขึ้น กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หากเจ้าเป็นเจ้าที่อยู่ในขั้นสูงสุดในครั้งนั้น เจ้ายังคงยืนหยัดได้ เจ้าทนต่อความเจ็บปวดต่อไปได้ บางทีข้าอาจทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่วันนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“ขอเพียงมีประกายศักดิ์สิทธิ์สายหนึ่งไม่ดับสูญ ความมืดก็อย่าได้คิดจะครอบคลุมยุคสมัยได้เป็นนิรันดร์” แม้ว่าสู้ไม่ได้ นักปราชญ์ยังคงสงบนิ่ง ยังคงรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเอาไว้มั่น ประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายกระตุ้นต่อสัญชาตญาณ มีเพียงสัญชาตญาณของเขาอยู่กับความสว่าง เขาจึงมีโอกาสไปต่อต้านกับความมืดดำที่บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยได้หว่านลงในใจของเขาได้
นาทีนี้ ทุกๆ กระบวนท่า ทุกๆ สัจธรรมทั้งหมดล้วนแล้วแต่เหนื่อยเปล่า ความพยายามในการต่อสู้สังหารล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความสว่างและวัฎสงสารของความมืด มีเพียงรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเอาไว้อย่างมั่นคง รักษาสัญชาตญาณให้ได้ จึงสามารถเอาชนะได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้กระบวนท่าลึกล้ำพิสดารยิ่งกว่า สัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรมากเท่าไรก็ตาม หากไม่สามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเอาไว้มั่นคง รักษาสัญชาตญาณเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็อาจจะจมดิ่งลงท่ามกลางความมืด กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของความมืด เมื่อถึงตอนนั้น การต่อต้านทุกอย่างล้วนแล้วแต่เหนื่อยเปล่า
“แล้วมันอย่างไรหละ?” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “บางที ข้าอาจไม่สามารถทำให้เจ้าสลายไปตามกาลเวลาโดยสิ้นเชิงได้อย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นไปตามที่เจ้าพูดก็ได้ แม้มีประกายศักดิ์สิทธิ์เพียงสายเดียวที่ไม่ดับสูญ ความมืดก็ไม่สามารถครอบคลุมยุคสมัยนี้ได้นิรันดร์ แต่ อย่าลืมสิ เป็นข้ามิใช่หรือที่ผนึกความสว่างไว้ในส่วนลึกของยุคสมัยเอาไว้ตลอดกาล! ทำให้มันยากจะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก…”
“…ต่อให้ข้าไม่สามารถทำให้เจ้าสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับพวกเรามันก็เหนื่อยเปล่าแล้วหละ ยุคสมัยของพวกเราไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ของเจ้าหากคิดจะพลิกสถานการณ์อีกครั้ง คงไม่มีโอกาสตลอดไปแล้ว ถึงเวลานั้น เกรงว่าข้าจะต้องพูดกับสหายเก่าคำหนึ่งว่าลาก่อนชั่วนิรันดร์”
แม้จะกล่าวว่า บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยในเวลานี้มีความสยองขวัญยิ่ง ได้กลับกลายร่างเป็นความมืดดำ ปกครองความมืด เป็นผู้บงการความมืดดำ แต่การพูดจาของเขายังคงมีความสง่างามยิ่ง ต่อให้เขากับนักปราชญ์ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่การพูดจาของเขายังคงนุ่มนวลอย่างยิ่ง
เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์แต่ละเสียงที่ดังขึ้น แม้ว่านักปราชญ์ยังคงยืนหยัดอยู่ ยังคงยึดมั่นในแสงสว่างที่เป็นของตน แต่เขายังคงสู้บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยไม่ได้ ความมืดเกิดขึ้นทีละสายๆ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้นักปราชญ์ไม่ถึงกับจมดิ่งลงสู่ความมืดก็ตาม เกรงว่าเขาคงหวนคืนกลับมาไม่ได้อีกตลอดไป และนี่จะกลายเป็นการสู้รบที่ต้องจากลาไปชั่วชีวิตระหว่างพวกเขา!
บรรดาจอมราชันเซียนหวังอดที่จะกังวนใจไม่ได้เมื่อมองเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย ความมืดขยายแพร่พันธุ์ได้มากขึ้น ลองนึกภาพดู แม้แต่ผู้ทีดำรงอยู่ในฐานะเช่นนักปราชญ์ยังรับมือไม่ได้ ถามใจตนเองว่าจะมีจอมราชันเซียนหวังสักกี่คนที่สามารถรองรับได้ ภายใต้สภาพกลับคืนสู่จุดเดิมนี้ จะมีจอมราชันเซียนหวังสักกี่คนที่ทสามารถรักษาสัญชาตญาณของตนเอาไว้อย่างมั่นคงได้? เกรงว่าถึงตรงนี้แล้ว ผู้คนจำนวนมากหากไม่ใช่จมดิ่งลงสู่ความมืดก็คือต้องทำลายตนเอง
นักปราชญ์คือผู้ที่ต่อต้านกับบรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยมาตลอดยุคสมัย ถ้าหากนักปราชญ์ไม่ไหวหละก็ คนอื่นๆ ยิ่งไม่ไหวเข้าไปใหญ่
“ทุกท่าน ช่วยเหลือข้าอีกแรง ให้ข้าได้ไล่ติดตามกาลเวลาขึ้นไป” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นนักปราชญ์สู้บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยไม่ได้ จึงกล่าวต่อจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบเจ็ดองค์ขึ้นมาช้าๆ
ตกลง…จอมราชันเซียนหวังทั้งสิบเจ็ดองค์คำรามเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา ชะตาฟ้าของพวกเขาต่างเปล่งเป็นประกายขึ้นมา พลังชะตาฟ้าปะทุขึ้นโดยพลัน เสมือนดั่งฟ้าดินเกิดกระเบิดขึ้น
เสียงตูม ตูม ตูมแต่ละเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมา เสมือนดั่งฟ้าดินแตกสลายอย่างนั้น สิบสามทวีปล้วนแล้วแต่ โคลงเคลงสั่นไหว สมควรทราบว่า ยามที่ชะตาฟ้าของจอมราชันทั้งสิบเจ็ดปะทุขึ้นมานั้น พลังชะตาฟ้าเพียงพอที่จะทำลายชิงโจวได้ สามารถทำให้ชิงโจวกลายเป็นเถ้าธุลีได้ในบัดดล
แว้งค์ แวงค์ แว้งค์เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้ เวลาและช่องว่างที่หลี่ชิเย่อยู่ล้วนแล้วแต่กำลังสั่นสะเทือนและโคลงเคลงไปมา มิติกาลเวลาของเขากลัยบกลายเป็นไม่คงที่ทันที มิติกาลเวลาที่เขาอยู่เหมือนอยู่ในจุดวิกฤตของการกลายสภาพเป็นของเหลว ในจุดวิกฤตนี้หลี่ชิเย่เสมือนได้ก้าวข้ามมิติไป เขาเป็นทั้งอดีต เป็นทั้งปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นเป็นทั้งอนาคตอีกด้วย
สุดท้าย ได้ยินเสียงปุดังขึ้นมา มองเห็นหลี่ชิเย่คนหนึ่งก้าวเดินออกมา แต่ที่ประหลาดก็คือ ทั้งๆ ที่หลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม อีกทั้งด้านหลังของเขายังมีจอมราชันเซียนหวังอีกสิบเจ็ดองค์ที่ยืนอยู่
แต่ทว่า ในเวลานี้กลับมีหลี่ชิเย่คนที่สองก้าวออกมา อีกทั้งหลี่ชิเย่คนนี้ที่ก้าวออกมาไม่ใช่ภาพที่เกิดจากจินตนาการ และไม่ใช่ร่างตัวแทน เป็นร่างแท้จริงของหลี่ชิเย่
แต่ทว่า จะว่าไปแล้วหลี่ชิเย่คนที่ก้าวเดินออกมาคนนี้ แตกต่างจากหลี่ชิเย่คนปัจจุบันอยู่บ้าง ส่วนรายละเอียดว่าแตกต่างตรงไหนอย่างไรไม่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน แต่ว่า ดูเหมือนจะน่ากลัวมากยิ่งกว่า แข็งแกร่งยิ่งกว่า แม้ว่าร่างกายของเขาไม่ได้ปะทุกลิ่นอายที่น่ากลัวและแข็งแกร่งกว่าหรืออำนาจอะไรออกมา ดูไปแล้วเขายังคงธรรมดาๆ เท่านั้นเอง
แต่ว่า ขอเพียงระดับจอมราชันเซียนหวังเมื่อได้มองเห็นหลี่ชิเย่คนนี้ที่ก้าวออกมานั้น ลางสังหรณ์บอกพวกเขาว่า หลี่ชิเย่คนนี้มีความน่ากลัวยิ่งกว่า อีกทั้งเขาไม่ถือเป็นผู้ที่อยู่ในยุคสมัยนี้ ไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบัน
แว้งค์ เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้หลี่ชิเย่ คนนี้ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังสายน้ำแห่งกาลเวลา ก้าวข้ามอดีต ไล่ตามกาลเวลาขึ้นไป ไปยังยุคสมัยที่ดึกดำบรรพกว่านั้น
การก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองก็ไม่แน่ว่าสามารถทำได้ มาวันนี้หลี่ชิเย่อาศัยพลังอำนาจสุดยอดที่ยิ่งใหญ่และความช่วยเหลือจากสิบเจ็ดจอมราชันเซียนหวัง เขาก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลา ก้าวเดินไปบนสายน้ำแห่งกาลเวลาไปได้ไกลมากๆ
สุดท้าย หลี่ชิเย่ที่ก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาได้ไปถึงยุคสมัยที่บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยและนักปราชญ์อาศัยอยู่ในครั้งนั้น
ด้านนี้คือนักปราชญ์ อีกด้านหนึ่งคือบรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุย ช่วงห่างระหว่างพวกเขาไม่ได้ห่างกันด้วยช่องว่าง แต่เป็นช่วงห่างของกาลเวลา
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเข้ามาอยู่ในนี้ดูเหมือนไม่เข้ากัน ตัวเขาเหมือนถูกแยกออกจากยุคสมัยนี้อย่างนั้น เข้าไม่ได้เป็นคนของยุคสมัยนี้ เขาเหมือนเป็นแขกผู้มาเยือนจากนอกโลก
“สหาย รู้หรือไม่ว่าการคำนวณอนาคตไม่ใช่เรื่องดี” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยที่มองเห็นการมาของหลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ตระหนกตกใจ และไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด เพียงพูดเฉยเมยขึ้นมา
“มันก็จริง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและพูดขึ้น
“การมาจากอนาคต สิ่งนี้ทั้งไม่ใช่ตัวเจ้า และไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นตัวเจ้าในอนาคต” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หากแม้นมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ใช่เพียงแค่เจ้ากลายเป็นเถ้าธุลีเท่านั้น ภัยพิบัติที่นำมาหาใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้”
หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หลี่ชิเย่ เป็นเพียงหลี่ชิเย่ในอนาคต แน่นอน ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นหลี่ชิเย่ในอนาคตจริงๆ เป็นเพียงความน่าจะเป็นอย่างหนึ่ง เป็นผลจากการคำนวณโดยอาศัยวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยากจะหาใดเทียม
วิธีการเช่นนี้เป็นวิธีที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยากจะหาใดเทียม ด้วยการคำนวณอนาคตของตนเองออกมา แล้วทะลุผ่านอนาคต ทำให้ตัวเองในโลกอนาคตก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลา ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญยิ่งนัก
“ดังนั้น ข้าจึงได้ก้าวเดินอยู่บนสายน้ำแห่งกาลเวลานี้” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ยังจะมีสิ่งใดไกลมากไปกว่าบนสายน้ำแห่งกาลเวลา”
“ก็ถูก” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยพยักหน้า และกล่าวว่า “แต่ว่า นี่คือยุคสมัยของข้า” ขาดคำ นิ้วของบรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยที่กวาดออกไป เสียงปุดังขึ้น ความมืดได้ทะลุผ่านอดีต
ความเร็วของความมืดรวดเร็วยิ่งนัก สามารถก้าวข้ามไร้ขีดจำกัดในทันที แต่ว่า ต่อให้ความมืดที่เร็วมากกว่านี้ก็เริ่มช้าลง
สุดท้าย ความมืดได้ก้าวช้าลงอย่างสิ้นเชิง มันไม่สามารถถูกต้องตัวของหลี่ชิเย่ได้ เหมือนว่าหลี่ชิเย่อยู่ห่างจากพวกเขามากเกินไป ต่อให้บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยมีความแข็งแกร่งมากไปกว่านี้ก็ก้าวข้ามก้าวนี้ไปไม่ได้ ก้าวข้ามความยาวของเวลานี้ไปไม่ได้
สุดท้าย ความมืดได้จางหายไปท่ามกลางความยาวของเวลา ยิงไม่โดนตัวของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
“เป็นความจริงที่เจ้าปราศจากผู้ต่อกรยิ่งนัก” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า เจ้าก็ได้แต่สุดอยู่ที่ยุคสมัยของพวกเราเท่านั้น หากไกลไปกว่านี้เจ้าก็จะไม่สามารถก้าวข้ามไปได้แล้ว เจ้าไม่รู้ว่าข้ามาจากยุคสมัยใด หรือจะกล่าวว่า เป็นยุคสมัยใหม่ที่เจ้าไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ตลอดกาล”
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าสหายคือผู้ที่สามารถบุกเบิกยุคสมัยใหม่ได้น่ะสิ” บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยจ้องมองดูหลี่ชิเย่อยู่นานมากแล้วพูดขึ้น
เป็นความจริงที่บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยคำนวณไม่ถูกว่าหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ามาจากที่ไหน อนาคตของเขามีแต่ความขมุกขมัว สภาพเช่นนี้ไม่ก็หลี่ชิเย่นั้นมีความแข็งแกร่งมากเกินไป หรือไม่ก็คือหลี่ชิเย่ไม่ได้มีอนาคต ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือ อนาคตของหลี่ชิเย่นั้นคือยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมด เป็นยุคสมัยที่ตัวเขาเป็นผู้บุกเบิก
แต่เดิมเรื่องของอนาคตเต็มไปด้วยความไม่รู้อยู่เป็นอันมากอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถรู้ถึงอนาคตได้อย่างแท้จริง ถ้าหากจะกล่าวว่าหลี่ชิเย่ เป็นผู้บุกเบิกยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมด มันคือการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ยุคสมัยนี้ได้ เว้นแต่ตัวของหลี่ชิเย่เอง
ดังนั้น กล่าวได้ว่าต่อให้บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยที่แข็งแกร่งยากจะหาผู้ใดเทียม ก็ไม่สามารถคาดการณ์ถึงความเป็นไปของยุคสมัยดังกล่าว หรือมองเห็นยุคสมัยนั้นจากระยะห่างไกล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ามาจากที่ใดแล้วหละ
“แล้วทำไมจะไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย พลันที่พูดขาดคำ แว้งค์เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมา ทันใดนั้น กายเซียนของหลี่ชิเย่ปะทุขึ้นมา
สิ่งที่ปะทุขึ้นมาพร้อมกันยังมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่เปลี่ยนแปลงดังหินผาดวงนั้นของหลี่ชิเย่ ยามที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาปะทุขึ้นมา มันช่างบริสุทธิ์อะไรอย่างนั้น ช่างมีความดึกดำบรรพ์เหลือเกิน
นาทีนี้ร่างกายของหลี่ชิเย่พวยพุ่งประกายที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ไม่มีสิ้นสุดออกมาทั่วร่าง มันคือกายพิสุทธิ์ มันมีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ภายใต้การขับเคลื่อนจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ทรงพลังไร้ผู้เทียบเทียม กายพิสุทธิ์ดังกล่าวกระทั่งทะลุขีดสูงสุดของมัน ก้าวข้ามไปยังอีกระดับหนึ่ง
ประกายที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ทั้งหมดพลันเทราดลงมาทันที เสมือนหนึ่งน้ำทิพย์ที่โปรยปรายลงมาอย่างทั่วถึงเสมอภาค พลันรดและพรมลงมายังยุคสมัยนี้ ที่เทราดลงมามากกว่าคือเทราดลงบนตัวของนักปราชญ์
นี่คือประกายศักดิ์สิทธิ์ของกายพิสุทธิ์ มันสามารถทำให้ความมืดทุกอย่างบริสุทธิ์ ทำให้สิ่งสกปรกทุกอย่างบริสุทธิ์
เสียง จี๊ด จี๊ด จี๊ด ดังขึ้น ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์ของประกายพิสุทธิ์ เดิมความมืดที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นช้าๆ ถูกย่อยสลาย ค่อยๆ จางหายไป สุดท้ายมลายหายไปดั่งหมอกควัน
หลี่ชิเย่ไม่ได้ต่อสู้ชี้ขาดกับบรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยโดยตรง เขาแค่ช่วยเหลือนักปราชญ์อีกแรงเท่านั้นเอง
เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหลี่ชิเย่ ทำให้ความมืดค่อยๆ ถูกทำให้บริสุทธิ์ ได้ยินเสียง ปุ ปุ ปุดังขึ้น ความสว่างถูกทำให้แพร่กระจายขึ้นมาอีกครั้ง เดิมแสงสว่างที่ติดๆ ดับๆ ไม่คงที่ถูกทำให้มั่นคงอีกครั้ง ทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนักปราชญ์ดูจะยิ่งสว่างชัดเจนมากขึ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค
บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยที่มองเห็นภาพนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองถึงกับเพ่งมองไปข้างหน้า สายตาได้ล็อกภาพที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าเอาไว้
จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกโล่งอกเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ ศึกครั้งนี้หากบรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยเป็นฝ่ายกำชัยขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ ผลที่ตามมาย่อมยากที่จะคาดถึง
เวลานี้นักปราชญ์ได้ร่วมมือกับหลี่ชิเย่ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว เว้นแต่บรรพบุรุษไกลกันดาลหลุนหุยยังคงมีท่าไม้ตายอื่นที่ยังไม่ได้สำแดงออกมา