ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1978 ราชันเซียนปู้จ้าน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1978 ราชันเซียนปู้จ้าน
เวลานี้ทางเลือกของหลี่ชิเย่มีอยู่เพียงสองทางเท่านั้น ไม่ก็เดิมพันต่อไป ดูว่าระหว่างพวกเขากับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยใครจะล้มลงก่อนกัน ไม่ก็เรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงนั้นของตนคืนมา เพื่อก้าวข้ามกาลเวลา ต้านกงล้อกาลเวลาของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเอาไว้
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่เท่านั้นที่ถูกแปรสภาพโดยกงล้อกาลเวลาเท่านั้น ขณะที่ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองก็แปรสภาพเป็นแก่ชรามากขึ้น อีกทั้งความชราภาพของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
ภายในระยะเวลาอันสั้น บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่เพียงมีผมเผ้าที่ขาวโพลนเท่านั้น ร่างกายของเขาเหมือนสูญเสียพลังลมปราณไปสิ้น เหมือนเป็นคนที่สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วอย่างนั้น ร่างกายของเขาเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก นิ้วทั้งสิบของเขาแลดูเหมือนดั่งขาไก่ ผอมแห้งเหมือนไม้เสียบผี
กงล้อกาลเวลาทรงอานุภาพยิ่งนัก แต่ว่ามันต้องอาศัยการสูญเสียอายุขัยของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยจำนวนมหาศาลเป็นค่าตอบแทน ยิ่งไม่กว่านั้น นี่คือร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย เป็นการดำรงอยู่ในลักษณะของอดีต หากพลังลมปราณและอายุขัยถูกใช้จนหมดไปก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก ไม่สามารถกลับไปดังเดิมได้
เนื่องจากร่างในอดีตจะไม่มีปัจจุบันและยิ่งไม่มีในส่วนของอนาคต ถ้าหากเป็นร่างปัจจุบันของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย อายุขัย พลังลมปราณหากมีการสูญเสียเกิดขึ้นหละก็ ยังมีโอกาสฟื้นคืนกลับมาได้อีก ขณะที่ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่มีโอกาสเช่นนี้ สูญเสียแล้วสูญเสียเลย เป็นการสูญเสียที่เป็นนิรันดร์
สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรขณะที่ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหยิบเอากงล้อกาลเวลานี้ออกมาจึงดูระมัดระวังยิ่งนัก แม้แต่ตัวเขาที่แข็งแกร่งจนถึงระดับเช่นนี้ ก็ไม่กล้านำเอากงล้อกาลเวลามาใช้ง่ายดาย
จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงแปรสภาพดังขึ้นไม่ขาดสาย สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่ถูกทำการแปรสภาพโดยกงล้อกาลเวลา ขณะที่ตัวบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองก็ถูกกงล้อกาลเวลาแปรเปลี่ยนสภาพ ส่วนที่ว่าใครจะยืนหยัดจนสุดท้ายนั้นคงพูดยาก
“สหาย เกรงว่าคนที่ล้มลงก่อนจะไม่ใช่ข้า” แม้ว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้จะแก่หง่อมจนถึงจุดที่เรียกว่าไม้ใกล้ฝั่งแล้ว แต่ท่วงท่ายังคงเหมือนเดิม ยังมีลักษณะของความเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน เรียกได้ว่าหนึ่งไม่มีสองในหล้าแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดว่าข้าคือผู้ที่ล้มลงเป็นคนสุดท้ายเสมอมา” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย แม้ว่าเขากับจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์จะพยายามอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนพลังของชะตาฟ้า แต่ ภายใต้พลังของกาลเวลาพวกเขายังคงช้าไปนิดหนึ่ง ช้าไปเส้นยาแดงผ่าแปด ทว่าช้าไปเพียงแค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว เพียงพอสำหรับให้กงล้อกาลเวลาได้แปรสภาพของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั่น โดยที่พวกของหลี่ชิเย่ไม่สามารถยับยั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่ให้เลวร้ายลงไปอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปพลิกสถานการณ์เลย
“ข้าเองก็มีความเชื่อมั่นเช่นนี้มาตลอด” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกล่าวขึ้นมาเรียบๆ ว่า “แต่ การมีชีวิตอยู่ยิ่งนานเท่าไร บางครั้งสิ่งบางสิ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงไป คนเราหากมีชีวิตอยู่นานเกินไป ไม่เป็นปราชญ์ก็เป็นมาร ยังมีอีกอย่างก็คือเสียสติไป สหายคิดว่าตัวเองจัดอยู่ในประเภทใดหละ?”
แม้ว่าจะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงมีความสุภาพสูงส่ง ความไม่สะทกสะท้านความฉลาดหลักแหลมมองการณ์ไกลนับว่าเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก
แม้ว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่คำพูดลักษณะเช่นนี้ที่ออกมาจากปากของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมันช่างลึกซึ้งเหลือเกิน เขาและนักปราชญ์ต่างก็เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน นักปราชญ์กลายเป็นปราชญ์ ขณะที่ตัวเขากลายเป็นมาร
ส่วนผู้ที่เสียสติไปนั้นไม่รู้หรอกว่ามีใครกันบ้าง
“ข้าไม่เป็นทั้งปราชญ์ และไม่เป็นมาร ยิ่งไม่ได้เสียสติอีกด้วย ข้าก็คือข้า” ต่อให้สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับตัวเอง หลี่ชิเย่ยังคงไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม เขายิ้มกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “ข้างหน้าหากไม่มีทาง ข้าก็จะก้าวเดินให้เป็นทางขึ้นมา ข้าจะเดินบนเส้นทางของตนเองเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็หวังว่าสหายสามารถทำได้สำเร็จ แต่ว่า สหายผ่านด่านวันนี้ไปให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน เกรงว่าสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของท่านจะยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานแล้ว” ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มนิดหนึ่ง ผมของเขากลายเป็นสีดอกเลาไปแล้ว เคลื่อนไหวตามลม เหมือนว่าพร้อมที่จะหลุดร่วงได้ แต่เขายังคงเฉยเมยได้อย่างนั้น
ปุ ปุ ปุเสียงแตกร้าวดังขึ้น นาทีนี้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ถูกแปรสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ไปแล้วถึงกับปรากฎเป็นรอยร้าวขึ้นเป็นริ้วๆ แม้ว่าสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ยังไม่ถึงขั้นแตกละเอียด แต่ว่าเมื่อปรากฎรอยร้าวแต่ละสายขึ้นมา ส่งผลให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้เปราะบางมาก เหมือนว่าแค่ยื่นนิ้วแตะเบาๆ สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหมดก็จะแตกละเอียดลงมา
แย่แล้ว…บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ปรากฎเป็นรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา พวกเขาขับเคลื่อนพลังชะตาฟ้าอย่างบ้าคลั่ง คาดหวังถ่ายทอดพลังเข้าไปในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ให้ทันกาล แต่ว่า ต่อให้พวกเขาพยายามเพียงใดก็ตาม ยังคงไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง กล่าวสำหรับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่แล้วเพียงแค่ก้าวเดียวนี้ เพียงพอให้ถึงตายได้แล้ว
“ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว ควรเรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรกลับมาเวลานี้จึงจะถูก” แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ชมศึกครั้งนี้ยังรู้สึกเป็นกังวล ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปคงอีกไม่นาน สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้จะต้องแหลกละเอียดแน่นอน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อพวกของหลี่ชิเย่
แต่ทว่า ต่อให้เป็นเวลานี้นาทีนี้หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้คิดที่จะเรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนกลับมาแม้แต่น้อย ปล่อยให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนประสานเสียงกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนักปราชญ์ในยุคสมัยของไกลกันดารตามอำเภอใจ ทำการเผาผลาญความมืดของยุคสมัยไกลกันดารอย่างหนัก
ปัง ปัง ปัง ในเวลานี้เองปรากฏเสียงแตกร้าวดังขึ้นมาเป็นระลอก สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ขณะนี้ปรากฏรอยแยกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ในเวลานี้ รอยแยกสลับไขว้กันไปมานับไม่ถ้วน
แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องตื่นเต้นถึงขีดสุด เกรงว่านาทีต่อมา สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่จะต้องแตกละเอียดแล้ว
ปัง ปัง ปัง ในขณะนี้เสียงแตกละเอียดได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าเสียงแตกละเอียดครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกเขา แต่มาจากบนท้องฟ้าของไกลกันดาร
ด้านนอกไกลกันดารมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเบิ่งตามองออกไป มองเห็นท้องฟ้าที่แตกละเอียด มีคนผู้หนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ การก้าวเท้าออกไปของเขาทุกครั้ง บนท้องฟ้าที่แตกละเอียดก็จะมีรอยเท้าเกิดขึ้น เป็นรอยเท้าที่ประทับลงบนท้องฟ้า ไม่สามารถลบเลือนได้เป็นเวลานาน
ในเวลานี้ มีบุรุษผู้หนึ่งที่เหินฟ้าเข้ามา บุรุษผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะทั้งชุด แววตาดุเดือดรุนแรงยิ่งนัก สามารถมองทะลุเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้ ในมือของบุรุษผู้นี้ถือขวานสองคม ทุกฝีก้าวที่ก้าวเดินออกไปล้วนแล้วแต่สยบจิตใจของผู้คน เหมือนว่าทุกย่างก้าวของเขาก็คือสมรภูมิรบที่ต้องห้ำหั่นกันจนตายไปข้างหนึ่ง
บุรุษผู้นี้ได้พวยพุ่งปณิธานการต่อสู้ที่น่ากลัวออกมา ปณิธานการต่อสู้ของเขาอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า สามารถสู้รบได้ตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นระดับบรรพบุรุษเช่นใด เมื่อรับรู้ถึงปณิธานการต่อสู้ของเขาแล้วก็ต้องสั่นเทาไม่กล้าต่อสู้กับเขา ถูกสยบโดยปณิธานการต่อสู้ของเขาโดยพลัน
ราชันเซียนปู้จ้าน…ระดับบรรพบุรุษที่ชมอยู่ด้านนอกไกลกันดารจดจำประวัติความเป็นมาของบุรุษผู้นี้ได้ ร้องเสียงแหลมออกมาว่า “ราชันเซียนจากเก้าแดนมาอีกหนึ่งแล้ว”
“ปู้จ้านมาแล้ว” ยามที่บุรุษผู้นี้มาถึง แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่แอบมองการต่อสู้อยู่เงียบๆ ก็ถูกดึงดูดสายตาไปทันที ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะรู้สึกเคารพยำเกรงต่อบุรุษผู้นี้ไม่ได้
ราชันเซียนปู้จ้านเลื่องชื่อในด้านการต่อสู้ เขามักจะก้าวไปพร้อมกับการต่อสู้เสมอๆ ต่อให้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าขวางอยู่ด้านหน้า เขาก็สามารถก้าวข้ามไปได้ ดังนัน น้อยคนนักที่ต้องการไปขวางทางของราชันเซียนปู้จ้าน
ราชันเซียนปู้จ้านก้าวเท้าเข้าไปในไกลกันดาร ดวงตาทั้งสองแหลมคมปราศจากผู้เทียบเทียม ส่งประกายที่น่ากลัววูบวาบออกมา เขาได้ทำการล็อคเป้าหมายที่เป็นสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั้นเอาไว้ ดวงตาทั้งสองพลันวิวัฒนาการฟ้าดินหมื่นสัจธรรม
“ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องร้อนใจ ปู้จ้านมาช่วยท่านอีกแรง” ราชันเซียนปู้จ้านร้องคำรามเสียงยาวออกมา อานุภาพราชันเซียนพุ่งขึ้นรุนแรง เสียงตูมดังขึ้น ชะตาฟ้าของเขาปรากฏอยู่เหนือศีรษะ
ราชันเซียนปู้จ้านมีชะตาฟ้าที่สืบทอดมาตั้งแต่เก้าแดนเพียงสายเดียวเท่านั้น ชะตาฟ้าสายนี้มีขนาดที่ใหญ่มากยากจะหาผู้ใดเทียม ยามที่ชะตาฟ้าสายนี้ปรากฏอยู่เหนือศีรษะ เสมือนหนึ่งเป็นเทือกเขาขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ตรงนั้น
ราชันเซียนปู้จ้านเลือกเดินบนเถนนของการวิวัฒนาการชะตาฟ้าเพียงสายเดียวที่มีอยู่ หลังจากที่เขามาถึงแดนสิบแล้วก็ไม่ได้มีการสืบทอดชะตาฟ้าของแดนสิบอีกต่อไป แต่ได้ทำให้ชะตาฟ้าจากเก้าแดนของตนแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป
“สหาย ช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง ขอยืมถนนหยินหยางของท่านใช้สักหน่อย” ในเวลานี้ ราชันเซียนปู้จ้านที่มีชะตาฟ้าอยู่สูงเหนือศีรษะขึ้นไป ปณิธานการต่อสู้ฮึกเหิม มีท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าในขณะนี้ได้คำรามเสียงยาวขึ้นมา กล่าวต่อราชันเซียนหมิ่นตู้
“พี่เดินทางไร้กังวล ข้าจะช่วยสร้างถนนหยินหยางให้กับท่าน” ราชันเซียนหมิ่นตู้ก็คำรามเสียงยาว ปากท่องคาถา ร่ายเคล็ดวิชาดึกดำบรรพ์ เสมือนหนึ่งเรียกวิญญาณอย่างนั้น
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย นาทีนี้ด้านหน้าของราชันเซียนหมิ่นตู้ได้ปรากฎถนนขึ้นมาสายหนึ่ง ถนนสายนี้ปรากฏเงามืด เหมือนเป็นถนนที่ทอดจากโลกมนุษย์ไปยังยมโลกอย่างนั้น ครั้นถนนสายนี้ถูกเชื่อมต่อเข้าไป ปรากฏลมเย็นพัดมาเป็นระลอก ต่อให้คนที่หาญกล้าเพียงใดยังอดที่จะสั่นเทิ้มไม่ได้ เนื่องจากมันทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนยมโลกอยู่ในดวงตาของตนอย่างนั้น
นี่คือถนนหยินหยางที่สร้างขึ้นโดยราชันเซียนหมิ่นตู้ มันสามารถก้าวข้ามเข้าไปโดยอาศัยกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดยิ่ง
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันเซียนปู้จ้านก้าวเข้าไปอยู่ในถนนหยินหยาง นาทีต่อมาปรากฎร่างเงาของราชันเซียนปู้จ้านที่แวบวับอยู่บนถนนหยินหยางหลายครั้ง ปรากฏตัวขึ้นแล้วก็แวบหายไป จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีก เหมือนว่าเขาได้ก้าวข้าผ่านนรกสิบแปดขุมมาอย่างนั้น
สุดท้าย ปรากฏเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งขึ้นมา ราชันเซียนปู้จ้านได้ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของหลี่ชิเย่ แต่เมื่อมองดูให้ชัดเจน เขากลับไม่ได้อยู่ท่ามกลางสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่
มองดูแล้วราชันเซียนปู้จ้านเหมือนว่าอยู่ท่ามกลางสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่ กระทั่งอยู่ใกล้กับหลี่ชิเย่แค่เอื้อม แต่ว่า ความจริงแล้วเขากลับไม่ได้อยู่ท่ามกลางสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของหลี่ชิเย่
ยิ่งช่องว่างที่ราชันเซียนปู้จ้านอยู่นั้นออกเป็นสีเทาดำ เหมือนเป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งในยมโลกอย่างนั้น แต่ว่า ด้วยสถานที่ลักษณะเช่นนี้แหละ มันได้เชื่อมต่อเข้ากับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเข้าร่วมของราชันเซียนปู้จ้านจึงไม่ส่งผลกระทบไปทำลายความสมดุลของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างสิ้นเชิง ต่อให้เขาทุ่มเทพลังทั้งหมดก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่
เสียงตูมดังสนั่นขึ้น เวลานี้ขวานสองคมของราชันเซียนปู้จ้านถูกชูขึ้นสูง ฉับพลันนั้นได้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับชะตาฟ้าของเขา ตามติดด้วยเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขวานสองคมของราชันเซียนปู้จ้านหายไปพร้อมกับชะตาฟ้าก็ได้หายไปด้วย
นาทีต่อมา ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่ และจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์ต่างปรากฎขวานสองคมอยู่บนนั้น ขวานสองคมทุกเล่มพลันประทับลงบนร่างของหลี่ชิเย่ และจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์เสียงดังตึง
ปุ… พริบตาเดียวนั่นเอง หลังจากที่หลี่ชิเย่ และจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์ได้รับการปกปักรักษาจากราชันเซียนปู้จ้านแล้วหลี่ชิเย่ และจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดพลันรู้สึกว่าชะตาฟ้าของตนได้กลายเป็นขวานสองคมที่คมกริบยิ่งเล่มหนึ่งอย่างนั้น พลันทิ่มแทงทะลุผ่านกาลเวลา แทงทะลุการปิดกั้นของฟ้าดิน
เสียงตูม…ดังสนั่น พลังชะตาฟ้าที่ขาดอยู่เพียงนิดเดียวในเวลานี้ที่แทงทะลุการกั้นขวางของกาลเวลา และถ่ายทอดเข้าไปยังสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั้นอย่างบ้าคลั่งในทันที
จี๊ด จี๊ด จี๊ด…นาทีนี้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่หลังจากได้รับพลังจากหลี่ชิเย่กับจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์แล้ว พลันพวยพุ่งประกายดั่งคริสตัลหลากสีสันที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา
จังหวะที่ประกายดั่งคริสตัลหลากสีสันไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งออกมานั้น พลังของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ได้ต้านการแปรสภาพของกาลเวลาเอาไว้ และพุ่งเข้าปะทะจนการแปรสภาพนั้นมลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที