ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2031 พูดเรื่องขัดแย้งหน้าเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2031 พูดเรื่องขัดแย้งหน้าเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น
จอมเทพเก้ากระบี่บิดาของยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็เป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง ดังนั้นจึงมีแนวความคิดที่จะต่อกรของจอมทระนงอเวจีอยู่ จะอย่างไรเสียต่างก็เป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงเหมือนกัน จึงเป็นความจริงที่มีแนวคิดอยากจะชี้ขาดความเป็นหนึ่งอยู่ ด้วยเหตุนี้เองจอมเทพเก้ากระบี่จึงได้ทำการพิจารณาศึกษาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นมาก่อน และเขายังได้บอกเล่าถึงความลึกล้ำพิสดารบางอย่างของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ซึ่งเป็นบุตรชายของตน
“แล้วเราควรจะใช้เล่ห์กลอย่างไรหละ?” มีนักศึกษาที่รู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ ขณะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่เพียงอมยิ้มแต่ไม่ตอบ
เมื่อทุกคนมองเห็นยุวกษัตริย์หกกระบี่อมยิ้มแต่ไม่ตอบ ทุกคนก็ไม่ไปไล่เรียงถามต่อไป แน่นอน ไม่มีใครที่รู้สึกว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่กำลังคุยโวอยู่ เพราะจะอย่างไรเสีย บิดาของยุวกษัตริย์หกกระบี่เป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง การที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่จะรับรู้ถึงความลึกซึ้งพิสดารบางอย่างเกี่ยวกับเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นมาบ้าง ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด
“ทุกๆ ภาคการศึกษา ทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็จะส่งอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า มาเพื่อขัดเกลาฝึกฝนสักครั้งหนึ่ง” มีนักศึกษาถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า “อาจารย์โจวนับว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่เลวนักของศตาคารพวกเรา และนับเป็นอัจฉริยะบุคคลของรุ่นก่อน เขายังคงอดทนไปไม่ถึงชั้นที่เจ็ดของทะเลแห่งความชั่วร้ายนะเนี่ย”
“หากจะกล่าวว่า อาจารย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าในปัจจุบัน มีใครบ้างที่สามารถอดทนกระทั่งถึงทะเลความชั่วร้ายชั้นที่เจ็ดได้ ข้าคิดว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาจารย์ฉวี่หังแล้ว” นักศึกษาผู้เป็นอัจฉริยะบุคคลกล่าว
“ข้าก็รู้สึกว่าอย่างนั้น” นักศึกษาอีกผู้หนึ่งก็พยักหน้ากล่าวชมออกมาว่า “นอกจากอาจารย์ฉวี่หังแล้ว ข้ารู้สึกว่าอาจารย์เชียนเสวียนก็ทำได้ แม้ว่าอาจารย์เชียนเสวียนไม่เคยแสดงศักยภาพของตนออกมา แต่ข้ารู้สึกว่านางต้องไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์ฉวี่หังอย่างแน่นอน”
บรรดานักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเห็นด้วยกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ในบรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
สำหรับอวี่เชียนเสวียนนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่สงสัยในศักยภาพของนาง จะอย่างไรเสียอวี่เชียนเสวียนมีความลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะที่นางเป็นผู้สืบทอดของจวนกู่ ย่อมไม่ใช่ผู้มีทักษะอ่อนด้อยอย่างแน่นอน แม้จะกล่าวว่า ไม่มีใครรับรู้ถึงรายละเอียดว่าอวี่เชียนเสวียนนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ แต่ว่า ศักยภาพของนางยังคงได้รับการยอมรับจากทุกคน มิฉะนั้นแล้ว นางก็คงไม่ได้เป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“ยังมีอาจารย์อีกคนหนึ่งก็ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเหมือนกัน” มีนักศึกษาจากศตาคารผู้หนึ่งพูดแทรกขึ้นมาคำหนึ่ง โดยกล่าวว่า “นั่นก็คืออาจารย์หลี่จากเรือนตำรา ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขายังเด็ดใบชาสัจธรรมสิบสองสายมาได้ นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์มากเหลือเกิน ไม่แน่นัก อาจารย์หลี่ผู้นี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ฉวี่หัง กระทั่งอาจารย์เชียนเสวียนอยู่มากทีเดียว ไม่เห็นรึ ท่าทีของอาจารย์เชียนเสวียนที่มีต่อเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงรึ?”
“อาจารย์จอมโหด” เมื่อมีการเอ่ยถึงอาจารย์หลี่ชิเย่แห่งเรือนตำรา ทุกคนก็จะเรียกขึ้นมาว่า ‘อาจารย์จอมโหด’ เวลานี้ทุกคนต่างรับรู้ถึงเรื่องความโหดของเขา
“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ การเก็บใบชาสิบสองสายได้นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์เหลือเกิน” นักศึกษาจากศตาคารอีกผู้หนึ่งก็อดพยักหน้าไม่ได้ และกล่าวว่า “หากว่าอาจารย์จอมโหดมา เกรงว่าสามารถอดทนไปได้ถึงทะเลความชั่วร้ายชั้นที่เจ็ดได้จริงๆ”
“ฮึ มันก็ไม่แน่” ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา และกล่าวว่า “การเก็บใบชาสัจธรรมมักจะไม่เกี่ยวกับด้านศักยภาพ เป็นเพียงเหตุปัจจัยหลายอย่างประกอบเข้าด้วยกันเท่านั้น พรสวรรค์ ความตระหนักรู้ หรือกระทั่งอาจเป็นเพราะโชคชะตา ไม่แน่นักหากโชคดีก็สามารถเก็บใบชาสัจธรรมสิบสองสายได้ อาจารย์ฉวี่หังคือสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุค และมีเพียงเหรินเซิ่นเท่านั้นที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้ สำหรับพวกไร้ชื่อเสียงคนอื่นๆ ไหนเลยจะเทียบเคียงกับอาจารย์ฉวี่หังได้เล่า!”
เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่พูดออกมาเช่นนี้ บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะนักศึกษาจากศตาคารต่างก็ปิดปากอย่างรู้จักกาลเทศะ จะอย่างไรเสียหากคิดจะมีที่ยืนในศตาคาร ทางที่ดีอย่างได้ล่วงเกินต่อยุวกษัตริย์หกกระบี่ เพราะเขาเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งในศตาคาร
แน่นอนที่สุด ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า ยุวกษัตริย์หกกระบี่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกลชิดกับเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หัง จะอย่างไรเสียกู่ฉวี่หังกับนายน้อยทะยานฟ้าเป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งสหาย ขณะที่พวกของสามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ยุวกษัตริย์หกกระบี่ย่อมต้องพูดแทนกู่ฉวี่หังอยู่แล้ว
“ยุวกษัตริย์พูดได้ดี” มีนักศึกษาของศตาคารที่ฉลาด รีบเร่งกล่าวเห็นด้วยว่า “อาจารย์ฉวี่หังคืออัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของพวกเราแล้ว และมีเพียงเหรินเซิ่นเท่านั้นที่เทียบเคียงได้เท่านั้น ครั้งนั้น อาจารย์ฉวี่หังเคยเอาชนะราชันสวรรค์เต้าหลงมาหลายครั้ง ทั่วหล้านี้ก็คงมีเพียงอาจารย์ฉวี่หังเท่านั้นที่มีผลงานการสู้รบเช่นนี้”
เส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังมีเรื่องที่สามารถให้ผู้คนนำมาเป็นหัวข้อสนทนาไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของเขาที่เทียบเคียงกับเหรินหวัง จอมเทพที่มีอายุน้อยที่สุดเท่านั้น ผลงานการสู้รบที่น่าประทับใจผู้คนมากที่สุดก็คือการต่อสู้ระหว่างตัวเขากับราชันสวรรค์เต้าหลง
เล่าลือกันว่า ขณะที่ราชันสวรรค์เต้าหลงยังไม่ได้กลายเป็นราชันเซียนนั้น เคยมีเหตุการณ์การต่อสู้กับกู่ฉวี่หังถึงหกครั้งด้วยกัน ฟังว่าในการต่อสู้หกครั้งนี้ ห้าครั้งแรกล้วนแล้วแต่เป็นกู่ฉวี่หังที่เป็นฝ่ายเอาชนะราชันสวรรค์เต้าหลง
มีเพียงครั้งที่หกเท่านั้นที่ราชันสวรรค์เต้าหลงเอาชนะเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังได้
การต่อสู้ในครั้งนี้บุคคลภายนอกไม่มีผู้ใดทราบถึงรายละเอียด สุดท้ายแล้วทุกคนรู้แต่เพียงว่าเป็นราชันสวรรค์เต้าหลงที่พ่ายแพ้ติดต่อกันห้าครั้งแล้ว ในที่สุดก็สามารถเอาชนะเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังได้
ในเวลานั้นกู่ฉวี่หังยังไม่ใช่ระดับจอมเทพ ขณะที่ราชันสวรรค์เต้าหลงยังไม่ใช่จอมราชัน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุการต่อสู้ในครั้งนั้น สุดท้ายแล้วกู่ฉวี่หังไม่ได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางของเซียนหวัง แต่เลือกที่จะไปในเส้นทางของการเป็นเทพ
เวลานี้ สิ่งที่ทุกคนรับรู้ก็คือ ราชันสวรรค์เต้าหลงได้สืบทอดชะตาฟ้ามาแล้วสองครั้ง กลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าหกสาย ขณะที่กู่ฉวี่หังก็มีดวงตราสัญลักษณ์ กลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หกดวง และกลายเป็นจอมเทพที่มีอายุน้อยที่สุดในหล้า
กล่าวได้ว่า การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างกู่ฉวี่หังและราชันสวรรค์เต้าหลงในครั้งนั้น ต้องเป็นต้นทุนการสนทนาที่ดีที่สุดของเขาอย่างแน่นอน
“ในอนาคตอาจารย์ฉวี่หังจะต้องได้เป็นเทพโบราณ เทียบเคียงกับเทพโบราณกุยฝานได้แน่นอน โชคชะตาของเขายากจะมีผู้ใด้เอื้อมถึงอยู่แล้ว” ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “อาจารย์บางคนก็ไม่แน่หรอกนะ เฉกเช่นเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นที่อยู่ตรงหน้า หากอาจารย์ฉวี่หัวมาถึงต้องเข้าไปถึงชั้นที่เจ็ดได้อย่างแน่นอน ต้องเอาชนะอาจารย์บางคนได้แน่ ฮึ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์ฉวี่หังลงมือ หากเป็นข้าที่เข้าไปยังเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าอาจารย์บางคน”
ในเวลานี้ คำพูดของยุวกษัตริย์หกกระบี่ออกจะพาลยิ่งนัก คำพูดของเขาไม่นับว่าเป็นการโอ้อวด เนื่องจากในครั้งนั้นบิดาของเขาเคยมาพิเคราะห์พิจารณาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นมาแล้ว และบิดาของเขาได้ถ่ายทอดความลึกซึ้งพิสดารของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นให้กับเขา แม้ว่า หากอาศัยศักยภาพตัวของยุวกษัตริย์หกกระบี่เองคิดจะนำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นไปคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขามั่นใจว่าอาศัยความลึกซึ้งพิสดารที่ผู้เป็นบิดาถ่ายทอดให้กับเขา เขามั่นใจว่าสามารถอาศัยเล่ห์เหลี่ยมและสามารถเข้าไปถึงทะเลความชั่วร้ายชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นได้
ด้วยเหตุนี้เอง ภายในใจของยุวกษัตริย์หกกระบี่จึงมีความเชื่อมั่นอยู่เต็มเปี่ยม กล่าววาจาสามหาว ส่งสัญญาณต่อหน้าเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นว่าตนเองนั้นเหนือกว่าอาจารย์บางคน แน่นอน เขาไม่ได้ระบุชื่อหลี่ชิเย่ออกมาตรงๆ เท่านั้นเอง
“ที่พูดหมายถึงข้าใช่หรือไม่?” จังหวะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่กำลังมั่นใจเต็มเปี่ยมอยู่นั้น เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งลอยมา ดูมีความเป็นอิสระยิ่งนัก
ทุกคนหันกลับไปมองทันที มองเห็นหลี่ชิเย่ที่เก้าวเดินมาอย่างเอ้อระเหย ข้างกายยังติดตามมาด้วยหลิวจินเซิ่น
อาจารย์มาแล้ว…พลันที่มองเห็นการมาของหลี่ชิเย่ ได้ทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปมากทีเดียว โดยเฉพาะนักศึกษาจากศตาคารที่พูดประจบสอพรอเมื่อสักครู่ยิ่งตกใจเป็นการใหญ่ ต่างทยอยกันก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ไม่กล้าจ้องมองดูหลี่ชิเย่
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะมาที่นี่ด้วย แต่คำพูดที่อวดดีได้พูดออกไปแล้ว ให้เขาต้องเรียกคืนคำพูดอวดีเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีสีหน้าไม่สู้จะดีนักในเวลานี้ ในขณะนี้เขาอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงแล้วก็ไม่ได้ไปทำให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ต้องลำบากใจ เพียงแต่มองหน้าเขาทีหนึ่ง แล้วสายตาก็ไปตกอยู่บนเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น แน่นอน การที่เขามาดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นไม่ได้ต้องการหาเรื่องกับบรรดานักศึกษา แต่มีเหตุผลอย่างอื่น
หลิวจินเซิ่นที่ติดตามหลี่ชิเย่มาด้วยนั้น ขณะมองเห็นเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นนั้น สีหน้าของเขาดูประหลาดยิ่งนัก เขาจ้องมองเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นด้วยแววตาที่ดูสลับซับซ้อนยิ่ง สุดท้ายแล้วเขาทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง
“ถ้าหากข้าเป็นผู้นำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นมาสยบอยู่ที่ตรงนี้ เช่นนั้นแล้ว ข้าจะต้องกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน” หลี่ชิเย่ที่มองดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นนั่น สุดท้ายแล้วได้ละสายตากลับมา กล่าวและยิ้มจางๆ ออกมา
“เพราะอะไร?” หลิวจินเซิ่นถึงกับหลุดปากเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่เพราะอะไร” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “กล่าวสำหรับข้าแล้ว ทำอะไรต้องเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้จบ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาเพื่อให้บุญคุณความแค้นกับสถาบันศึกษาเทพเจ้าจบสิ้น ทำตามคำมั่นสัญญาของตน หรือว่าด้วยเหตุผลอื่นๆ หากเป็นข้าแล้วข้าจะต้องกลับมา เพียงแต่น่าเสียดาย จอมทระนงอเวจีกลับไม่ได้กลับมา”
“บางทีเขาอาจสำนึกผิดในความเป็นคนหนุ่มที่ประมาทเลินเล่อ และรู้สึกเสียใจ” หลิวจินเซิ่นพูดขึ้นมาแผ่วเบาว่า “ทุกคนต่างมีสภาพจิตใจในแต่ช่วงของชีวิตที่แตกต่างกัน”
“การสำนึกผิดใช่เป็นเรื่องน่าอายแต่อย่างใด หากว่าสำนึกผิดยิ่งสมควรต้องกลับมา” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ภาษิตว่า ‘คนเสเพลที่กลับตัวใหม่ แม้แต่ทองคำก็ไม่อาจแลกได้’ เพราะอะไรเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงได้ปล่อยให้เจดีย์นี้คงอยู่ตลอดมา สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นการเตือนใจ ยังเป็นการรอคอยวันนั้น”
หลิวจินเซิ่นถึงกับนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว
บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ฟังการสนทนาระหว่างหลี่ชิเย่กับหลิวจินเซิ่น แน่นอน ไม่มีนักศึกษาสักกี่คนใส่ใจในตัวของหลิวจินเซิ่น จะอย่างไรเสียภายในใจของนักศึกษาจำนวนมากเข้าใจว่า นักศึกษาของเรือนตำราล้วนแล้วแต่ไม่เท่าไร คงแข็งแกร่งไปไม่ถึงไหน ยิ่งไปกว่านั้นหลิวจินเซิ่นอายุปูนนี้แล้วเพิ่งจะเข้าศึกษาในเรือนตำรา พรสวรรค์นั้นแย่แค่ไหนย่อมสามารถจินตนาการได้แล้ว
“เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นแกร่งขึ้นไม่น้อยทีเดียว” สุดท้าย หลิวจินเซิ่นได้แต่พูดขึ้นมาเช่นนี้
“เป็นความจริงที่แกร่งขึ้นแล้หละ” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เจดีย์นี้มีประวัติความเป็นมาไม่ธรรมดา มันสยบอยู่ที่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว ได้กลืนกินเส้นชีพจรใหญ่ เหมือนรากงอกอยู่ที่ตรงนี้อย่างนั้น กล่าวสำหรับสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว อย่าว่าแต่นักศึกษาเลย ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ยากที่จะมีสักกี่คนสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของเจดีย์ไปได้ ส่วนเรื่องที่จะเอามันลงมานั้น จะมีความยากอยู่ระดับหนึ่ง สิ่งนี้ก็ไม่โทษที่จอมทระนงอเวจีได้พูดคำพูดที่ฮีกเหิมกล้าได้กล้าเสียเอาไว้ มันนับว่าเป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งอย่างแท้จริง”
“คนหนุ่มประมาทเลินเล่อ” หลิวจินเซิ่นพูดได้เพียงเท่านี้
“ฮึ สถาบันศึกษาเทพเจ้ามากด้วยมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ” ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “บางคนทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำไม่ได้! ”
ความจริงแล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่ต้องการพูดถึงกู่ฉวี่หัง เนื่องจากเขาไม่พอใจในตัวของหลี่ชิเย่ คิดจะยกเอาชื่อของอาจารย์กู่ฉวี่หังมาลดความฮึกเหิมของหลี่ชิเย่
“เจ้าหมายถึงตัวเจ้าเองรึ?” หลี่ชิเย่มองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่ทีหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “เป็นความจริงที่สถาบันศึกษาเทพเจ้านั้นเป็นสถานที่ของมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะเป็นมังกร หรือพยัคฆ์ตัวนั้นหรือไม่?”
สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่เปลี่ยนไปเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ เขามีเรื่องขัดแย้งกับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ย่อมเป็นการพุ่งเป้าต่อเขาอย่างชัดเจน