ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2061จอมทระนงอเวจี
ดวงตาทั้งสองของเหรินเซิ่นเลิกขึ้นมาทีหนึ่ง ยุวกษัตริย์หกกระบี่คือบุตรชายของจอมเทพเก้ากระบี่ เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ตายอนาถ ขณะที่จอมเทพเก้ากระบี่มีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ลองนึกภาพดู เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะยอมปล่อยให้ศัตรูที่สังหารบุตรชายของเขาลอยนวล? เขาต้องไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว!
“เจ้าไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้จบลงได้ ดังนั้นจงถอยไปเสีย” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ถ้าหากเจ้าต้องการความยุติธรรม เช่นนั้นแล้วข้าก็คือความยุติธรรม เหตุผลนี้เพียงพอแล้วกระมัง!”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของเหรินเซิ่นเปลี่ยนไป คำพูดของหลี่ชิเย่เป็นการท้าทายเขาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่มองเห็นภาพนี้แล้วได้แต่ส่ายหน้าเท่านั้น เขาขี้คร้านจะไปยุ่งด้วย เวลานี้เป็นช่วงเวลาไม่ปรกติของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นความตายของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เรื่องเช่นนี้กลับกลายเป็นไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงแล้ว
เหรินเซิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พี่ท่านออกจะพาลเหลือเกิน เวลานี้ไม่ว่าผิดหรือถูก แต่ด้วยการกระทำที่พาลเช่นนี้ของพี่ท่าน ข้าก็ต้องขอคำชี้แนะสักหน่อย ดูว่าพี่ท่านมีสิทธิ์เพียงพอที่จะทำอันธพาลเช่นนี้จริงหรือไม่!”
คำพูดของเหรินเซิ่นก็นับว่าแกร่งพอดู จะอย่างไรเสียชั่วดีก็เป็นระดับเซียนหวัง เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสี่สายในครอบครอง ย่อมไม่สามารถยอมจำนนต่อคำพูดของหลี่ชิเย่เพียงไม่กี่คำต่อหน้าสายตาของผู้คนจำนวนมากมาย
“ท้าสู้กับข้า?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาขณะมองดูเหรินเซิ่น
“ข้าไม่เจียมตัว ขอเชิญพี่ท่านสอนสั่ง” เหรินเซิ่นเอ่ยขึ้นช้าๆ “หากว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าจะไปจากทันทีและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป!”
ชื่อจริงของเหรินเซิ่นมีชื่อว่าจงเจิ้งทัว ชาติกำเนิดมาจากตระกูลจงเจิ้ง
“เป็นความจริงที่เจ้าไม่เจียมตัวจริงๆ” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “อาศัยฝีมือเพียงเช่นนี้ของเจ้ายังไม่พอ เอาเถอะ เห็นแก่ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก ไปเถอะ มาจากไหนให้กลับไปที่นั่น เรื่องนี้เจ้าไม่คู่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยวด้วย”
“นี่มันไม่เห็นใครในสายตามากเกินไปแล้ว” พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา มีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรม ออกหน้าแทนเหรินเซิ่นโดยกล่าวว่า “เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายกระมัง ถึงกับดูแคลนต่อเหรินเซิ่น เป็นใครก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้”
สีหน้าของเหรินเซิ่นเปลี่ยนไปมากทีเดียว คำพูดของหลี่ชิเย่เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ เป็นการไม่มองเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นเซียนหวังองค์หนึ่ง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งต้องขอคำชี้แนะจากสุดยอดวิชาปราศจากผู้ต่อกรของพี่ท่าน ข้าเองมีข้อเสียอยู่นิดหนึ่งตรงที่หากไม่รู้ความจริงแล้วจะไม่ยอมเลิก!” สีหน้าของเหรินเซิ่นเวลานี้ดูเย็นชา กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้ตัวของเหรินเซิ่นได้เปล่งเป็นประกายออกมา โดยที่ประกายเซียนหวังแต่ละสายค่อยๆ เบ่งบานออกมา ประกายทุกๆ สายเสมือนหนึ่งได้บุกเบิกโลกใหม่ขึ้นมาโลกหนึ่งอย่างนั้น ประกายเซียนหวังทุกสายล้วนแล้วแต่สืบทอดพลังที่ไร้ขอบเขตเอาไว้
พริบตาเดียวนั้นเอง พลังของเซียนหวังได้ปกคลุมไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้นักศึกษาทั้งหมดต่างรับรู้ถึงพลังของเซียนหวังลักษณะเช่นนี้ รู้สึกได้ว่ามีเซียนหวังองค์หนึ่งที่สยบโดยตรงต่อจิตใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาทรงตัวไม่อยู่
“จะเปิดศึกแล้ว” มีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพึมพำออกมา เมื่อมองเห็นเหรินเซิ่นเปล่งประกายออกมาทั้งตัว
“หลังจากที่เหรินเซิ่นได้เป็นเซียนหวังแล้วไม่เคยได้ลงมืออีกเลย บางที่นี่อาจเป็นการศึกครั้งแรกหลังได้เป็นเซียนหวังของเขา คุ้มค่าแก่การเฝ้ารอนะเนี่ย” มีนักศึกษาที่ถึงกับเลียริมฝีปาก กล่าวด้วยความเฝ้ารอคอยเป็นอย่างยิ่ง
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจมากนักสำหรับการท้าสู้ของเหรินเซิ่น กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่คิดอยากจะลงมือด้วยซ้ำ
“แค่เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสี่สายเท่านั้นเอง ไหนเลยต้องรบกวนคุณชาย ตาแก่อย่างข้าก็ขับไล่ไปได้แล้ว” ในเวลานี้เอง ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ลงมือ หลิวจินเซิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ได้ก้าวออกมาขวางอยู่ด้านหน้าของเหรินเซิ่น กล่าวเรียบเฉยว่า “อาศัยเจ้า ยังไม่มีสิทธิ์ท้าสู้กับคุณชายของข้า หากเจ้าต้องการสู้ ตาแก่อย่างข้าจะเล่นกับเจ้าสักหน่อย”
หลิวจินเซิ่นเป็นเพียงผู้เฒ่าคนหนึ่งไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เมื่อยืนอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่แล้วไม่มีใครไปสนใจเขามากมาย เวลานี้เข้าก้าวเดินออกมา แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเหรินเซิ่นก็ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย พูดเสียงดังใส่เหรินเซิ่นโดยตรง ไม่ได้มองเหรินเซิ่นอยู่ในสายตาเลย ทำเอาทุกคนถึงกับตะลึง
การที่หลิวจินเซิ่นก้าวออกมาแล้วพูดจาเช่นนี้ ทำเอานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างรู้สึกตกใจ การที่หลี่ชิเย่พูดจาอันธพาลก็ช่างเถอะ แต่นี่แม้แต่นักศึกษาของเรือนตำราก็กล่าววาจาเช่นนนี้ หรือว่ามีอาจารย์อย่างไรก็จะมีศิษย์อย่างนั้น
“เขาเป็นใครกันนะเนี่ย ถึงกับกล้าพูดจาเช่นนี้กับเหรินเซิ่น” มีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพึมพำออกมา
มีนักศึกษาพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “นั่นหน่ะสิ เขาสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว คิดหรือว่าการมีอาจารย์คอยหนุนหลังให้ก็สามารถยโสได้จริง ไม่ดูสภาพตัวเองบ้าง ถึงกับกล้าพูดจากับเหรินเซิ่นเช่นนี้”
เมื่อหลิวจินเซิ่นก้าวออกมาและพูดคำพูดนี้ออกมา ทำให้สีหน้าของเหรินเซิ่นเปลี่ยนไป สายตาของเขาพลันตกไปอยู่บนตัวของหลิวจินเซิ่น
แรกทีเดียวเหรินเซิ่นไม่ได้ให้ความสนใจต่อหลิวจินเซิ่นจริงๆ เขาเพียงแค่ทุ่มความสนใจไปที่หลี่ชิเย่ทั้งหมด เขายังเข้าใจว่าหลิวจินเซิ่นคือคนรับใช้ของหลี่ชิเย่
ในฐานะที่เป็นถึงระดับเซียนหวังองค์หนึ่ง เมื่อถูกหลิวจินเซิ่นที่เป็นเหมือนคนรับใช้ดูแคลน เขาจะอดกลั้นต่อไปได้อย่างไร ไม่ได้ตบฉาดออกไปก็นับว่าใจกว้างมากแล้ว
ดวงตาทั้งสองของเหรินเซิ่นพลันจ้องมองไปบนตัวของหลิวจินเซิ่น เดิมในใจที่บังเกิดความโกรธขึ้นมาเมื่อได้จ้องมองไปบนตัวของหลิวจินเซิ่นแล้ว แววตาถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง
แม้ว่าในขณะนี้หลิวจินเซิ่นได้เก็บงำพลังลมปราณในร่างทั้งหมด ไม่สามารถดูรู้ถึงความแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยของเขาได้ แต่กลับมีกลิ่นอายสายหนึ่งที่สามารถรองรับทุกสิ่งได้ เหมือนว่าจะเป็นพลังเช่นใดก็ตามเขาสามารถดูดกลืนรับเอาไว้ได้ทั้งหมด พลังในลักษณะเช่นนี้เคยปรากฏอยู่บนตัวของคนผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือจอมเทพเก้ากระบี่นั่นเอง
จะอย่างไรเสียเหรินเซิ่นคือผู้ที่ได้อยู่ร่วมกับผู้อาวุโสที่ปราศจากผู้ต่อกรมาเป็นเวลานาน จึงมีความไว้ต่อยอดฝีมือระดับนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงทำให้ภายในใจของเขาเต้นกระตุกทีหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่ากระไร?” เหรินเซิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เพื่อสงบความโกรธภายในใจของตน และกล่าวขึ้นช้าๆ
“แก่แล้ว ลืมชื่อไปแล้ว” หลิวจินเซิ่นกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากเจ้าจะสู้ ตาเฒ่าอย่างข้าเล่นเป็นเพื่อนสักหน่อยก็ได้แล้ว”
“เช่นนั้นแล้วก็ให้จินเซิ่นเล่นกับเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ช่วงนี้อารมณ์ของข้าฉุนเฉียวง่าย เกิดลงมือหนักไปแล้วสังหารเจ้าไปก็จะรู้สึกไม่สบายใจแล้ว”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เกือบทำให้เหรินเซิ่นต้องกระอักเลือดออกมา จะชั่วดีอย่างไรเขาก็คือเซียนหวังองค์หนึ่ง เวลานี้เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้วกลายเป็นนายหมูนายหมาอย่างนั้น
“ดี ข้ากลับอยากจะขอคำชี้แนะสักหน่อย” เหรินเซิ่นก็ระเบิดความโกรธขึ้นแล้ว เสียงตูมดังขึ้น พลังลมปราณพลุ่งพล่าน ฉับพลันนั้น พลังลมปราณดั่งคลื่นยักษ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงไม่มีสิ้นสุด นาทีนี้ พลังลมปราณาของเหรินเซิ่นดุจดั่งใช้ได้ไม่มีวันหมดอย่างนั้น
หลิวจินเซิ่นที่มองดูพลังลมปราณที่พลุ่งพล่านไม่มีสิ้นสุดของเหรินเซิ่น พยักหน้าและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สายเลือดไร้ขีดจำกัดนับว่าฝึกได้ไม่เลวนัก ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักหลายเพลง”
กล่าวพลาง หลิวจินเซิ่นยื่นมือขวาออกไปช้าๆ เสียงปังดังขึ้น เวลานี้มือขวาของหลิวจินเซิ่นสั่นสะเทือนทีหนึ่ง มองเห็นประกายแวบหนึ่ง พริบตาเดียวนั้นเอง แขนขวาของหลิวจินเซิ่นปรากฎเงาที่ดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มีที่พันรอบอยู่ เงาสายนี้แลดูคล้ายมีความดุดันยิ่ง มันพันอยู่บนแขนของหลิวจินเซิ่น พลันที่อ้าปากเหมือนว่าสามารถกลืนกินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างนั้น
ด้วยเงาที่ดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มีนี้แหละ ทำให้ผู้ที่พบเห็นเหมือนว่าตัวเองถูกกลืนกินไปทั้งตัวแล้วอย่างนั้น วิญญาณของตนพลันถูกกัดกินเข้าไป ทำให้รู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง หนาวไปทั้งตัว
ภายในใจของเหรินเซิ่นรู้สึกเย็นวาบ เมื่อได้เห็นเงาที่ดุดันดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มีนี้แล้ว พริบตาเดียวนั้นเองเขานึกถึงคำเล่าลือเรื่องหนึ่งที่จอมเทพเก้ากระบี่หยิบยกขึ้นมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง!
“ผู้อาวุโสคือผู้ที่ทุกคนยกย่องว่า ‘จอมทระนงอเวจี’ ใช่หรือไม่” เวลานี้เหรินเซิ่นรีบแสดงคารวะแบบจีน ท่าทีหนักแน่นจริงจัง
‘จอมทระนงอเวจี’ หลิวจินเซิ่นทอดถอนใจออกมาเบาๆ ดูกลัดกลุ้มอยู่บ้าง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเกือบจะลืมชื่อนี้ไปแล้ว ครั้งนั้นหลังจากพ่ายแพ้ให้กับเทพโบราณกุยฝานแล้ว ตาเฒ่าอย่างข้าก็ไม่เคยได้ใช้ชื่อนี้อีกเลย”
หลิวจินเซิ่นเองก็รู้สึกทอดถอนใจยิ่งนักเมื่อถูกผู้อื่นเอ่ยถึงชื่อในอดีตของตน วันเวลาที่ยโสโอหังในวันนั้นเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวานเอง
‘จอมทระนงอเวจี’ นักศึกษาที่ได้ยินชื่อนี้ล้วนแล้วแต่ตกใจจนร้องเสียงหลงออกมา ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนเท่าไรที่ต้องตกใจอย่างยิ่ง
‘จอมทระนงอเวจี’ ในเวลานี้แม้แต่นักศึกษาจากจวนราชันก็พลันเหม่อลอย พึมพำออกมาว่า “หนึ่งในนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในตำนานของสถาบันศึกษาเทพเจ้ารึ? จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง!”
กล่าวสำหรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว ชื่อของจอมทระนงอเวจีดุจดังก้องอยู่ในรูหู แม้ว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นจอมทระนงอเวจีมาก่อน แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้จักชื่อจอมทระนงอเวจีทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้เอง จอมทระนงอเวจีเคยเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุด อีกทั้งครานั้นเรื่องราวของจอมทระนงอเวจีในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้สืบทอดเล่าลือกันจนถึงทุกวันนี้ เกรงว่าเขาเป็นนักศึกษาคนแรกของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ยโสกล้าท้าสู้กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
เรียกได้ว่าตัวเขาที่เป็นนักศึกษาในครั้งนั้น สามารถเอาชนะอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ารวดเดียวถึงห้าท่าน กลายเป็นตำนานเรื่องหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ปล่อยให้ตำนานนี้สืบทอดเล่าต่อกันมาถึงทุกวันนี้ ไม่ได้มีการจัดกัดใดๆ
จอมทระนงอเวจีคือระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดวง ห่างจากจุดสูงสุดเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น เสียดาย หลังจากได้ท้าสู้กับเทพโบราณกุยฝานแล้ว ก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งมีผู้กล่าวว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว ภายใต้ฝีมือของเทพโบราณกุยฝาน
มาวันนี้ไม่นึกเลยว่า จอมทระนงอเวจียังคงอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เป็นนักศึกษาที่ไม่สะดุดตาเอาเลยของเรือนตำรา ถึงกับเป็นจอมทระนงอเวจีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ศักยภาพของนับว่าสะเทือนจิตใจมากเหลือเกิน
หลิวจินเซิ่นก็คือจอมทระนงอเวจี! เรื่องนี้สะเทือนหวั่นไหวต่อนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่หลี่ชิเย่นั่งสงบมากอยู่ตรงนั้น ขณะที่ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ไม่ได้แสดงอารมณ์หวั่นไหวอะไรมากนัก และสงบมากเช่นกัน เหมือนว่าเขารู้ถึงความจริงเรื่องนี้มาแล้ว
‘จอมทระนงอเวจี’ เวลานี้ ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่เหม่อลอย ระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงอยู่ตรงหน้านี้เอง ห่างจากทุกคนแค่เอื้อมเท่านั้น!
แม้แต่เหรินเซิ่น หลังจากได้รับการยืนยันจากหลิวจินเซิ่นแล้ว ยังต้องมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนมากทีเดียวในทันที ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว