ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2067 ราชโองการเทียนฉวน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2067 ราชโองการเทียนฉวน
ตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน ราชันเซียนไป่เลี่ยน คนหัวสิงโตลึกลับ วิหารเหล่าเทพ! ยามที่ศัตรูลักษณะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้บรรยากาศภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าตึงเครียดถึงขีดสุด เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังจะมีผู้ช่วยใดๆ อีก
เวลานี้ที่ทุกคนรู้ก็มีเพียงเซียนหวังสองประสาน เซียนหวังฝูสือ แต่ทว่า ลำพังแค่การสนับสนุนของเซียนหวังทั้งสามเท่านั้น เกรงว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะไม่ต้านภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้
แต่ นี่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นมาเท่านั้น พวกของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนเมื่อเทียบกับอันตรายที่แท้จริงแล้ว มันไม่นับเป็นอะไรได้เลย
ในขณะที่เทพสงครามร้อยแขนแห่งวิหารเหล่าเทพเพิ่งจากไปได้ไม่ถึงสองวัน ทันใดนั้น บนท้องฟ้าเกิดการเผาไหม้ขึ้นมา จากนั้นตามติดด้วยเสียงดังตูม ทันใดนั้นราชโองการสูงสุดถูกคลี่ออกมาท่ามกลางการเผาไหม้ สัจธรรมลอยล่องอยู่ท่ามกลางราชโองการ
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางโองการราชันปรากฏคทาอำนาจเล่มหนึ่งลอยอยู่ คทาอำนาจนี้เหมือนดั่งหยกขาว เปล่งสุดยอดอำนาจสูงสุดออกมา ยามที่พลังอำนาจนี้ตลบอบอวลนั้น แม้แต่จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต้องรู้สึกเย็นวาบ พลังอำนาจสายนี้เสมือนหนึ่งประทานมาจากสวรรค์ เปี่ยมด้วยพลังที่ไม่อาจขัดขืนได้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็เป็นเช่นนี้
“เทียนฉวน…” บรรดาจอมราชันเซียนหวัง และจอมเทพต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ เมื่อมองเห็นราชโองการลักษณะเช่นนี้ปรากฏ รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
“สมควรแก่เวลาที่เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าต้องร่วมมือกัน ทำลายล้างสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทั้งสามเผ่าเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันเสื่อม!” ในเวลานี้ราชโองการปรากฏสุดยอดโองการสูงสุดดังขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ปรากฏตัวอักษรใดๆ แต่สัจวาจากลับสะท้อนดังก้องอยู่ภายในใจของจอมราชันสถาบันศึกษาเทพเจ้า นี่คือจอมราชันที่อยู่ในระดับสูงสุดมีราชโองการลงมา
เทียนฉวน…อย่าว่าแต่นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเลย แม้แต่อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังถึงกับหวาดผวาจนหน้าถอดสี
เทียนฉวน ชื่อนี้เหมือนมีมนต์ขลังที่กดทับอยู่กลางใจของผู้คนอย่างนั้น สิ่งนี้คือความภาคภูมิใจของเผ่าสวรรค์ แต่กลับเป็นเงามืดของร้อยชาติพันธุ์
เทียนฉวนคือองค์กรที่ดึกดำบรรพ์และแข็งแกร่งที่สุดของเผ่าสวรรค์ ได้ชื่อว่าต้องเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าตั้งแต่สิบสายขึ้นไปจึงเข้าร่วมองค์กรนี้ได้ มันคอยบงการสถานการณ์ในหล้าตลอดมา และควบคุมทิศทางของเผ่าสวรรค์มาโดยตลอด
ยิ่งผู้ที่กุมอำนาจของเทียนฉวนในปัจจุบัน ยิ่งเป็นที่ทำให้ผู้คนต้องสลดเมื่อเอ่ยถึง นั่นก็คือราชันซื่อตี้นั่นเอง
ในสิบสามทวีป ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าสายสำนักราชันเซียนใดก็ตาม ไม่ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งเช่นใด สมควรที่เจ้าต้องหวาดกลัวต่อเทียนฉวนจึงจะถูก จะอย่างไรเสียเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต่อใหมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม มันก็เฉกเช่นมดปลวกเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
เวลานี้เทียนฉวนถึงกับประกาศราชโองการออกมาเช่นนี้ แม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าราชโองการนี้ออกมาจากผู้ใด แต่ มันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว ขอเพียงเป็นราชโองการที่มาจากเทียนฉวนก็พอแล้ว เพียงพอที่จะแทนเทียนฉวนได้!
หลังจากที่ราชโองการนี้ถูกถ่ายทอดออกมาแล้ว ทั่วฟ้าดินปรากฏเงียบสงัดไปทั่ว อย่าว่าแต่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเลย แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ไม่เผยโฉมเหล่านั้นพลันนิ่งเงียบไปทันที
การที่เทียนฉวนถ่ายทอดราชโองการออกไป เหมือนว่าเป็นการกำหนดชะตาชีวิตของสถาบันศึกษาเทพเจ้าโดยทันทีไปแล้ว ในเวลานี้ต่อให้มีเซียนหวังหรือจอมเทพที่คิดจะให้ความช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ต้องประเมินตัวเองให้ดี หากออกหน้าให้การช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าในเวลานี้ ย่อมต้องเป็นศัตรูกับเทียนฉวน ใครก็ตาม หรือผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตาม หากคิดจะเป็นศัตรูกับเทียนฉวน ก็ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
“นี่เป็นการส่งสัญญาณที่จะฆ่าล้างตระกูลเลยนะเนี่ย” มีระดับจอมเทพที่ไม่ได้เผยโฉมออกมาถึงกับพึมพำด้วยความตระหนก
“คราวนี้ เกรงว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจบสิ้นแล้ว” เวลานี้แม้แต่ราชันเซียนไป่เลี่ยนถึงกับส่ายหน้าและกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดายยิ่ง “เว้นแต่มีระดับเซียนหวังอิเย่คอยให้การสนับสนุน มิฉะนั้นหละก็เซียนหวังอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ช่วยอะไรสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้”
เมื่อเทียนฉวนได้ถ่ายทอดราชโองการลงมาแล้ว น้อยคนนักที่จะแข็งขืนกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ เว้นแต่เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้าสามารถได้เซียนหวังอิเย่มาให้การสนับสนุน หาไม่แล้ว ย่อมสามารถมองเห็นจุดจบของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อย่างสิ้นเชิงอยู่แล้ว
“ในที่สุด สำนักที่น่าอัศจรรย์แห่งหนึ่งกำลังจะรูดม่านปิดฉากลงแล้ว” เซียนหวังที่แอบอยู่ลับๆ ก็รู้สึกเสียดาย กล่าวทอดถอนใจออกมาเบาๆ
สถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราจะจบสิ้นแล้ว…เวลานี้ สีหน้าของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ขาวซีด ต่อให้พวกเขาไม่มีประสบการณ์เอาเสียเลย ก็รู้ว่าเทียนฉวนแทนสิ่งใด และรู้ว่าเทียนฉวนบ่งบอกถึงสิ่งใด!
“บางทีอาจได้เวลาที่พวกเราควรจะไปจากได้แล้ว” เวลานี้มีนักศึกษาที่รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน คิดจะถอนตัวออกไป
ก่อนหน้าที่เทียนฉวนยังไม่ได้มีราชโองการลงมา ยังคงมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังกับสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่มากทีเดียว จะอย่างไรเสียศักยภาพของสถาบันศึกษาเทพเจ้าลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเสมอมา ต่อให้อันตรายแค่ไหนก็สามารถรับเอาไว้ได้
เวลานี้เทียนฉวนได้ถ่ายทอดราชโองการลงมา มันก็คือการสั่งการให้จอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าให้ล้อมปราบสถาบันศึกษาเทพเจ้าดีๆ นี่เอง ต้องการเฉือนสถาบันศึกษาเทพเจ้าออกเป็นชิ้นแล้วแบ่งๆ กันไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้นักศึกษาที่มั่นใจในสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ต้องรู้สึกสิ้นหวังในใจ เกรงว่าการล่มสลายของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้กลายเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว.ไอลีนโนเวล.
ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยต้องการหนีไป แต่ว่า บรรดานักศึกษาเหล่านี้ก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่น่าปวดหัว เวลานี้พวกเขาอยู่ท่ามกลางโลกดึกดำบรรพ์ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะหนีออกไปได้
เทียนฉวนกำลังมาแล้ว…แม้แต่หลิวจินเซิ่นยังต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นราชโองการเทียนฉวน การลงมือของเทียนฉวนนับว่าสร้างความกดดันให้ผู้คนได้โดยแท้
“มาก็ดีแล้ว ผู้มาเยือนก็คือแขกหน่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มด้วยท่าทีที่สงบมาก ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิดและไม่ได้แปลกใจ
“ระหว่างสิบสามทวีปมีการปิดประตูเอาไว้ เวลานี้กลับมีจอมราชันเซียนหวังมากันมากมายเพียงนี้ นี่หาใช่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นกะทันหันนะเนี่ย” ท่าทีของหลิวจินเซิ่นถึงกับดูหนักแน่นจริงจัง ย่อมไม่ต้องสงสัย เมื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัยทุกคนต่างจ้องจะทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้า นี่มันหาใช่เพียงเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเท่านั้น กระทั่งภายในของร้อยชาติพันธุ์เองก็มีเซียนหวังที่ต้องการทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“ภัยพิบัติของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่นับเป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เกรงว่ามีจอมราชันเซียนหวังคิดคำนวณเอาไว้นานแล้ว พวกเขาต่างรอคอยการมาถึงของวันนี้” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “อีกอย่าง บางครั้งภัยพิบัติใช่จะเป็นเรื่องไม่ดี สามารถทำให้เจ้าได้รู้ว่าใครคือมิตร ใครจึงเป็นศัตรู”
เมื่อหลิวจินเซิ่นได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับพยักหน้าเบาๆ และทอดถอนใจเบาๆ ออกมา
ปรกติแล้ว ฐานะของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความสูงส่งเพียงใดในร้อยชาติพันธุ์ เซียนหวัง จอมเทพองค์ไหนของร้อยชาติพันธุ์ที่ไม่ให้เกียรติสถาบันศึกษาเทพเจ้าหลายส่วน โดยเฉพาะยุคที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ารุ่งเรืองเต็มที่ ทุกคนต่างยินดีเสริมแต่งสิ่งที่ดีงามอยู่แล้วให้สวยยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ว่า ยามที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัยทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีก อย่าว่าแต่การยื่นมือเข้าช่วยยามตกทุกข์ได้ยากแลย เซียนหวังและจอมเทพที่ไม่แทงสถาบันศึกษาเทพเจ้าข้างหลัง ก็นับว่าเป็นเซียนหวังและจอมเทพที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและคุณธรรมแล้ว
จากการที่เทียนฉวนได้ถ่ายทอดราชโองการลงมา พลันทำให้บรรยากาศภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าตึงเครียดจนถึงขีดสุด สำหรับราชโองการของเทียนฉวนนั้น ทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบแต่อย่างใด ยังคงรักษาความนิ่งเงียบ
ท่ามกลางความนิ่งเงียบนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดยิ่งนัก จากเวลาที่เคลื่อนผ่านไป และแล้วก็ถึงวันที่ดวงดาวขึ้นเต็มท้องฟ้าตามที่พวกราชันเซียนไป่เลี่ยนได้พูดเอาไว้
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบสงัดเป็นพิเศษ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน มองเห็นดวงดาวเป็นจุดๆ ทำให้ทั่วทั้งโลกดึกดำบรรพ์ดูงดงามยิ่งนัก และเงียบสงบเป็นพิเศษ
บางทีค่ำคืนนี้ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่เหมือนเดิม ทั่วท้องฟ้าดูเงียบสงบจนน่ากลัวไม่มีเสียงแม้แต่น้อย แม้แต่เสียงร้องโหยหวนของพวกสุนัขจิ้งจอกก็ไม่มี กระทั่งเสียงร้องของแมลงต่างๆ ก็หายสาบสูญไป เหมือนว่าพวกมันก็รู้ว่าคืนนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ดังนั้นพวกมันจึงได้หลบซ่อนตัวเอาไว้
เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองดูดวงดาวที่ปรากฏดาษดื่นเต็มท้องฟ้า มีคนที่รอคอยสิ่งนี้ และมีคนที่รู้สึกหนักอึ้งในใจเป็นพิเศษ
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์เสียงแผ่วเบาดังขึ้นเป็นระลอก ยามดึกดื่นค่ำคืน ดวงดาวแต่ละดวงที่เต็มท้องฟ้ากลับสว่างไสวขึ้นมา
ก่อนหน้านั้น ดวงดาวแต่ละดวงที่ดาษดื่นอยู่เต็มท้องฟ้าก็สว่างไสวอยู่แล้ว แต่ว่าเวลานี้กลับกลายเป็นเด่นชัดยิ่งขึ้น ดุจดั่งตะเกียงถูกทำให้สว่าง ดวงดาวมากมายแต่ละดวงจึงดูสว่างไสวมากขึ้นไปอีก
หลังจากดวงดาวจำนวนมากถูกจุดติดไปแล้ว กลับกลายเป็นงดงามยิ่งขึ้น ดูคล้ายเป็นเพชรแต่ละเม็ดที่ถูกฝังลงไปท่ามกลางสีสันยามราตรี เป็นที่ดึงดูดใจยิ่งนัก
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ในเวลานี้เอง ดวงดาวที่ดาษดื่นบนท้องฟ้าได้มีการเคลื่อนไหว ประกายดาวคล้ายดั่งสายน้ำที่รินไหลอยู่ท่ามกลางโลกดึกดำบรรพ์
ตูม…ตูม…ตูม…เวลานี้ปรากฎเสียงดังตูมตามเป็นระลอกขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงแตกละเอียดดังคร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกขึ้นมา
นาทีนี้ ช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์ได้ขยายตัวขึ้นอีกครั้ง ที่แท้พวกมันได้รับพลังแก่นสุริยันจันทรา ทำให้ช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์เกิดการขยายตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่โลกดึกดำบรรพ์ขยายตัว กฎเกณฑ์สัจธรรมที่พันธนาการช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์ปรากฎเสียงดังตึง ตึง ตึงขึ้นมาไม่ขาดสาย นาทีนี้กฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายถูกดึงจนตึงแน่นมาก เหมือนว่าพร้อมจะขาดได้ทุกเวลาอย่างนั้น
นาทีนี้ จากการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์ ทำให้พื้นที่และช่องว่างของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎเป็นรอยแยกแต่ละริ้วขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากกฎเกณฑ์สัจธรรมแตกสลายหละก็ เกรงว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะต้องแตกละเอียดไม่มีชิ้นดีโดยพลัน
ในเวลานี้ นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงได้เข้าใจว่า เพราะอะไรพวกของราชันเซียนไป่เลี่ยนจึงได้เลือกที่จะลงมือต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าขณะที่ดวงดาวดาษดื่นเต็มท้องฟ้า ที่แท้พวกเขารู้แต่แรกอยู่แล้วว่าจะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
“ตรึงเอาไว้…” เวลานี้ บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าร้องตวาดขึ้นมา ติดตามด้วยเสียงดังตูม ในเวลานี้ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงกับปรากฎแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นที่สองขึ้น ขณะนี้บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าคนอื่นๆ ต่างทยอยกันนั่งลงไปในแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นนี้ พลังลมปราณ พลังสัจธรรมทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกถ่ายทอดลงไปในแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นนี้
เสียงตูม…ดังสนั่น บรรดาผู้เฒ่าได้ปลุกแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นนี้จนตื่นขึ้นมา พลังที่ไร้ขีดจำกัด กลิ่นอายที่ขมุกขมัวพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง พุ่งตรงเข้าไปยังเจดีย์โบราณนั้น
ตึง ตึง ตึงเสียงโซ่เหล็กดังขึ้น จากการที่พลังจากแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นที่สองได้ถ่ายทอดเข้าไป ทำให้เจดีย์โบราณพวยพุ่งลวดลายเต๋าที่ไม่สิ้นสุดออกมา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็กลับกลายเป็นกฎเกณฑ์สัจธรรม กฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายที่มีขนาดเขื่องทำการพันธนาการล็อคช่องว่างของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ ทั่วทั้งฟ้าดินได้สั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง ในที่สุดบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้หยุดการขยายตัวของช่องว่างได้เป็นผลสำเร็จ
“ได้เวลาที่จะลงมือแล้ว” ครั้นมองเห็นบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนพากันปรากฎตัวจนเกือบหมดแล้ว เหลือผู้เฒ่าที่คอยรักษาการอยู่น้อมมากแล้ว ดังนั้น จึงมีผู้ที่เริ่มจะก่อความวุ่นวายขึ้นในทันที
การที่ผู้อยากจะครอบครองสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมดไม่ได้ลงมือตลอดมา เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าจำนวนผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เวลานี้เมื่อแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณแท่นที่สองปรากฎขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าเวลานี้แหละที่การเฝ้าปกป้องรักษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอ่อนแอมากที่สุด
………………………………………………………..