ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2162 ข้าก็คือข้า
ไม่ง่ายนัก กว่าฉู่ชิงหลินจะได้สติกลับมาภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ชั่วดีอย่างไรนางก็เป็นถึงระดับปราชญ์แท้จริง กลับต้องให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ เช่นนี้ แล้วจะให้นางรู้สึกสบายใจได้รึ?
ฮึ…ฉู่ชิงหลินวางกาสุราไว้บนโต๊ะ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อเจ้าแล้วพระนางต้องถูกบรรดาผู้อาวุโสกล่าวโทษ กระทั่งเสี่ยงต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง เจ้านี่ดีนะ ถึงกับแจ้นมาที่นี่แล้วยังต้องให้พระนางทรงกังวลให้กับเจ้าอีก!”
หากไม่เป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากหวังหาน นางขี้คร้านจะสนใจกับผู้ที่อวดดีเช่นนี้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เพราะอะไรหวังหานถึงได้ปกป้องเจ้าคนอวดดีผู้นี้อย่างแข็งขัน เจ้าคนอวดดีผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับท่าทีไม่พอใจและบ่นอุบของฉู่ชิงหลิน และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คิดอยากได้รับสิ่งตอบแทนมันต้องมีการลงทุน บนโลกนี้ไหนเลยมีสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องเหนื่อย ต่อให้เป็นการประจบสอพรอต่อนายก็ต้องพยักหน้าและก้มโค้ง ซึ่งต้องมีการลงทุนเช่นกัน”
ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้จิบสุราคำหนึ่ง และกล่าวว่า “คิดจะกุมอำนาจเอาไว้ก็ต้องใช้ความพยายาม และยิ่งต้องลงทุนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากหวังหานไม่สามารถจัดการกระทั่งจวนหวังของตนเองให้ราบคาบได้ แล้วจะไปกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้รึ แล้วจะไปควบคุมปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดได้อย่างไรกัน…”
“…ถ้าหากแม้นคนรอบข้างของตนเองนางยังกำราบไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วต่อให้ข้าทุ่มกำลังกายใจกับตัวของนางมากกว่านี้ก็เสียแรงเปล่า ดังนั้น เรื่องบางเรื่องนางจะต้องอาศัยตนเองไปช่วงชิงมา” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองฉู่ชิงหลินที่รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าคิดไปเองว่าหวังหานวานให้เจ้ามาคอยดูแลข้า เกรงว่าเจ้าเองอ่านใจของหวังหานไม่ออก นางต้องการให้เจ้าคอยปรนนิบัติข้าให้ดี!”
“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมากับคำพูดของหลี่ชิเย่ ตัวนางไหนเลยมีความจำเป็นต้องไปปรนนิบัติผู้ใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง? ใครบ้างที่หาญกล้าให้นางไปคอยปรนนิบัติ?
หลี่ชิเย่ไม่สนใจต่ออารมณ์ของฉู่ชิงหลิน กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “เจ้าสมควรขอบคุณหวังหาน การที่นางให้เจ้ามาปรนนิบัติข้าย่อมเป็นการบ่งชี้ว่านางมั่นใจในตัวของเจ้า หาไม่แล้ว โอกาสฟ้าประทานเช่นนี้ไหนเลยนางจะประเคนให้ใครง่ายๆ ! นางเองก็คาดหวังว่า ในอนาคตเจ้าจะสามารถช่วยเหลือนางได้อีกแรงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง”
“เพียงแต่น่าเสียดาย หวังหานยังต้องอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่งในการเปลี่ยนบทบาทของนาง นางเคยชินกับการอยู่เบื้องหลัง มาวันนี้ต้องก้าวออกมาอยู่เบื้องหน้า การตัดสินใจของนางจึงไม่รวดเร็วเฉียบขาดเพียงพอ เมื่อไรที่นางสามารถเปลี่ยนบทบาทตัวเองได้แล้ว ก็ต้องควบคุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้อย่างแน่นอน และเหมาะสมกับตำแหน่งของกษัตริย์!” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้วางจอกสุราลง เคาะโต๊ะเบาๆ แล้วสั่งการออกมาว่า “รินให้เต็มสิ!”
“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนต้องจ้องตาเขม็งต่อหลี่ชิเย่ เจ้าคนอวดดีมันทำเกินไปแล้วจริงๆ
แต่ทว่า เรื่องโมโหส่วนโมโห ฉู่ชิงหลินเหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ถูกบรรยากาศของความสมเหตุสมผลครอบงำ แม้ว่าในใจของนางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ ท้ายที่สุดแล้วยังคงยกเอากาสุราขึ้นมาและรินจนเต็มจอกด้วยตนเอง
จูซือจิ้งที่มองเห็นท่าทีที่โกรธเคืองของฉู่ชิงหลิน และไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วยังคงรินสุราจนเต็มจอกให้กับหลี่ชิเย่แล้ว นางถึงกับต้องป้องปากเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ในเมื่อมาปรนนิบัติทั้งทีก็ต้องปรนนิบัติข้าให้ดี” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ไม่เช่นนั้นล่ะก็หวังหานจะมอบโอกาสนี้ให้เจ้าอย่างนั้นรึ? นางมาด้วยตนเองก็พอแล้ว การที่นางสามารถมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า ในอนาคตขณะนางได้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วนั้น จะมีใครสักคนที่แข็งแกร่งมากมาช่วยเหลือนางสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็แค่นั้น”
“ฟังคำของเจ้าแล้วเหมือนว่าเจ้าสามารถช่วยให้พระนางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์กษัตริย์ได้อย่างนั้น” ฉู่ชิงหลินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และกล่าวว่า “ในขณะนี้คลื่นใต้น้ำของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ละฝ่ายต่างจ้องมองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตาเป็นมัน ผู้มีสิทธิ์รับการคัดเลือกเป็นกษัตริย์มีอยู่ไม่น้อย อีกทั้งล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นว่าพวกของซี๋วจื้อเจี๋ย ไม่ว่าจะด้านคุณสมบัติหรือผู้ให้การสนับสนุน ไม่เห็นว่าจ้ะด้อยไปกว่าพระนาง! การที่พระนางจะก้าวจากราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย!”
คำพูดของฉู่ชิงหลินนับว่าเป็นความจริง เรื่องสภาพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี การที่หวังหานต้องการก้าวจากตำแหน่งราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์นั้น ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก แม้จะกล่าวว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็เคยมีผู้หญิงเป็นกษัตริย์มาก่อน แต่ว่า หวังหานเริ่มต้นจากการเป็นราชินี ต่อให้นางมีชาติกำเนิดมาจากจวนหวังก็ตาม การที่จะก้าวจากราชินีกลายเป็นกษัตริย์นั้น ขั้นตอนนี้มีความยากเย็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว
หวังหานคิดจะกุมอำนาจใหญ่ต้องถูกหลายๆ ฝ่ายคัดค้านแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์ หรือกองกำลังซั่งล้วนแล้วแต่ไม่ให้การสนับสนุนนางได้เป็นกษัตริย์อยู่แล้ว แม้แต่ภายในจวนหวังเองก็ไม่แน่ว่าจะให้การสนับสนุนต่อนาง ดังนั้น สถานการณ์ของหวังหานนั้นมีความยากเข็ญยิ่งนัก ลำพังแค่นางจะช่วงชิงให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนหวังก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว
“แค่ตำแหน่งกษัตริย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าจะบ่มฟักราชันแท้จริงสักคน หรือบ่มฟักปฐมบรรพบุรุษสักคน มันจะไปยากเย็นอะไร แค่พลิกฝ่ามือเท่านั้นเอง ข้าอยากจะดันให้ใครขึ้นไปก็ดันใครขึ้นไป แน่นอน ต้องดูว่านางเองมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งนี้หรือไม่” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไร และพูดไปตามอารมณ์อย่างยิ่งสำหรับข้อสงสัยของฉู่ชิงหลิน
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ฉู่ชิงหลินถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีตะลึงงันอยู่บ้าง ถ้าหากนางไม่ได้เห็นกับตาตนเองว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนเสียสติล่ะก็ นางต้องเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ต้องป่วยเป็นโรคจิตอย่างแน่นอน คำพูดที่อวดดีเช่นนี้ยังพูดออกมาได้
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ราชันแท้จริง หรือว่าปฐมบรรพบุรุษ!” ฉู่ชิงหลินส่งเสียงฮึออกมาอย่างไม่พอใจ และกล่าวว่า “ตำแหน่งกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหาใช่ใครคนใดคนหนึ่งสามารถกำหนดได้ ต่อให้สำนักและตระกูลขุนนางโบราณนอกวงราชการไม่มาก้าวก่ายก็ตาม บรรดาสำนักและตระกูลขุนนางโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่ในราชสำนักก็จะต้องแย่งชิงกันเต็มที่! คิดจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหาใช่ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาก็เป็นได้ มันถูกตรึงและควบคุมเอาไว้ซึ่งกันและกันระหว่างหอศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังซั่ง จวนหวัง และค่ายฉู่ ใครจะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ต้องอาศัยผลของการประนีประนอมจากขั้วอำนาจต่างๆ ในที่สุด”
ที่ฉู่ชิงหลินพูดมานั้นเป็นความจริง ตำแหน่งกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใช่ว่าอาศัยคนใดคนหนึ่งสามารถชี้ขาดได้ ใครจะได้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องมาจากผลการประนีประนอมขั้นสุดท้ายของแต่ละฝ่าย
แม้แต่ขั้วอำนาจทั้งสี่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็ตาม ภายในของแต่ละขั้วอำนาจก็ต้องมีการตกลงกัน เฉกเช่นหอศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น ภายในหอศักดิ์สิทธิ์เองก็แบ่งออกเป็นแดนอุดร และบ้านทักษิณ ถ้าหากจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยที่มีชาติกำเนิดมาจากแดนอุดรต้องการได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากหอศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ นอกจากตัวเขาจะต้องกลายเป็นผู้นำของแดนอุดรแล้ว จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมให้บ้านทักษิณยอมหันมาสนับสนุนเขา มิฉะนั้นล่ะก็ ทางบ้านทักษิณก็จะส่งตัวแทนออกมาชิงตำแหน่งด้วยอีกคน เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นการบั่นทอนกำลังของหอศักดิ์สิทธิ์ให้อ่อนลง
“พวกเจ้าคือพวกเจ้า ข้าคือข้า” หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “กฎเกณฑ์ของพวกเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ ข้าบอกว่าใครสามารถเป็นกษัตริย์ได้ ใครก็ได้เป็นกษัตริย์! จะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังซั่งอะไรนั่นมันก็แค่ก้อนเมฆที่ลอยอยู่เท่านั้น ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสำนักและตระกูลขุนนางโบราณต่างๆ มีจำนวนเป็นหมื่นพัน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ขอเพียงแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมยังคงอยู่ ข้าก็คือผู้บงการของที่นี่ เข้าใจหรือไม่”
ฉู่ชิงหลินถึงกับตะลึงงัน ยืนเซ่อจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ นางยืนยันได้ว่า ผู้ที่อวดดีอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนเสียสติอย่างแน่นอน และไม่ใช่ผู้ที่อวดดีและโง่เขลาอะไรนั่น ปัญหาก็คือพลันที่เขาเอ่ยปากก็ทำคนตกใจแทบแย่!
นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า เจ้าคนที่แลดูธรรมดาๆ คนนี้ที่อยู่ตรงหน้ามีฝีมืออะไรกันแน่ สามารถกำราบหอศักดิ์สิทธิ์ กองกำลังซั่งที่เป็นขั้วอำนาจใหญ่เหล่านี้ เขามีต้นทุนอะไรสามารถสยบสำนักและตระกูลขุนนางโบราณได้ทั้งหมด และดันให้ราชินีหวังหานก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ได้โดยตรง! ฉู่ชิงหลินคิดไม่ออกอย่างสิ้นเชิงถึงความลึกซึ้งพิสดารที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
ถ้าหากจะกล่าวว่า ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีใครที่สามารถอาศัยมือข้างเดียวปิดบังฟ้าได้ ใครที่สามารถสยบทุกปัญหาได้ล่ะก็ เว้นแต่เวลานี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถให้กำเนิดราชันแท้จริงสักคน มีเพียงราชันแท้จริงที่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้ถึงขั้นอาศัยฝ่ามือเดียวปิดบังฟ้าได้ และสามารถทำได้ถึงขั้นที่บรรดาสำนักและตระกูลขุนนางโบราณภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดพูดอะไรไม่ออก มิฉะนั้นแล้ว มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นความฝันของคนปัญญาอ่อนเท่านั้น!
“ดังนั้น เจ้าจึงควรทะนุถนอมโอกาสนี้จึงจะถูก” ขณะที่ฉู่ชิงหลินกำลังใจลอยอยู่นั้น หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและยื่นจอกสุราในมือไปข้างหน้า
ขณะที่เวลานี้ฉู่ชิงหลินได้รินสุราจนเต็มจอกให้กับหลี่ชิเย่โดยไม่รู้ตัว เป็นลักษณะที่สำนึกได้โดยสิ้นเชิง ท่วงท่าก็เป็นไปตามธรรมชาติยิ่งนัก ไม่ได้เหนือความคาดคิดแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เหมือนหนึ่งว่านาทีนี้นางก็คือสาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างกายหลี่ชิเย่เท่านั้น
“ฮึ อวดดี” เมื่อฉู่ชิงหลินได้สติกลับมา นางถึงกับรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้านผ่าวเมื่อพบว่าตนเองนั้นได้รินสุราให้กับหลี่ชิเย่อย่างว่าง่าย ถึงกับส่งเสียงฮึอและเอ่ยขึ้น
“จะอวดดีหรือไม่ข้าไม่รู้หรอกนะ ที่ข้ารู้ก็คือหากเจ้ายังคงไม่ยอมร่วมมือกับข้าอีก เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นราชันแท้จริง ต่อให้พรสวรรค์เจ้าสูงส่งยิ่งก็ตาม ความสามารถในการบรรลุเข้าถึงดีกว่านี้ เกรงว่าก็คงไม่สามารถก้าวข้ามวิบากเต๋านี้ไปได้ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะได้แต่ความว่างเปล่าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ
“คำพูดที่หลอกให้กลัว!” ฉู่ชิงหลินเพียงส่งเสียงฮึขึ้นมาสำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่ พูดน้ำเสียงเย็นชาไปว่า “เรื่องของข้าเอง มีรึข้าจะไม่เข้าใจ? ฮึ เจ้าที่เป็นเพียงบุคคลภายนอกจะไปรู้เรื่องอะไร”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะที่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้ารู้แต่เพียงเจ้าอาศัยสัจธรรมของราชันแท้จริงฉู่ขวางที่เชื่อมไปยังสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหงนั้น การเชื่อมต่อไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก ต่อให้เคล็ดวิชาของราชันแท้จริงฉู่ขวางกล้าแข็งเพียงใดก็ตาม แต่จะอย่างไรเสียมันก็วิวัฒนาการขึ้นมาจากสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษ หากคิดจะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้ให้ได้ไกลยิ่งกว่านี้อย่างแท้จิรงล่ะก็ ทางที่ดียังคงเริ่มต้นการฝึกจากพลังภายในขั้นพื้นฐานของปฐมบรรพบุรุษจะเหมาะสมกว่า การฝึกด้วยวิธีนี้พื้นฐานจะแน่นว่าการฝึกโดยทางลัดใดๆ ทั้งสิ้น…”
“…น่าเสียดาย บนโลกนี้คนโง่เขลามีมากเหลือเกิน ต้องการเห็นผลรวดเร็วทันใจ ละทิ้งไม่ฝึกพลังภายในขั้นพื้นฐาน กลับไปฝึกเคล็ดราชันที่ได้ชื่อว่ามีความแข็งแกร่งและชั้นสูงมากกว่า ถ้าหากพลังภายในขั้นพื้นฐานใช้การไม่ได้ ผู้เฒ่ากำแหงก็คงไม่อาศัยพลังภายในขั้นพื้นฐานที่สุดของ ‘คัมภีร์กำแหง’ ไปหลอมกลั่นแผ่นดินเต๋า ก่อสร้างรากฐานเต๋าสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด!” หลี่ชิเย่มองหน้าฉู่ชิงหลินทีหนึ่งด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในใจของฉู่ชิงหลินถึงกับตระหนกเมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว เนื่องจากสภาพที่นางเป็นอยู่ขณะนี้หลี่ชิเย่สามารถพูดออกมาได้ถูกต้อง
ความจริงแล้ว บรรดาบรรพบุรุษบางส่วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็รู้ดีว่า เป็นความจริงที่เคล็ดวิชาของราชันแท้จริงฉู่ขวางนั้นเป็นการวิวัฒนาการมาจากสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหง และยังคงไม่สามารถก้าวล้ำผู้เฒ่ากำแหงไปได้
เพียงแต่ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่า พรสวรรค์ของฉู่ชิงหลินสูงกว่านั้น จึงไม่ควรเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดวิชาพลังภายในขั้นพื้นฐาน การกระทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองเกินไป
……………………………………………………