ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2228 หุบเขาร้อยบุปผา
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2228 หุบเขาร้อยบุปผา
สภาพดินฟ้าอากาศของหุบเขาร้อยบุปผาดั่งวสันตฤดูตลอดทั้งปี ภายในหุบเขาเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา มีหญ้าหลินจือขึ้นอยู่เต็มไปหมด มีดอกไม้ประหลาดที่เบ่งบาน มีกิ่งหลิวที่เคลื่อนไหวอ่อนช้อยยามต้องลม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหญิงงามที่เดินเข้าออก
ภายในหุบเขาร้อยบุปผาสามารถพานพบหญิงงามได้ทุกที่ หญิงงามแต่ละนางล้วนมีความงามที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าสาวงามมีกันมากมายดั่งดอกเห็ด
ท่ามกลางหุบเขาร้อยบุปผา สามารถพบเห็นสาวงามที่สูงส่งเย่อหยิ่งและงดงามเย็นชาดั่งดอกเหมยกำลังรดน้ำดอกไม้ประหลาด สามารถมองเห็นหญิงสาวที่น่ารักถูกใจยิ้มแบบไร้เดียงสากำลังไล่กวดกวางหมีลู่ และยังสามารถมองเห็นหญิงงามที่งดงามนุ่มนวลโอนอ่อนผ่อนตามกำลังเก็บสมุนไพรวิเศษ…
กล่าวได้ว่า หุบเขาร้อยบุปผานี้ไม่เพียงแต่มีภูมิอากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังมีหญิงงามมากมาย ทำให้ผู้ที่มาถึงหุบเขาร้อยบุปผาแล้วล้วนแล้วแต่เดินดูเพลินจนลืมกลับบ้าน
การเข้ามายังหุบเขาร้อยบุปผาของหลี่ชิเย่นั้น ได้ดึงดูดสายตาของสาวงามมากมาย มีสาวงามที่เม้มปากหัวเราะเบาๆ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ มีสาวงามที่ดูหยิ่งทระนงเยื่อกเย็น แค่มองดูอย่างเย็นชาแวบหนึ่งเท่านั้นเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ และมีสาวงามที่พยักหน้าทักทายและแสดงออกถึงความเป็นมิตรเมื่อได้เห็นหลี่ชิเย่…
สาวงามมากมาย เรียกได้ว่ามองดูจนตาลายไปหมด หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายอื่นมาอยู่ในสถานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เกรงว่าคงอดที่จะทำจิตใจให้สงบลงได้ แต่ว่าหลี่ชิเย่ที่มองดูเหล่าสาวงามมากมายเหล่านั้นแล้ว ก็เพียงแค่ยิ้มเฉยเมยเท่านั้นเอง ก้าวเดินไปช้าๆ อย่างมีความสุข ชื่นชมกับทิวทัศน์ที่งดงามของหุบเขาร้อยบุปผาอย่างละเอียด
การปรากฏตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่หุบเขาร้อยบุปผากะทันหันก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับศิษย์สาวภายในหุบเขาแล้ว ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ หลี่ชิเย่ยังเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะอีกด้วย
ดังนั้น เมื่อข่าวเช่นนี้แพร่ออกไปแล้ว ศิษย์สาวของหุบเขาร้อยบุปผาต่างทยอยกันออกมาดู แน่นอนที่สุด ศิษย์สาวจำนวนมากยังคงมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่งแต่ไกล ท่าทางดูประหลาดใจ และเอียงอายอยู่บ้าง จะอย่างไรเสีย ศิษย์ผู้ชายน้อยคนนักที่สามารถเข้ามาพักอาศัยอยู่ในหุบเขาร้อยบุปผาได้อยู่แล้ว
บรรดาศิษย์สาวที่อยากรู้อยากเห็นบางส่วนได้แอบเล็งดูหลี่ชิเย่หลายทีแล้วเม้มปากหัวเราะเบาๆ และมีศิษย์สาวบางส่วนที่ใจกล้าขึ้นมาหน่อยก็จะทำชี้มือชี้ไม้และนินทางลับๆ กับเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน
หลังจากที่หลี่ชิเย่ซึ่งเป็นผู้ชายได้เข้ามายังหุบเขาร้อยบุปผาแล้ว ได้ทำให้เกิดลูกคลื่นขึ้นมาไม่น้อยทีเดียว และทำให้ศิษย์สาวจำนวนไม่น้อยทยอยกันหยุดมองดู เหมือนว่าหลี่ชิเย่ในเวลานี้ก็คือลิงที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนไม่น้อย
แน่นอน หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจที่จะถูกใครมองอยู่แล้ว ก้าวเดินโดยแฝงรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางเป็นไปตามธรรมชาติ
การที่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งมาเดินอยู่ในหุบเขาร้อยบุปผาของพวกนาง โดยที่ไม่แสดงท่าทางที่เคอะเขินแลดูเป็นอิสระ ก็ได้ทำให้ศิษย์สาวจำนวนมากต้องชำเลืองตามอง
จะไปโทษบรรดาศิษย์สาวเหล่านี้ที่มีความอยากรู้อยากเห็นก็ไม่ถูก ประการแรก ตลอดเวลาที่ผ่านมาหุบเขาร้อยบุปผาก็มีศิษย์ที่เป็นชายน้อยคนนักที่ได้เข้าไปพักอาศัย ต่อให้มีก็จะเป็นกรณีพิเศษมากๆ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งนี้ถูกแขวนว่างเอาไว้ตลอดมา
เนื่องจากตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งนั้นโดยทั่วไปแล้วก็คือผู้สืบทอด ถ้าหากถูกคิดเลือกให้อยู่ในตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งล่ะก็ ในอีกแง่มุมหนึ่งก็จะเป็นผู้สืบทอดของหุบเขาอมตะในอนาคต และคือผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
แต่ว่า เวลานี้นักพรตฉางเซินอายุยังน้องมาก มีทักษะยุทธที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ได้รับการยกย่องจากทุกระดับชั้นในหุบเขาอมตะ และทุกฝ่ายในแดนลัทธิพรรษ ณ ขณะนี้จึงยังไม่ใช่วลาที่หุบเขาอมตะจะต้องแต่งตั้งผู้สืบทอดขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้เอง ตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะจึงว่างเว้นมาโดยตลอด เวลานี้จู่ๆ ก็มีศิษย์อันดับที่หนึ่งโผล่ขึ้นมากะทันหัน แล้วจะไม่ให้รุ้สึกแปลกใจกันได้อย่างไร
ถ้าหากเป็นสภาพการณ์ปรกติ การที่คนเช่นหลี่ชิเย่โผล่ขึ้นมาแล้วเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะพวกเขา จะต้องถูกมองว่าเป็นพวกแอบอ้างอย่างแน่นอน
แต่หลี่ชิเย่กลับถือหนังสือที่เป็นลายมือของนักพรตฉางเซินเจ้าหุบเขาของพวกเขามาด้วย อย่างอื่นสามารถปลอมได้ แต่ว่าหนังสือที่เป็นลายมือของนักพรตฉางเซินเจ้าหุบเขาของพวกเขาไม่สามารถปลอมได้ ดังนั้น กล่าวได้ว่าตำแหน่งศิษย์อันดับที่หนึ่งของหลี่ชิเย่เป็นของจริงแท้อย่างแน่นอน ไม่สามารถปลอมแปลงได้อยู่แล้ว
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินเข้าไปภายในหุบเขาร้อยบุปผานั้น ศิษย์อันดับที่หนึ่งเช่นหลี่ชิเย่คนนี้ดูไปแล้วเสมือนดั่งเป็นบุตรเขยอย่างนั้น ดึงดูดให้สาวๆ จำนวนมากมามุงดู มีสาวๆ จำนวนไม่น้อยที่เม้มปากหัวเราะเบาๆ เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่
แต่ว่า หลี่ชิเย่นั้นหน้าหนา และผ่านอุปสรรคมามากมาย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังคงมีท่าทีที่เฉยเมย เดินไปช้าๆ อย่างมีความสุข เดินไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาร้อยบุปผาและสาวงามไปพลาง
“นับเป็นจอมกักขฬะที่ใจกล้ามากคนหนึ่งจริงๆ” เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ชื่นชมทิวทัศน์และสาวงามของหุบเขาร้อยบุปผาอย่างสบายอกสบายใจอย่างนั้นแล้ว ศิษย์สาวของหุบเขาร้อยบุปผา ถึงกับแสร้งทำเป็นด่าเสียงแผ่วเบาออกมา
เป็นความจริงที่หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ที่งดงามของหุบเขาร้อยบุปผา หรือจะเป็นสาวงามเขาก็จะมองดูอย่างละเอียด แววตาของเขาพาลอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นสาวงามที่ไม่คุ้นเคยเขายังคงพินิจพิเคราะห์นางอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ลิ้มลองสาวงามที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
แต่ว่า ผู้หญิงย่อมหน้าบางกว่ามากทีเดียว ไม่มีศิษย์สาวคนใดในหุบเขาร้อยบุปผาสามารถรองรับกับสายตาที่อันธพาลได้ ภายใต้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคุกคาม ผู้หญิงเหล่านั้นล้วนแล้วแต่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่า เวลานี้ เสียงก่นด่าจากการเสแสร้งว่าโกรธดังขึ้นไม่ขาดสาย ศิษย์สาวจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกโกรธกับท่าทางที่อันธพาลของหลี่ชิเย่ ไม่กล้าสบตากับเขาโดยตรง ทยอยกันด่าเขาว่าจอมกักขฬะ
กล่าวได้ว่า ศิษย์อันดับที่หนึ่งเช่นหลี่ชิเย่ผู้นี้ยังมีผู้คนจำนวนมากไม่รู้จักชื่อของเขา แต่คำว่าจอมกักขฬะชื่อนี้กลับกลายเป็นฉายาของหลี่ชิเย่ไปแล้ว
การเสแสร้างเป็นโกรธและด่าว่ากระทบ เสียงนกเสียงกาฟังแล้วก็ดูจะสบายเป็นพิเศษ และไพเราะเสนาะหูเป็นพิเศษ แน่นอน ก่อนอื่นผู้นั้นจะต้องหน้าหนาพอ จึงสามารถทนฟังผู้หญิงจำนวนมากด่าว่าเจ้าเป็นจอมกักขฬะแล้วยังรู้สึกสบายได้
หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจต่อการด่าว่าเขาเป็นจอมกักขฬะจากศิษย์สาวเป็นจำนวนมาก เขายังคงมีรอยยิ้มที่สดใสและท่าทางที่เป็นธรรมชาติ
“นับว่าเป็นจอมกักขฬะโดยแท้!” ครั้นเห็นว่าหลี่ชิเย่นั้นมีรอยยิ้มที่อิ่มอกอิ่มใจยิ่งบนใบหน้า โดยที่ไม่รู้สึกเคอะเขินหน้าแดงแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้ศิษย์สาวจำนวนไม่น้อยต้องโมโหกับสิ่งนี้
เวลานี้ ในหุบเขาร้อยบุปผาเต็มไปด้วยคำด่าที่เสแสร้งดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งหุบเขาร้อยบุปผาดูคึกคักยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ศิษย์ของหุบเขาอมตะได้จัดการให้หลี่ชิเย่ได้เข้าพักเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเขาเป็นศิษย์ผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวของหุบเขาร้อยบุปผา ดังนั้น ไม่สามารถพักร่วมอยู่กับศิษย์สาว เขาได้พักอยู่ในบ้านหลังหนึ่งที่มีลานบ้านซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่ห่างไกลออกไปเพียงคนเดียว ดูเหมือนเขาจะพอใจและเป็นอิสระ
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับการจัดให้เข้าพักเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก เขาหลับตาพักผ่อนกายา ฝึกบำเพ็ญเพียรไปเงียบๆ กล่าวได้ว่าในหุบเขาอมตะนั้นเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต การฝึกปรือ ณ สถานที่ที่มีลักษณะเช่นนี้นับว่าดีที่สุดแล้ว การฝึกปรือในสถานที่ที่มีชีวิตชีวาคึกคักเช่นนี้ ทำให้เวลาฝึกปรือแล้วรู้สึกมีพลังชีวิตมากเป็นพิเศษ
หลี่ชิเย่เพิ่งจะเข้าพักก็มีคนมาเยี่ยมเยียนแล้ว อีกทั้งคนที่มานั้นคือยอดสาวงามคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้มีคิ้วสีเขียวแกมน้ำเงินดั่งมายา นัยน์ตาคู่นั้นทั้งกลมและโต เสมือนหนึ่งสามารถพูดได้ นัยน์ตาใสๆ คู่นี้ดูน่าประทับใจอย่างยิ่ง ใช่เพียงแค่พูดได้เท่านั้น ในขณะเดียวกันมันยังส่งประกายเจ้าเล่ห์แวบวับออกมา คล้ายดั่งเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยๆ อย่างนั้น
ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้างามดั่งดอกท้อ มีผิวที่นุ่มนวลสีขาวอมชมพู ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางที่ดูดีและเบิกบานใจยิ่งมีพลังทำให้คล้อยตามยิ่งนัก ทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสนิทชิดใกล้อย่างยิ่ง
นางสวมชุดสีแดงอ่อนทั้งชุด กระโปรงและเสื้อที่ติดกันเป็นชุดเดียวกัน ยิ่งเป็นการเน้นให้เห็นถึงความงดงามของาง แม้ว่ารูปร่างของนางจะเทียบไม่ได้กับหวู่ปิงหนิงระดับนั้น และเทียบไม่ได้กับนักพรตฉางเซิน แต่กลับมีเสน่ห์ที่รุนแรงมาก มีความรู้สึกถึงความใกล้ชิดที่รุนแรงยิ่ง
“ศิษย์น้องฟ่านเมี่ยวเจิน คารวะศิษย์พี่ใหญ่” พลันที่ผู้หญิงได้พบกับหลี่ชิเย่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีของคนแปลกหน้า กลับเปี่ยมด้วยไมตรียิ่ง ก้มศีรษะต่อหลี่ชิเย่ และท่าทางดูเหมาะเจาะยิ่งนัก
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาร้อยบุปผานามว่าฟ่านเมี่ยวเจิน และนับเป็นยอดฝีมือด้านการปรุงกลั่นยาในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของหุบเขาร้อยบุปผา เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลคนหนึ่ง
หลี่ชิเย่พินิจพิเคราะห์ฟ่านเมี่ยวเจินที่อยู่ตรงหน้า มองดูทั้งตัวอย่างละเอียด เหมือนต้องการมองดูฟ่านเมี่ยวเจินจนกว่าจะพอใจอย่างนั้น
เทียบกับศิษย์สาวคนอื่นๆ ที่มีท่าทีเขินอายแล้ว นับว่าฟ่านเมี่ยวเจินดูกล้าหาญกว่ากันมากทีเดียว นางยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ มีกิริยาท่าทางที่สง่า ปล่อยให้หลี่ชิเย่มองดูไปตามอารมณ์ กระทั่งเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วนางจึงได้เม้มปากหัวเราะเบาๆ ยิ้มหวานและกล่าวว่า “มิน่าล่ะเหล่าพี่น้องต่างบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่เป็นจอมกักขฬะคนหนึ่ง ดูไปแล้วก็เป็นจอมกักขฬะจริงๆ มีที่ไหนกันที่ศิษย์พี่จ้องมองดูสาวๆ แบบนี้กัน ไม่ว่าสาวคนไหนก็รับกับการจ้องมองของผู้ชายเช่นศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้ได้”
“แต่ว่า เจ้ารับได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่านั่งที่ไม่เกรงใจใคร แม้ว่าจะดูธรรมดาและอิสระเสรี แต่ว่าลักษณะที่ดูธรรมดาและมีความเป็นอิสระเสรี แสดงให้เห็นถึงความอันธพาลของเขา
“เพราะข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ไง หากแม้แต่ข้าก็เขินอายเหมือนดั่งเด็กสาวคนหนึ่ง ต่อไปในหุบเขาร้อยบุปผาแห่งงนี้จะมีใครมาปรนนิบัติศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นผู้ชายได้เล่า อย่างไรเสียก็ต้องมีคนที่หน้าหนาคนหนึ่งมาคอยปรนนิบัติศิษย์พี่ใหญ่ท่านกระมัง” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้กะพริบตาที่ใสแจ๋วคู่นั้นทีหนึ่ง
หลี่ชิเย่ยิ้มเมินเฉยและกล่าวว่า “เรื่องนี้คงพูดยากนะ ไม่แน่นะรสนิยมของข้ามีความพิเศษอยู่คนเดียว ชอบผู้หญิงที่หน้าแดง ผู้หญิงที่กล้ามากเกินไป เกรงว่าจะทำให้ข้าตกใจจนวิ่งหนี”
ถ้าหากมีผู้หญิงคนอื่นๆ อยู่ในเหตุการณ์ล่ะก็ ต้องดูแคลนในคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่อย่างแน่นอน คำพูดคำนี้ดูจะไร้ยางอายเสียจริงๆ
“ถ้าหากสามารถทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ตกใจวิ่งหนีไปได้นั้น ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่ในกล้าเพียงใด เกรงว่าข้าคงทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ตกใจจนวิ่งหนีไม่ได้” ฟ่านเมี่ยวเจินกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่อิสระเสรีหัวเราะขึ้นมา และมองดูฟ่านเมี่ยวเจินไปตามอารมณ์ยิ่งนัก สายตาของเขาไม่ได้สำรวมอะไรเลย ช่างกำเริบเสิบสาน และช่างดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
“หากศิษย์พี่ใหญ่ยังคงจ้องมองเช่นนี้ต่อไปอีก น้องก็จะรู้สึกไม่สบายไปทั่วทั้งตัวแล้วล่ะ” ฟ่านเมี่ยวเจินถึงกับแสร้งทำเป็นโกรธขึ้นมา นัยน์ตาที่ใสแจ๋วคู่นั้นมองเห็นประกายตาที่วูบวาบขึ้นมา
“ภาษิตว่า มีอาจารย์เช่นใดย่อมมีศิษย์เช่นนั้น ศิษย์ของนักพรตฉางเซินย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว
“ไม่ คำพูดนี้ของศิษย์พี่ใหญ่ใช้ผิดคนแล้ว” ฟ่านเมี่ยวเจินยิ้มนิดหนึ่งจ้องมองหลี่ชิเย่แล้วกล่าวว่า “คำพูดนี้ควรจะใช้กับศิษย์พี่ใหญ่จึงจะถูกต้อง แต่ไม่ใช่กับข้า มีอาจารย์อย่างไรย่อมมีศิษย์อย่างนั้น จะต้องหมายถึงศิษย์พี่ใหญ่ และมีเพียงอาจารย์ที่เป็นผู้มองการณ์ไกลเช่นนี้จึงมีศิษย์เช่นศิษย์พี่ใหญ่ได้ ความสูงเด่นของศิษย์พี่ใหญ่ต้องทำให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายได้เปิดหูเปิดตาในอนาคตแน่นอน ภายภาคหน้าน้องยังคงต้องพึ่งพาอาศัยศิษย์พี่ใหญ่สนับสนุน”
ครั้นฟ่านเมี่ยวเจินเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ได้ย่อตัวลงเบาๆ ท่าทางดูสงบนิ่งและมีความเหมาะเจาะยิ่ง
“ถือเป็นการล้วงความลับข้าของเจ้าอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่มองดูฟ่านเมี่ยวเจินและยิ้มกล่าว
“มิกล้า น้องก็แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น” นัยน์ตาขงอฟ่านเมี่ยวเจินเผยถึงความเจ้าเล่ห์ออกมา หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “อีกอย่าง อาศัยความสามารถน่าอัศจรรย์ของศิษย์พี่ใหญ่ เหล่าพี่น้องไหนเลยกล้าหยั่งเชิงต่อศิษย์พี่ใหญ่กันเล่า”
“นับว่าวอนถูกตีเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเองคิดจะหยั่งเชิงข้าก็พูดออกมาตรงๆ จะดีกว่า ไม่ต้องไปลากเอาพี่น้องของเจ้าออกมาอ้าง”
……………….