ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2247 มรรคผลลูกสน
พลันที่ได้ยินชื่อของสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะ ไม่รู้ว่าสามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้เท่าไร ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่หูผึ่งทันที ล้วนแล้วแต่ต้องการสืบข่าวลือเช่นนี้
ชื่อของสามอนงค์หุบเขาอมตะมีชื่อเสียงขจรไกล แม้ว่าพวกของฟ่านเมี่ยวเจินส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ภายในหุบเขาอมตะเสียมากกว่า น้อยครั้งนักที่ปรากฏโฉมออกมา โดยเฉพาะกับฉินซาวเย่าแล้ว ยิ่งปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะน้อยมาก แต่ยังคงปิดกั้นชื่อเสียงด้านความงามของพวกนางไม่ให้ขจรไกลไปได้
เดิมพวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็คือผู้มีความงามล้ำเลิศในหล้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางต่างก็มีความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากในขอบเขตของตน วิชาปรุงกลั่นยาเม็ดของฟ่านเมี่ยวเจิน วิชาการแพทย์ของมู่หย่าหลัน วิชาโอสถของฉินซาวเย่า ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้บำเพ็ญตนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรพูดถึงกันไม่ขาดปาก
มีความงดงาม มีสติปัญญาสุขุมเยือกเย็น มีผลสำเร็จที่น่าทึ่ง บวกกับชาติกำเนิดหุบเขาอมตะ เรียกได้ว่ามีชาติกำเนิดที่สูงส่ง กิ่งทองใบหยก ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้จะไม่ให้ผู้บำเพ็ญตนชายที่รักใคร่และคิดเพ้อเจ้อได้อย่างไรเล่า
สามอัจฉริยะอมตะ สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่กลุ่มคนรุ่นใหม่พูดถึงกันไม่ขาดปาก
เวลานี้ผู้คนจำนวนมากพลันได้ยินว่าสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะล้วนมากันแล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกดีใจอย่างยิ่งในทันใด ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คันไม้คันมือเต็มกลืน และผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยฝันอยากได้สาวงามมาครอบครอง
“เมื่อไหร่จะได้ไปคารวะพวกศิษย์พี่ฟ่านสักครั้ง” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่พลันรู้สึกความคิดในใจแล่นขึ้นมาทันที และวางแผนการในใจเอาไว้อย่างดี
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินคือศิษย์ของหุบเขาอมตะนะเนี่ย ในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ การที่พวกเขาไปเยี่ยมคารวะพวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็นับว่าสมควรแล้ว และเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แน่นอน บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้ต้องการเพียงแค่การไปมาหาสู่ตามธรรมเนียม สิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่านั้นก็คือหาโอกาสใกล้ชิดพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน คาดหวังได้รับการโปรดปรานจากพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน
“ครั้งก่อนหมอเทวดามู่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าจะต้องไปขอบคุณนางอย่างเต็มที่” มีหนุ่มน้อยที่ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย กล่าวด้วยความดีใจอย่างยิ่ง
“นั่นสิ ปีที่แล้วหมอเทวดามู่ได้ช่วยอาจารย์อาของข้าเอาไว้ และข้าก็มีของขวัญแสดงความขอบคุณของอาจารย์อาอยู่ในมือพอดี จะได้ไปขอบคุณนางพอดีเลย” เมื่อเห็นว่าผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยก็ต้องการใกล้ชิดกับพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างทยอยกันมีความคิดอยู่ในใจแล้ว
ส่วนที่ว่าได้นำของขวัญแสดงความขอบคุณของอาจารย์อาของเขามาด้วยหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ต่อให้ไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างโอกาสให้กับตัวเอง เวลานี้สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่อยู่ในเรือนโอสถ หากพวกเขาไม่หาโอกาสใกล้ชิดล่ะก็ ต่อไปเมื่อพวกนางกลับไปที่หุบเขาอมตะแล้วก็ยากจะมีโอกาสที่ดีกว่านี้อีก
แม้แต่สามอัจฉริยะอมตะที่หยิ่งยโสอย่างหูชิงหนิวและจางเหยียนเมื่อได้ยินว่าฉินซาวเย่ากับมู่หย่าหลัน มาแล้ว พลันรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาทันที ต่างคิดหาโอกาสไปใกลชิดพวกนาง
ครั้งหนึ่ง ในการออกเก็บสมุนไพรของหูชิงหนิวได้พบกับฉินซาวเย่าที่มาเก็บสมุนไพรเช่นกัน พลันถูกดึงดูดด้วยท่าทางที่อ่อนโยนของฉินซาวเย่าในทันใด เพียงแต่ฉินซาวเย่าสนใจแต่เรื่องของวิชาสมุนไพรเท่านั้น อย่างอื่นล้วนไม่สนใจทั้งสิ้น
สำหรับจางเหยียนนั้นเคยติดตามผู้อาวุโสไปหุบเขาอมตะ ได้พบกับมู่หย่าหลัน เรียกได้ว่ารักแรกพบเลยทีเดียว เสียดายที่มู่หย่าหลันมีท่าทีที่เย็นชาและห่างเหิน จางเหยียนเคยทดลองไปจีบมู่หย่าหลัน กลับถูกปิดประตูไม่รับแขก
ในช่วงหลายวันนี้ ไม่ทราบว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ทยอยกันไปเข้าเยี่ยมคารวะต่อพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน แน่นอนที่สุด บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ปากก็บอกว่ามาคารวะนักพรตฉางเซินแทนผู้อาวุโสของตน เฉกเช่นประเภทนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์อื่นทั้งสิ้น
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็รู้สึกรำคาญ ดังนั้นถือโอกาสไม่พบใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิหรือสำนัก และตระกูลขุนนางโบราณที่มาขอเยี่ยมคารวะ พวกนางก็จะไม่พบ
หลังจากที่พวกของฟ่านเมี่ยวเจินได้สติกลับมาไม่นานนัก พวกเขาพบเรื่องราวที่น่าตกใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลี่ชิเย่หายตัวไป
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินต่างตกใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากได้ทราบเรื่องนี้แล้ว พวกนางสอบถามไปที่คนของสำนักสาขา ปรากฏว่าไม่มีใครทราบว่าหลี่ชิเย่ไปไหน อีกทั้งไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว
การหายตัวไปอย่างกะทันหันของหลี่ชิเย่ ทำเอาพวกเขาฟ่านเมี่ยวเจินตกใจไม่เบาเลยทีเดียว ฟ่านเมี่ยวเจินให้ฉินซาวเย่ากับมู่หย่าหลันพาคนออกติดตามร่อรอยของหลี่ชิเย่ในทันที
มู่หย่าหลันกับฉินซาวเย่าจึงได้ออกตามหาร่องรอยของหลี่ชิเย่ในเรือนโอสถทันที แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว ทั้งฉินซาวเย่า และมู่หย่าหลันพวกนางสองคนต่างไม่กล้าตามหาหลี่ชิเย่อย่างเอิกเกริก ได้แต่ ตามหากันลับๆ
ที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าก็คือ ไม่ว่าพวกนางทั้งสองไปถึงที่ใดก็ตาม ก็จะต้องมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมาติดตาม พวกนางพยายามสลัดให้หลุดจากการติดตามหลายครั้งก็ไม่เป็นผล
ระหว่างที่มู่หย่าหลันกับฉินซาวเย่ากำลังตามหาหลี่ชิเย่อยู่นั้น หลี่ชิเย่ที่อูยู่ภายในถ้ำหินในขณะนี้เพิ่งจะค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในเวลานี้ ช่องว่างเหมือนกระเพื่อมทีหนึ่ง เหมือนว่าหลี่ชิเย่ที่หลอมละลายไปนั้นเพิ่งจะค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมา
หลังจากที่ร่างกายของหลี่ชิเย่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เวลานี้เขาจึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เมินเฉย และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เซียนโอสถนับว่าเป็นคนที่น่าสนใจ คนอื่นล้วนแล้วแต่ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเอาไว้ในต้นกำเนิดสัจธรรม เขากลับไม่เป็นเช่นนั้น นับว่ามาอีกแนวหนึ่งโดยแท้ และสิ่งนี้ก็เป็นการตัดสินใจแล้วว่าหุบเขาอมตะจะไม่สยบทั่วหล้า และเป็นการตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เป็นผู้ผลิตโอสถวิเศษหญ้าเซียน”
เซียนโอสถเป็นปฐมบรรพบุรุษที่มีชาติกำเนิดมาจากหมอโอสถ ปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากล้วนแล้วแต่อาศัยการฝึกเป็นหลัก ส่วนใหญ่ทำศึกปราบปราม ทะลวงสัจธรรมมาชั่วชีวิต ขณะที่เซียนโอสถเวลาส่วนใหญ่จมปลักอยู่กับการปรุงกลั่นยาเม็ดและโอสถ ดังนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เขาสร้างขึ้นจึงแตกต่างจากบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ
หากจะว่ากันถึงบางแง่มุมแล้ว เซียนโอสถมีความตั้งใจในการบริหารระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนมากกว่าในระดับหนึ่ง กล่าวสำหรับปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเป็นเพียงวิธีการให้มีการสืบทอดในสิ่งที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ต่อไปเท่านั้น
ขณะที่เซียนโอสถจะแตกต่าง อันดับแรกเขาคือหมอโอสถคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเพาะปลูกโอสถวิเศษหญ้าเซียน หรือปรุงกลั่นยาเม็ดก็ตาม เขาต้องการพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ดีเยี่ยม ดังนั้นในการหลอมสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะนั้น เรียกได้ว่าเซียนโอสถได้ถือเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะคือพื้นที่ที่จะถูกสร้างขึ้นให้เป็นสุดยอดพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ธาตุแท้ภายในด้านกำลังทหารอาจเทียบไม่ได้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ เช่นพรรคหยางหมิง จูเซียงหวู่ถิงเป็นต้น แต่ถ้าหากกล่าวถึงความล้ำค่าของผืนแผ่นดิน จำนวนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หญ้าเซียนที่ปลูกอยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้น เกรงว่าพรรคหยางหมิง จูเซียงหวู่ถิงไม่สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
เฉกเช่นยอดเขาที่สูงที่สุดในเรือนโอสถที่หลี่ชิเย่อยู่ในขณะนี้ ยิ่งมีความล้ำค่าสุดจะพรรณนา ข้างในนี้มีสิ่งของที่ล้ำค่ายิ่งอยู่ในนั้น
สิ่งของที่ล้ำค่ายากจะหาใดเทียมเช่นนี้ ตามหลักแล้วปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากจะต้องเก็บเอาไว้ในสำนักของตน กระทั่งเก็บไว้ในต้นกำเนิดสัจธรรมของตน
แต่เซียนโอสถกลับไม่ได้เก็บเอาไว้ในหุบเขาอมตะ เนื่องจากเซียนโอสถได้ทิ้งสิ่งที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งชิ้นหนึ่งไว้ให้กับหุบเขาอมตะแล้ว อีกทั้งสิ่งที่เก็บไว้ในเรือนโอสถนี้จำเป็นต้องมีช่องว่างที่เป็นของตนเอง ดั่งภาษิตว่าเอาไว้ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าพวกของมู่หย่าหลันกำลังตามหาตนเองอยู่ หลังจากที่เขากลับมาจากมิติช่องง่างนั้นแล้ว ไม่ได้ไปจากที่ตรงนี้ทันที ยังคงรั้งอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
เวลานี้หลี่ชิเย่เข้าฌานสำรวจภายใน มองเห็นดอกดึกดำบรรพ์ของต้นโลกดึกดำบรรพ์ถึงกับติดเป็นผลแล้ว โดยได้กลายเป็นผลไม้ผลหนึ่งที่ยังอ่อนมาก เหมือนแอปเปิ้ลเขียวที่เพิ่งเอาไปติดเอาไว้อย่างนั้น ยังไม่สามารถกินได้
ผลไม้ลูกนี้มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ มันแลดูคล้ายลูกสน แต่มันก็แตกต่างจากลูกสนทั่วไป เนื่องจากด้านในของผลไม้ผลนี้ไม่ใช่ลูกสน
ผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายลูกสนแลดูมีประกายที่แวบวับและพราวพร่าง เหมือนว่าภายในลูกสนนี้มีหยดน้ำแต่ละหยดที่อยู่ภายในอย่างนั้น แต่เมื่อสังเกตดูให้ละเอียดแล้ว ที่อยู่ด้านในหาใช่เป็นหยดน้ำ แต่เหมือนเป็นดวงดาวขนาดเล็กแต่ละดวงมากกว่า ดวงดาวทุกดวงใสเป็นประกายสวยงาม เหมือนเป็นดาวน้ำอย่างนั้น
ท่ามกลางดวงดาวดวงเล็กๆ แต่ละดวง ถึงกับห่อหุ้มต้นไม้ดอกไม้ใบหญ้าแต่ละต้นเอาไว้ภายใน และบ้างห่อหุ้มภูเขาศักดิ์สิทธิ์และภูเขาประหลาดแต่ละลูกเอาไว้ กระทั่งมีบ้างที่ห่อหุ้มสุริยันจันทราและดวงดาว…
ทุกอย่างภายในลูกสนดูจะไม่ค่อยจริงแท้สักเท่าไร ทุกอย่างดูเหมือนช่างเป็นมายาอะไรอย่างนั้น แต่มันก็ดูเหมือนมีการดำรงอยู่จริง ถ้าหากมีคนได้เห็นภาพนี้แล้วต้องยากจะเชื่อในสิ่งนี้
‘มรรคผลลูกสน’ หลี่ชิเย่ได้ตั้งชื่อง่ายๆ ให้กับมรรคผลลูกนี้ ชื่อนี้นับว่าธรรมดามากเหลือเกิน
แต่ว่า ความหมายที่หลี่ชิเย่ให้ไว้กับมันกลับไม่ธรรมดา หนึ่งเมล็ดหนึ่งโลกธาตุ หนึ่งเมล็ดกลับกลายหมื่นสัจธรรม! ลูกสนหนึ่งดอกลิขิตอดีตปัจจุบัน หมุนเวียนถ่ายเทชโลมให้ชุ่มชื้น พลันที่หนึ่งเมล็ดตกลงมาก็คือต้นกำเนิดสัจธรรมหนึ่ง
นี่แหละคือความน่ากลัวของมรรคผลๆ แรกของหลี่ชิเย่ ยกตัวอย่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะในเวลานี้ ก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่เคยควบคุมต้นสนกระบี่ที่เป็นหนึ่งในสามต้นบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะ เป็นเพราะหลี่ชิเย่ได้รับการยอมรับ
ความจริงแล้ว การที่หลี่ชิเย่สามารถได้รับการยอมรับจากต้นบรรพบุรุษนั้น ไม่จำเป็นเสมอว่าจะต้องอาศัยต้นไม้แก่ฉางเซินที่เป็นสิ่งที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก
หลี่ชิเย่อาศัยมรรคผลลูกสนก็สามารถหมุนเวียนถ่ายเทชโลมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะให้ชุ่มชื้นได้ สมควรทราบว่า เมื่อไรที่เมล็ดที่อยู่ภายในมรรคผลลูกสนร่วงหล่นลงมาก็สามารถหมุนเวียนถ่ายเทชโลมต้นกำเนิดสัจธรรม สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าหากหลี่ชิเย่ต้องการยึดกุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ มันเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
นี่แหละคือความน่ากลัวมากที่สุดของระบบการฝึกที่หลี่ชิเย่สร้างขึ้น และเป็นความน่ากลัวที่สุดสำหรับมรรคผลแรกที่หลี่ชิเย่ได้บรรลุขึ้นมาได้ เมื่อไรที่มรรคผลแรกของหลี่ชิเย่สุกงอมเต็มที่ ก็คล้ายดั่งในมือของเขาได้กำกุญแจสารพัดนึกเอาไว้ ดอกหนึ่ง สามารถเปิดความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทุกๆ ต้นกำเนิดสัจธรรมได้ทั้งหมด มรรคผลของเขาสามารถหมุนเวียนถ่ายเทชโลมทุกๆ สัจธรรมในยุคปัจจุบัน
สิ่งนี้บ่งบอกว่า ขอเพียงมรรคผลลูกสนสุกงอม หลี่ชิเย่สามารถอาศัย มรรคผลลูกสนก็สามารถหมุนเวียนถ่ายเทชโลมต้นกำเนิดสัจธรรมที่ใดที่หนึ่งในแดนสามเซียนได้ โดยที่ไม่ต้องฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ และควบคุมพลังของต้นกำเนิดสัจธรรมที่ใดที่หนึ่งได้
ระบบการฝึกที่มีเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน หลี่ชิเย่อาศัยบรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่เป็นนิรันดร์แล้ว จึงได้คิดค้นและสร้างระบบการฝึกเช่นนี้ขึ้นมา กระทั่งสามารถแซงล้ำหน้าทุกสิ่ง และมันจะเป็นไพ่ตายที่หลี่ชิเย่ใช้ต่อสู้ให้ถึงที่สุดในอนาคต
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่ได้สติกลับมาจากการเข้าฌาน เวลานี้เขาได้ถอนหายใจยาวๆ ทีหนึ่ง รู้สึกสบายอกสบายใจ สายตาของเขามองไปยังที่ที่ห่างไกล
“มรรคผลลูกหนึ่งก็สามารถผ่านทุกสิ่งไปได้ ขอเพียงบรรลุมรรคผลสิบสองลูก ไม่สิ บรรลุให้ได้สิบสามลูก ก็จะต้องทะลุแซงล้ำหน้าอดีตถึงปัจจุบัน” แววตาของหลี่ชิเย่ลึกซึ้งสุดจะหยั่งถึง
นี่แหละคือแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลี่ชิเย่ และก็คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบการฝึกที่เขาริเริ่มสร้างขึ้น มรรคผลทุกลูกล้วนแล้วแต่มีความแตกต่าง และมีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมอยู่ในตัวของมันเอง
ในอนาคต เมื่อมีผู้ที่ฝึกตามระบบชุดนี้ของเขาแล้ว ก็จะทำให้การบรรลุมรรคผลของแต่ละคนล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไป
แน่นอนที่สุด ยิ่งมรรคผลที่หลี่ชิเย่บรรลุเองนั้นเป็นเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดสามารถแซงล้ำหน้าไปได้!
…………………………………………….