ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2260 สังหาร
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องทอดถอนใจในใจเบาๆ มองดูเงาหลังที่หงอยเหงาของหูชิงหนิว คนอย่างหูชิงหนิวเป็นคนที่หยิ่งยโสมากเกินไป นิสัยแย่ๆ ที่เย็นชา โดดเดี่ยวยโสของเขามักจะทำให้ผู้อื่นรับไม่ได้อยู่เสมอๆ และไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไร แต่ว่า สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือวิชาแพทย์ของเขานับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก อีกทั้งยังนับได้ว่าเป็นคนจริงคนหนึ่ง
หลังจากที่หูชิงหนิวไปไกลแล้ว หลี่ชิเย่ได้เดินเข้าไปหาหวงฉวนเวย หวงฉวนเวยซึ่งเพิ่งจะผ่านความเป็นความตายมา พลันที่มองเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้ามาถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกขนพองตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง หลบหนีไปด้านหลังอย่างล้มลุกคลุกคลาน
แต่ทว่า หวงฉวนเวยยังหนีไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ถูกหลี่ชิเย่ขวางเอาไว้ มาคราวนี้ทำเอาหวงฉวนเวยตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?” หวงฉวนเวยรู้สึกได้ว่าหนังหัวของตนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น ขาทั้งสองข้างถึงกับสั่นเทาขึ้นมาอย่างน่าผิดหวัง
“แล้วเจ้าคิดว่าล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เมื่อไรที่มีคนยืนอยู่ตรงข้ามเป็นศัตรูกับข้า คนอย่างข้าชอบที่จะเข่นฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว เจ้าว่าอย่างนั้นใช่หรือไม่”
“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามนะ อย่าทำบุ่มบ่ามนะ ข้า ข้าน่ะเป็นศิษย์ของแคว้นว่านโซ่ว ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับข้านะ” หวงฉวนเวยตกใจจนใบหน้าขาวซีด ก้าวถอยหลังติดต่อกัน
“เทียบกับราชครูของพวกเจ้าแล้วเป็นอย่างไร?” หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ราชครูของพวกเจ้าก็ได้รับการให้ความสำคัญจากกษัตริย์ของพวกเจ้ามากเช่นกันกระมัง”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาหวงฉวนเวยหวาดกลัวจนขนลุกซู่ วิญญาณแทบออกจากร่าง
ทุกคนต่างจ้องมองดูภาพนี้เงียบๆ ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวาง และไม่มีใครกล้าก้าวก่าย ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า เกรงว่าสถานการณ์ระหว่างหุบเขาอมตะกับแคว้นว่านโซ่วคงไม่ตายไม่เลิกรา เวลานี้หลี่ชิเย่คนนี้ในฐานะศิษย์ลำดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะต้องการเอาชีวิตของหวงฉวนเวยก็เป็นที่เข้าใจกันได้
“กองทัพมังกรเงินของพวก พวกเราอยู่ที่เรือนโอสถนี่เอง ฝ่าบาทของพวก พวกเราก็เสด็จถึงเรือนโอสถแล้ว ยังมีระดับบรรพบุรุษจำนวนมากก็มาด้วยแล้ว นี่ นี่ นี่เป็นการเสด็จมาของพระองค์เอง เจ้า เจ้ากล้าทำบุ่มบ่ามล่ะก็ เกรง เกรงว่าจะไม่สามารถมีชีวิตออกไปจากเรือนโอสถ” หวงฉวนเวยที่แข็งนอกอ่อนในร้องกล่าวขึ้นมา
คำพูดของหวงฉวนเวยพลันเปิดเผยข่าวคราวมากมายเหลือเกิน ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ นี่เป็นการเสด็จปราบปรามด้วยพระองค์เองนะเนี่ย อีกทั้งยังมีระดับบรรพบุรุษจำนวนมากที่ร่วมตามเสด็จมาด้วย แคว้นว่านโซ่วต้องการทำจริงจัง เกรงว่าคงเป็นการแย่งชิงอำนาจอย่างแท้จริงแล้ว
“แล้วอย่างไรล่ะ พวกเขาก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้นกล่าวเฉยเมย
“ไป…” จังหวะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น หวงฉวนเวยก็ไม่ยอมอยู่เฉยรอรับความตาย ในเสี้ยววินาทีนี้เองพลันเปิดถุงจักรวาลออกมาทันที
“โฮ่วว…” พลันที่ถุงจักรวาลถูกเปิดออก เสียงของมังกรเจียวหลงส่งเสียงคำรามออกมา มองเห็นมังกรเจียวหลงตัวหนึ่งที่พุ่งออกมาทันที โดยมังกรเจียวหลงตัวนี้มีสีดำดั่งหมึกมีหงอนพิษอยู่ใต้คาง
พลันที่มังกรเจียวหลงลักษณะเช่นนี้บินออกมา ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ต้นไม้ดอกไม้ใบหญ้ารอบข้างพลันแห้งตายทันที มีพิษที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง
“เหลือมมังกรพิษ…” สีหน้าของระดับผู้อาวุโสของตระกูลขุนนางโบราณเปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นมังกรเจียวหลงพิษที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้ ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “ระวัง เจ้ามังกรเจียวหลงนี้มีพิษร้ายแรงอย่างยิ่ง” กล่าวพลางล่าถอยออกห่างทันที
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘เหลือมมังกรพิษ’ แล้วก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง ต่างทยอยกันถอยหลังดึงระยะห่างออกไป
เหลือมมังกรพิษตัวนี้เป็นสัตว์พิษที่หวงฉวนเวยเลี้ยงเอาไว้ ไม่เพียงแต่ตัวมันที่มีพิษร้ายแรงทั่วตัว ทั้งยังมีกำลังที่กล้าแข็งมาก ซึ่งก็เป็นการชดเชยจุดอ่อนด้านทักษะยุทธของหวงฉวนเวยได้ ทำให้หวงฉวนเวยมีความมั่นใจที่จะต่อสู้ชี้ขาดกับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งกว่าเขา
ได้ยินเสียงดังฟู่วววดังขึ้น เหลือมมังกรพิษอ้าปากพ่นควันพิษออกมา ขณะที่ควันพิษถูกพ่นออกมานั้นได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดที่เป็นเสียงวัตถุหลอมละลายเกิดขึ้น ขอเพียงบริเวณที่ควันพิษลอยผ่านไป กระทั่งดินก็ยังละลาย บรรดาอาวุธดาบกระบี่ที่เป็นโลหะถูกกัดกร่อนหลอมละลายไปทันที เป็นที่สยองขวัญยิ่งนัก
ควันพิษที่มาเป็นระลอกพลันครอบคลุมร่างของหลี่ชิเย่เอาไว้ทั้งหมดจนจมมิดหายไป หวงฉวนเวยถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถูกปกคลุมด้วยควันพิษ เนื่องจากพิษของเหลือมมังกรพิษนั้นร้ายแรงและเหี้ยมโหด ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ได้รับพิษจนตาย
แต่ว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว มองเห็นร่างเงาสายหนึ่งก้าวออกมาจากควันพิษนั่น เป็นหลี่ชิเย่นั่นเอง เขาเดินอยู่ท่ามกลางควันพิษโดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด และไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเข้าแม้แต่น้อย
แม้แต่ทะเลวิบากหลี่ชิเย่ก็ยังรอดชีวิตมาได้ ลำพังแค่ควันพิษเช่นนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลอะไรเลย
“ฮือ…” เหลือมมังกรพิษส่งเสียงคำรามขึ้นเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ก้าวเดินออกมา กรงเล็บขนาดใหญ่ดั่งภูผาพลันตะปบเข้าหาหลี่ชิเย่ หวังจะตบให้หลี่ชิเย่กลายเป็นเนื้อบด
“หมอบลง!” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ส่งประกายเยือกเย็นออกมา ลึกเข้าไปภายในดวงตาทั้งสองเหมือนมีประกายแต่ละสายที่เบ่งบานอยู่
ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง มองเห็นเหลือมมังกรพิษที่เดิมกำลังใช้กรงเล็บตะปบใส่หลี่ชิเย่พลันทรุดตัวลงกับพื้นเหมือนงูน้อยๆ เชื่องๆ ตัวหนึ่ง ไม่กล้ากระทั่งขยับตัว
หลายคนต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ เมื่อมองเห็นเหลือมมังกรพิษที่ดุดันเช่นนี้พลันหมอบอยู่กับพื้น รวมทั้วหวงฉวนเวยเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเหลือมมังกรพิษที่ตนเองเลี้ยงมาถึงได้กลับกลายเป็นเชื่องได้ขนาดนี้ และเชื่อฟังหลี่ชิเย่ได้เพียงนี้
มีเพียงตันหวังฟงเซี่ยวเฉินที่เข้าใจ นี่คือพลังสูงสุดที่ยามเมื่อผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ทุกคำพูดและการเคลื่อนไหวล้วนสามารถสยบสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายได้ ที่เหลือมมังกรพิษตัวนี้ถูกสยบได้ในชั่วพริบตาหาใช่เป็นเพราะเหลือมมังกรพิษอ่อนเกินไป แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่แข็งแกร่งเกินไป น่าสยองขวัญมากเกินไป
หวงฉวนเวยตกใจหันหลังวิ่งหนีไปทันที แต่ว่าเขาเพิ่งคิดจะหนีปรากฎว่าขาทั้งสองข้างของเขาลอยอยู่เหนือพื้นดิน พลันถูกหลี่ชิเย่เค้นคอเอาไว้ และยกตัวขึ้นสูง
“พี่เสียนยวี่ ช่วย ช่วยข้าด้วย” เวลานี้หวงฉวนเวยที่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา ยามคับขันจึงสะเปะสะปะร้องขอความช่วยเหลือจากหวู่เสียนยวี่
หากเป็นอดีต บุคคลอย่างเช่นหวู่เสียนยวี่ไม่มีสิทธิ์กระทั่งพูดต่อหน้าหวงฉวนเวยเสียด้วยซ้ำ เวลานี้กลับวางฐานะเสมอด้วยหวงฉวนเวย กระทั่งห้วงเวลาระหว่างความเป็นความตายหวงฉวนเวยก็ยังนึกถึงและขอความช่วยเหลือจากเขา
“หยุดนะ…” ในที่สุดหวู่เสียนยวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ร้องเสียงดังออกมา
ในอดีต หวู่เสียนยวี่เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งของสำนักที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้น แต่ทว่านับตั้งแต่เขาติดตามศิษย์พี่ของเขาเกาะบารมีผู้ยิ่งใหญ่และมีผู้คอยหนุนหลังแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กระทั่งเขาสู่ราชสำนักของแคว้นว่านโซ่ว ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วจำนวนมากต่างให้เกียรติเขายิ่งนัก และดูให้ความเคารพด้วย
ในอดีตเขาไม่มีโอกาสกระทั่งได้พบกับบรรดาชิงหวังเสียด้วยซ้ำ ต่อให้ได้พบเกรงว่าขาทั้งสองข้างก็ต้องสั่นเทา
เมื่อหวู่เสียนยวี่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จึงทำให้ความมั่นใจของหวู่เสียนยวี่ที่ไม่เคยมีมาก่อนพองโต โดยเขามองว่าผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังของเขาคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกร ไม่ว่าจะเป็นสำนักใด หรือยอดฝีมือใดๆ ในแดนลัทธิพรรษก็ต้องให้เกียรติพวกเขา ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาได้เกาะผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้แล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทำตัวกร่างไปทั่วหล้า
ในเวลานี้ เดิมทีในใจของหวู่เสียนยวี่ถูกทำให้ตื่นตระหนก แต่เมื่อนึกถึงผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมามีใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติตนเองสามส่วน ใครบ้างที่ไม่ให้ความเคารพตนเองสามส่วน? มาคราวนี้จึงทำให้หวู่เสียนยวี่ใจกล้ามากขึ้น จะอย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ที่มีผู้คอยหนุนหลังอยู่ เขาจึงไม่เชื่อว่าหุบเขาอมตะจะไม่ให้เกียรติกับเขาสามส่วน
“มีอะไรจะพูดรึ?” เมื่อถูกหวู่เสียนยวี่ร้องตวาดให้หยุดมือแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงเค้นคอของหวงฉวนเวยเอาไว้ พร้อมกับกล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา
“ข้าขอสั่งเจ้า ปล่อยพี่หวงเดี๋ยวนี้!” หวู่เสียนยวี่ชักสีหน้า และวางทางทางที่ตนเองคิดว่ามีท่วงท่าดีที่สุดเชิดหน้าเดินยกเท้าสูงท่าทางลำพองข่มผู้อื่นอย่างนั้น
“ถ้าหากข้าไม่ปล่อยล่ะ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะ
“ไม่ปล่อยรึ?” ดวงตาทั้งสองของหวู่เสียนยวี่ดูเข้ม กล่าวน่าเกรงขามว่า “ไม่ให้เกียรติข้าเกรงว่าจะได้เห็นดีกันภายหลัง เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ต่อให้หุบเขาอมตะก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
ครั้นหวนนึกถึงอดีตขณะที่ตนอยู่ต่อหน้าหุบเขาอมตะเป็นเพียงศิษย์ที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงคนหนึ่งเท่านั้น เวลานี้มีโอกาสที่จะได้อยู่เหนือหุบเขาอมตะ พลันทำให้ความมั่นใจและความฟุ้งเฟื้อของหวู่เสียนยวี่เพิ่มขึ้นไม่มีขีดจำกัดทันที
“พูดแบบนี้แสดงว่าฝีมือเจ้ายอดเยี่ยมมากน่ะสิ?” หลี่ชิเย่พิจารณาดูหวู่เสียนยวี่ทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ทำไมข้ามองไม่ออกเลยว่าเจ้ามีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากเล่า? เท่าที่ข้าเห็น มันก็แค่คนที่ไม่มีชื่อเสียงและบารมีคนหนึ่งเท่านั้น ทักษะอ่อนกระทั่งแม้แต่ศิษย์ธรรมดาของหุบเขาอมตะก็ไม่เท่า”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทิ่มแทงเข้าไปภายในแผลใจขอวหวู่เสียนยวี่ ตัวเขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง หาใช่อัจฉริยะบุคคลอะไร ทักษะยุทธอ่อนด้อยอยู่แล้ว เวลานี้ที่เขาสามารถอวดอ้างบารมี ก็แค่เกาะผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้เท่านั้นเอง
เวลานี้ถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งก็ประดุจดั่งด้านที่น่าเกลียดที่สุดของเขาถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนอย่างนั้น พลันทำให้เขาสุดที่จะทนอย่างยิ่ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะใจที่เห็นหลี่ชิเย่พลันเปิดโปงการแสดงอำนาจบารมีของหวู่เสียนยวี่ เนื่องจากในอดีตหวู่เสียนยวี่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับพวกเขาที่เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่ภายหลังจากที่เขาไปเกาะผู้ยิ่งใหญ่เข้าแล้วก็ทำตัวสูงเด่น และดูแคลนพวกเขาที่เคยเป็นสหายเก่าสหายแก่เสียแล้ว ดังนั้นในใจของผู้คนจำนวนมากจึงมองดูขัดหูขัดตามานานแล้ว
ใบหน้าของหวู่เสียนยวี่แดงก่ำ เขาถูกยั่วโมโหจนสั่นเทา จึงชักสีหน้าส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจและกล่าวเสียงเข้มว่า “ต่อให้ข้ามีทักษะอ่อนด้อย แต่คนบางคนเจ้าจะหาเรื่องไม่ได้ตลอดกาล อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้ทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็ไปมีเรื่องด้วยไม่ได้”
“คนที่ข้าหาเรื่องด้วยไม่ได้?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมาและกล่าวว่า “ในโลกนี้คนที่ข้าหาเรื่องเขาไม่ได้นับว่าหาตัวได้ยากจริงๆ ทำให้ข้าชักสนใจแล้วสิ ยิ่งอยากจะหาเรื่องสักหน่อยแล้วล่ะ”
“ขอเตือนเจ้าอย่าหาเรื่องเป็นดีที่สุด มิฉะนั้นล่ะก็…” หวู่เสียนยวี่กล่าวชักสีหน้า
ทว่าหวู่เสียนยวี่พูดยังไม่ทันขาดคำ ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่ง หวงฉวนเวยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องเสียงน่าเวทนาออกมา ถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันที และต้องเสียชีวิตไปเช่นนี้ นับว่าหวงฉวนเวยต้องตายอย่างอนาถ ยังไม่ทันรู้สึกตัวก็ตายเสียแล้ว กระทั่งตายแบบอธิบายความไม่ได้
หวู่เสียนยวี่อ้าปากกว้างทันทีที่เห็นหวงฉวนเวยกลายเป็นหมอกเลือด แม้แต่กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วยังต้องเสด็จลงมาจากบัลลังก์มังกรมาให้การต้อนรับเขาด้วยพระองค์เอง เวลานี้หลี่ชิเย่กลับไม่ให้เกียรติแก่เขาแม้แต่น้อย ทำให้เขายืนเซ่อไปทันทีอยู่ตรงนั้น
“หากเป็นความจริงที่โลกนี้มีคนที่ข้าหาเรื่องด้วยไม่ได้จริงๆ ล่ะก็ ข้าด็อยากจะหาเรื่องสักหน่อยพอดีเลย” หลังจากที่หลี่ชิเย่จัดการบีบหวงฉวนเวยจนกลายเป็นหมอกเลือดไปแล้ว สัมผัสมือไปมาและกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
เวลานี้หลี่ชิเย่ที่ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ เดินเข้าไปหาหวู่เสียนยวี่
……………………………………..