ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2305 กระบี่ไม้ไผ่ของคุณชายผิงเฉิง
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2305 กระบี่ไม้ไผ่ของคุณชายผิงเฉิง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากตำหนักหมีเซียนแล้ว ได้เดินทางเข้าสู่ทะเลทรายที่เวิ้งว้างของเงินทองตกพื้น
“คุณชาย พวก พวก พวกเราจะไปที่ใดกันรึ?” หลินซิม่อที่ติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่เอ่ยถามด้วยความหวั่นๆ
“ถ้าหากมีเวลาเหลือเฟือก็จะไปดูสถานที่แห่งหนึ่ง บางทีอาจมีโอกาสค้นหาสุสานกระบี่คืนให้กับเจ้าได้” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นว่า “แต่ว่า ถ้าหากเจ้าคิดจะควบคุมมันลำพังตัวเจ้าเองทำไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าจำเป็นต้องมีสิ่งที่สามารถทำการวิวัฒนาการสุสานกระบี่ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้หามันพบก็เป็นได้แค่ชมบุปผาท่ามกลางเมฆหมอก และคว้าจันทราในธาราเท่านั้นเอง”
หลินซิม่อทำท่าลังเลนิดหนึ่ง สุดท้าย ได้หยิบเอากล่องโบราณออกมาใบหนึ่ง กล่องโบราณใบนี้มีความงดงามเรียบง่ายแบบโบราณ นางได้มอบกล่องโบราณใบนี้ให้กับหลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “นี่ นี่ นี่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษพวกเราได้ทิ้งเอาไว้ให้ บรรพบุรุษท่านบอกว่ามันคือกุญแจสำคัญที่จะเอาสุสานกระบี่คืนกลับมา ไม่ทราบ ไม่ทราบว่าคุณชายสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์หรือไม่?”
หลี่ชิเย่เปิดกล่องโบราณออก พลันปรากฏพลังกระบี่ที่ตลบอบอวลในทันที เขามองดูและกล่าวว่า “เป็นปณิธานกระบี่จริงๆ แต่ว่า ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้น หากเจ้าคิดจะเอาสุสานกระบี่กลับไปจริง ก็ต้องดูว่าเจ้าจะแบกรับมันไหวหรือไม่”
“ข้า ข้าจะต้องทุ่มเทความพยายามทุกอย่าง” หลินซิม่อลังเลนิดหนึ่ง สุดท้ายเงยหน้าขึ้นและมองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีมั่นคงแน่วแน่
แม้ว่านางก็รู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ทว่า ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนเช่นใดก็ตาม นางก็จะไม่ยอมละทิ้งเด็ดขาด
“เช่นนั้นก็ดี” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะต้องเตรียมใจให้พร้อม มันจะเป็นเส้นทางที่แสนเข็ญ ความเจ็บปวดไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว”
หลินซิม่อพยักหน้าด้วยความหนักแน่นจริงจัง แววตาดูแน่วแน่มั่นคง นางไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บปวดทุกอย่างอยู่แล้ว
หลินซิม่อเองได้มอบกล่องโบราณใบนี้ให้กับหลี่ชิเย่ กล่าวสำหรับนาง และตระกูลหลินแล้ว กล่องโบราณใบนี้มีความสำคัญมากเหลือเกิน มันเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของตระกูลหลินของพวกเขา มีความสำคัญอย่างยิ่ง สิ่งที่สำคัญยิ่งขนาดนี้ตามหลักแล้วนางไม่ควรมอบให้กับใครทั้งสิ้น จะอย่างไรเสียสิ่งนี้ล้ำค่ามากเหลือเกิน
ยิ่งไปกว่านั้น นางเพิ่งรู้จักกับหลี่ชิเย่ได้ไม่นานนัก และไม่ได้คบหาลึกซึ้งแต่อย่างใด แต่ทว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร นาทีนี้หลินซิม่อดูจะเชื่อใจในตัวของหลี่ชิเย่อะไรอย่างนั้น เชื่อใจในตัวเขายิ่งกว่าเชื่อใจใครๆ เสียอีก แม้ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องโบราณจะมีความล้ำค่ายิ่ง กระทั่งสำคัญมากกว่าชีวิตของนางเสียอีก เรียกได้ว่าต่อให้นางต้องแลกด้วยชีวิตก็จะไม่มอบมันออกมา
แต่ว่า เวลานี้นางกลับมอบมันให้กับหลี่ชิเย่ อีกทั้งในใจยังรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง นางไม่รู้สึกกังวลว่าหลี่ชิเย่จะฮุบเอาของๆ ตนไปอย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้ามที่มันไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ดูจะปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่ในมือของตนเสียมากกว่า
การที่หลินซิม่อมอบกล่องโบราณให้กับตน หลี่ชิเย่ไม่ได้กล่าวอะไรมากความ จัดการเก็บมันขึ้นโดยตรง
“ขายกระบี่ ขายกระบี่ ซื้อหนึ่งเล่มลดห้าเปอร์เซ็นต์ สองเล่มลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ สิบเล่มลดสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าซื้อหนึ่งร้อยเล่มคุยกันได้…” อย่างไรก็ตาม พวกหลี่ชิเย่เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงร้องขายของที่คุ้นหูมากเหลือเกิน
ในเวลานี้เอง มองเห็นพื้นที่ชายเลนที่เป็นท่าข้ามมีคนผู้หนึ่งแบกกระสอบป่านขนาดใหญ่ กำลังร้องขายกระบี่ไม้ไผ่ของตนอยู่ ร้องเรียกไปพลาง และอธิบายยกย่องในสรรพคุณของกระบี่ไม้ไผ่ตน
นอกจากคุณชายผิงเฉิงแล้ว ยังจะมีใครที่ทำเช่นนี้ได้อีก?
“หากเทพธิดามีกระบี่ไม้ไผ่ของข้าอยู่ในมือ รับรองว่าจะทำให้ท่านดูงดงามมีสง่ายิ่งขึ้นไปอีก ต้องกลายเป็นหญิงงานอันดับหนึ่งของสำนักท่าน…” ในเวลานี้เอง คุณชายผิงเฉิงจับลูกค้าที่เป็นผู้บำเพ็ญตนสาวได้หลายคน เขาทำการโฆษณาขายกระบี่ไม้ไผ่ของตนอย่างแข็งขัน รอยยิ้มที่สดใส และจริงใจเป็นที่ดึงดูดใจ และสามารถสร้างความประทับใจได้ง่ายอย่างยิ่ง
“ท่านก็คือคุณชายผิงเฉิงที่มาจากเมืองผิงเฉิงอย่างนั้นหรือ?” ลูกค้าที่ถูกคุณชายผิงเฉิงรั้งตัวไว้ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญตนหญิงหลายคนก็เม้มปากยิ้ม และมีความงดงามน่าประทับใจเช่นกัน
จะอย่างไรเสีย คุณชายผิงเฉิงคือหนึ่งในสามคุณชายแห่งยุค มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลในหล้า ไม่ว่าจะเป็นฐานะและตำแหน่งหรือว่ารูปลักษณ์ล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยแรงดึงดูด ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายผิงเฉิงยังเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ไม่ได้ทำตัวสูงเด่นแม้แต่น้อย ผู้บำเพ็ญตนหญิงกลุ่มคนรุ่นใหม่ล้วนแล้วแต่ยินดีคบหาเป็นสหายกับเขาเป็นส่วนใหญ่
“ถูกต้อง เฉกเช่นเทพธิดาที่งดงามเช่นพวกท่าน ต้องไปเที่ยวที่เมืองผิงเฉิงของพวกเราให้ได้ สถานที่เล็กๆ ดั่งเช่นเมืองผิงเฉิงพวกเรานั้น ถ้าหากประชาชนสามารถเห็นเทพธิดาที่งดงามเช่นนี้ รับรองว่าจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน รับรองว่าต้องเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” รอยยิ้มของคุณชายผิงเฉิงดูสดใส แม้ว่าจะออกปากกล่าวชมผู้บำเพ็ญตนหญิงตรงหน้ายกใหญ่ แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกที่โอ้อวดเกินจริงแม้แต่น้อย
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นต่างส่ายหน้าหัวเราะเจื่อนๆ และมีจำนวนมากที่รู้สึกว่ามันน่าสนใจ ทุกคนเกือบจะชินชากับพฤติกรรมที่ประหลาดของคุณชายผิงเฉิงเสียแล้ว
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราซื้อกันคนละเล่มก็แล้วกัน” สุดท้าย ภายใต้รอยยิ้มที่จริงใจและสดใสของคุณชายผิงเฉิง เหล่าผู้บำเพ็ญตนหญิงทั้งหมดถูกเขาทำให้ซาบซึ้ง ต่างควักเงินซื้อกระบี่ไม้ไผ่ของเขา
ความจริงแล้ว กระบี่ไม้ไผ่เหล่านี้ของคุณชายผิงเฉิงไม่ได้มีมูลค่าถึงเพียงนี้ แต่ทว่าผู้คนจำนวนมากต่างยินดีซื้อกระบี่ไม้ไผ่ของคุณชายผิงเฉิง ซึ่งหาใช่เป็นเพราะกระบี่ไม้ไผ่นี้มีมูลค่าอะไร แต่เป็นเพราะพวกเขายินดีคบหาเป็นสหายกับคุณชายผิงเฉิง
“ค่อยๆ เดินนะ เทพธิดาแต่ละท่าน ว่างไปเที่ยวที่เมืองผิงเฉิงนะ” คุณชายผิงเฉิงยังคงมีรอยยิ้มที่สดใสและดูอบอุ่นยิ่งนัก หลังจากขายกระบี่ได้แล้ว
“ฮ่า ฮ่าพี่ใหญ่ พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว” ระหว่างที่หลี่ชิเย่พาหลินซิม่อกำลังเตรียมจะช้ามทะเลอยู่นั้น พลันคุณชายผิงเฉิงได้มาปรากฏตัวต่อหน้าหลี่ชิเย่ ด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า สดใสและจริงใจ
“พี่ใหญ่ ซื้อกระบี่ไม้ไผ่นะ” พลันที่คุณชายผิงเฉิงพบหน้าหลี่ชิเย่ก็ทำการโฆษณาขายกระบี่ไม้ไผ่ของตนทันที
หลินซิม่อที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่อยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า เมื่อมองเห็นท่าทางเช่นนี้ของคุณชายผิงเฉิง นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ด้วยฐานะตำแหน่งของคุณชายผิงเฉิง ไม่มีความจำเป็นต้องมาเป็นพ่อค้าอย่างสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องมาขายกระบี่ไม้ไผ่ของตนเองอยู่แล้ว แต่เขากลับแบกกระบี่ไม้ไผ่กระสอบใหญ่ไปเร่ขายให้ผู้คนทุกที่ นางคิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำเช่นนี้มีความหมายอย่างไร
“ไม่ซื้อ” หลี่ชิเย่ไม่มีอารมณ์ ออกปากปฏิเสธทันที
“พี่ใหญ่ พบกันครั้งแรกคือสหาย พบกันอีกครั้งก็คือพี่น้อง พวกเราได้พบหน้ากันสองครั้งแล้วก็ต้องเป็นพี่น้องกันแล้วล่ะ” คุณชายผิงเฉิงเอากระบี่ไม้ไผ่เล่มหนึ่งยัดใส่มือของหลี่ชิเย่ในทันที เปี่ยมด้วยความจริงใจ และกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้ว กระบี่ไม้ไผ่เล่มนี้ถือเสียว่าข้ามอบให้กับพี่ใหญ่เป็นของขวัญในโอกาสที่พบกัน”
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะ และรู้สึกว่าคุณชายผิงเฉิงตลก หยิบกระบี่ไม้ไผ่ในมือขึ้นมาดู
กระบี่ไม้ไผ่ของคุณชายผิงเฉิงไม่ได้มีส่วนไหนที่สวยหรูอะไร ทั้งหมดเป็นการเหลาขึ้นมาจากไม้ไผ่แก่ บอกได้แต่เพียงเหลาด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง ทุกๆ รายละเอียดล้วนแล้วแต่ได้ระดับที่ควรจะเป็น
“กระบี่ไม้ไผ่ทุกเล่มข้าเป็นคนเหลามากับมือด้วยตนเองทั้งสิ้น กระบี่ไม้ไผ่ทุกเล่มล้วนแล้วแต่มี…จิตวิญญาณ…ที่เป็นของมันเอง มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง กระบี่ไม้ไผ่ทุกๆ เล่มล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน” คุณชายผิงเฉิงรีบพูดโฆษณาต่อหลี่ชิเย่
“เป็นกระบี่ที่ไม่เลว” หลี่ชิเย่ใช้นิ้วรูดผ่านคมกระบี่เบาๆ พยักหน้า และกล่าวชื่นชมคำหนึ่ง
“ใช่ไหมล่ะ เป็นกระบี่ที่ไม่เลว” คุณชายผิงเฉิงพลันมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อได้ยินคำกล่าวชมของหลี่ชิเย่ และมีความสดใสมากยิ่งขึ้น ยิ้มกล่าวว่า “หนึ่งกระบี่ในมือ ใต้หล้ามีเพียงข้า สองกระบี่ในมือ มีพียงข้าเป็นนิรันดร์ สามกระบี่ในมือ ค่ายกลกระบี่ทรงพลังยิ่งขึ้น…”
หลินซิม่ออยากหัวเราะมากแต่ก็ไม่กล้า เมื่อได้ยินคุณชายผิงเฉิงขายเองชมเอง นางเองก็รู้สึกว่าแค่กระบี่ไม้ไผ่เล่มหนึ่งไม่น่าจะล้ำค่าถึงไหน
“พี่ใหญ่ ซื้อสักเล่มไหมล่ะ? ซื้อหนึ่งแถมสามสนไหม?” คุณชายผิงเฉิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “กระบี่ไม้ไผ่นี้ทำขึ้นโดยใช้ไม้ไผ่บรรพบุรุษของเมืองผิงเฉิงพวกเรา สมควรทราบว่า ไม้ไผ่บรรพบุรุษของเมืองผิงเฉิงถือเป็นต้นกำเนิดของเมืองผิงเฉิงพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสมบัติวเศษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงของพวกเราในขณะเดียวกัน มันคือสัญลักษณ์แทนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงพวกเรา และมันเคยเชื่อมโยงกับเส้นชีพจรของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงของพวกเรา…”
เวลานี้ คุณชายผิงเฉิงพูดเยินยอตัวเองขึ้นไม่ขาดปาก ถ้าหากไม่เป็นเพราะคุณชายผิงเฉิงเอ่ยถึงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงด้วยตนเอง ทุกคนเกือบจะลืมไปแล้วว่าเขาคือศิษย์ที่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลง เมืองผิงเฉิงเป็นเพียงเมื่อโบราณเมืองหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผิงเฉิงเท่านั้น
“ฮึ วาจาสามหาวยิ่งนัก” จังหวะที่คุณชายผิงเฉิงกำลังขายของเองชมตัวเองอยู่นั้น เสียงฮึที่แสดงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น และกล่าวท่าทีเย็นชาว่า “เมืองผิงเฉิงไหนเลยมีสิทธิ์เป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงได้!”
คำพูดที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันมากได้แทรกตัดบทคำพูดของคุณชายผิงเฉิง ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ผ่านมาทยอยกันหยุดดูเหตุการณ์
มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งนำพายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนกลุ่มหนึ่งเพิ่งขึ้นมาจากเรือ เขากล่าวตัดบทคำพูดของคุณชายผิงเฉิงโดยไม่มีการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดมังกร ถือขนาดใหญ่แนบอก ส่งกลิ่นอายที่เยือกเย็นอย่างยิ่ง ร่างกายของเขาได้แผ่กลิ่นอายของเทพแท้จริงที่สยบผู้คนออกมา โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นของเขามีความดุดันรุนแรงยิ่งนัก ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตาตรงๆ
“เป็นฮ่องแต้ของแคว้นหวู่เซิ่น” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่จำจำเขาได้เมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ยอดฝีมือของแคว้นหวู่เซิ่นมากันมากทีเดียว”
“เหมียวเหล่ยแห่งแคว้นหวู่เซิ่น ดูท่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงคงมีอะไรสนุกๆ ให้ดูนะเนี่ย” ระดับผู้อาวุโสสำนักเจ้าลัทธิที่เห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว มีท่าทีที่เหมือนจะได้ดูความคึกครื้นอย่างนั้น
“แคว้นหวู่เซิ่นเป็นแคว้นๆ หนึ่งของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงมิใช่รึ? คุณชายผิงเฉิงก็มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง พวกเขาดูเหมือนจะเป็นศัตรูกัน” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เอ่ยถามกับผู้อาวุโสของตนเมื่อได้เห็นภาพนี้
“เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงต้นกำเนิดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง” ผู้อาวุโสกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ฮ่องแต้เหมียว ทำไมเมืองผิงเฉิงของพวกเราจึงเป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงไม่ได้ล่ะ หรือต้องเป็นแคว้นหวู่เซิ่นพวกเจ้าจึงสามารถเป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงอย่างนั้นรึ?” คุณชายผิงเฉิงยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงมีราชวงศ์แปดแขนเป็นผู้กุมอำนาจ มีเพียงราชวงศ์แปดแขนเท่านั้นที่สามารถเป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงได้” เหมียวเหล่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
“อ้อ เจ้าหมายถึงพรรคบูชาจันทราน่ะสิ” คุณชายผิงเฉิงหัวเราะและกล่าวว่า “พรรคบูชาจันทรากล้าเรียกตัวเองว่าเป็นสายตรงอย่างนั้นรึ? เป็นเพียงปรสิตของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงเท่านั้นเอง แย่งของๆ คนอื่นมาเท่านั้น ข้าไม่ไปทวงอำนาจก็เท่ากับสร้างความสุขให้กับราษฎรทั่วหล้าของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงแล้ว”
“เจ้า…” คำพูดเช่นนี้ของคุณชายผิงเฉิงทำเอาสีหน้าของเหมียวเหล่ยเปลี่ยนไป
คำพูดนี้ที่พูดออกมา ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน คนที่รู้เรื่องเป็นที่เข้าใจอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่งงเป็นไก่ตาแตก
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่เข้าใจ เหมือนว่าคุณชายผิงเฉิงที่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงจะไม่ลงรอยกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง
“นี่เป็นเรื่องการแย่งชิงความเป็นสายตรงของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลง” บรรพบุรุษพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงก่อตั้งขึ้นโดยปฐมบรรพบุรุษพานหลง เวลานี้ราชวงศ์แปดแขนที่กุมอำนาจปกครองอยู่เป็นผู้ที่มาทีหลัง หรือก็คือพรรคบูชาจันทราที่เล่าลือกัน”
“แล้วคุณชายผิงเฉิงล่ะ?” บางคนฟังแล้วรู้…เหมือนว่าคุณชายผิงเฉิงไม่ได้มองราชวงศ์แปดแขนอยู่ในสายตา
“คุณชายผิงเฉิงเป็นปริศนา” ผู้อาวุโสส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ทว่า เล่าลือกันว่าเมืองผิงเฉินเคยเป็นสถานที่ที่กำเนิดของพานหลง รายละเอียดเท็จจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบ”
……………………………………………..