ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2339 เทพกระบี่กูตู๋
ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นหายใจเอาไว้ โดยเฉพาะยอดฝีมือบางคน แม้จะกล่าวว่าเป็นการต่อสู่ระหว่างเทพกระบี่กูตู๋กับหลี่ชิเย่โดยลำพัง แต่ทว่าในใจของพวกเขาก็ยังกระหายอยากให้เทพกระบี่กูตู๋สามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ได้
สายตาของทุกคนต่างจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่กะพริบตา ขณะมองดูเทพกระบี่กูตู๋ บางทีกลุ่มคนรุ่นใหม่อาจจะรู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของเทพกระบี่กูตู๋ แต่ไม่ได้มีความเข้าใจในตัวของเทพกระบี่กูตู๋เลย
แต่ว่า ยอดฝีมือรุ่นอาวุโส โดยเฉพาะระดับบรรพบุรุษขแงระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ พวกเขามีความเข้าใจในตัวของเทพกระบี่กูตู๋มากกว่า วิชากระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋นับว่าปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้ ถ้าหากว่าต่างก็เป็นเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าด้วยกัน เทพกระบี่กูตู๋จะไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในขั้นอมตะของเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า เทพกระบี่กูตู๋ยังคงมองพวกเขาด้วยความเย้ยหยัน
นี่แหละคือจุดแข็งของเทพกระบี่กูตู๋ เขาหลงใหลในกระบี่มาชั่วชีวิต ฝึกแต่วิชากระบี่ พื้นฐานของเขาแน่นปึกหาใช่พวกเทพแท้จริงที่ฝึกเคล็ดวิชาราชัน เคล็ดวิชาปฐมบรรพบุรุษประเภทต่างๆ สามารถเทียบเคียงได้
“เป็นกระบี่ที่ไวมาก” เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าไม่เคยเห็นกระบี่ที่ไวขนาดนี้มาก่อน กระบี่ลักษณะเช่นนี้คู่ควรให้ข้าออกกระบี่”
ท่าทางของเทพกระบี่กูตู๋ดูผึ่งผายภูมิฐานสง่าผ่าเผยมาก ไม่ได้มีความเป็นศัตรูต่อหลี่ชิเย่ แต่เป็นท่าทีที่ต้องการศึกษาต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เป็นยอดฝีมือที่แกร่งที่สุดในชีวิต
เวลานี้หลี่ชิเย่ได้มองดูเขาช้าๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยช้าๆ ขึ้นว่า “อืม วิชากระบี่นับว่าใช้ได้ แปลงสัจธรรมให้ง่ายขึ้น นับว่าซาบซึ้งถึงแก่นของวิชากระบี่แล้ว”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับอ้าปากตาค้างเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เทพกระบี่กูตู๋นั้นคือเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าเชียวเลยนะ ชั่วชีวิตหลงใหลแต่กระบี่ ชั่วชีวิตนอกจากฝึกกระบี่แล้วไม่เคยสนใจอย่างอื่น เรียกได้ว่าหากจะว่ากันด้วยเรื่องของกระบี่ล้วนๆ ล่ะก็ มาวันนี้เกรงว่าคงไม่มีใครในแดนลัทธิพรรษที่ก้าวเดินไปได้ไกลกว่าเขาอีกแล้ว ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงความหมายที่แท้จริงของวิชากระบี่มากไปกว่าเขาอีกแล้ว
แต่ว่า นาทีนี้เวลานี้ ออกจากปากของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นคำวิจารณ์ว่า “วิชากระบี่ยังใช้ได้” คำพูดเช่นนี้ออกจะอวดดี และโอหังเกินไปแล้วกระมัง
แต่ว่า ท่าทีของเทพกระบี่กูตู๋กลับดูหนักแน่น ค่อยๆ ปลดเอากระบี่ยักษ์ลงมาจากหลังของตน และยืนกอดกระบี่เอาไว้ ในเวลานี้เขาไม่ได้เผยพลังกระบี่ที่น่ากลัวออกมา แต่ตัวเขาเสมือนหนึ่งคือกระบี่เล่มหนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่งที่อยู่ในฝัก ไม่มีกลิ่นอายการฆ่า และมั่นคงดุจเขาไท่ซาน เหมือนว่าไม่มีใครสามารถสั่นคลอนเขาได้
“ข้าฝึกกระบี่มาชั่วชีวิต ความเร็วกระบี่ไม่ใช่สิ่งถนัดของข้า แต่ว่า วันนี้ได้เห็นกระบี่ไวแล้วรู้สึกดีใจยิ่ง หวังว่าท่านจะลงมือเพื่อตัดสินชี้ขาด” เทพกระบี่กูตู๋เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เวลานี้ ในสายตาของหลี่ชิเย่หาใช่ศัตรู ส่วนการที่หลี่ชิเย่จะสังหารพวกของเจี้ยนจุน หรือเข่นฆ่าล้างสุสานกระบี่หรือไม่นั้น เรื่องเหล่านี้เทพกระบี่กูตู๋สนใจ และไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยอยู่แล้ว ในสายตาของเขามีเพียงกระบี่ ขณะที่หลี่ชิเย่เป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรแก่เขาที่จะลงมือ คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาให้การนับถือ เพียงเท่านี้เท่านั้นเอง
“กระบี่ไวก็ใช่จะเป็นสิ่งที่ข้าถนัด แค่ทำไปตามอารมณ์เท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
ทุกคนต่างรู้สึกงงงันเมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา กระทั่งมีผู้ที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ ทุกคนต่างเคยเห็นกระบี่ไวของหลี่ชิเย่มาแล้ว กระบี่นี้รวดเร็วเหลือเกิน พลันที่สำแดงขึ้นมาศีรษะตกพื้น เกรงว่าคงไม่มีกระบี่ที่ไวเช่นนี้ในโลกอีกแล้ว
กระบี่ที่ไวเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามต่างมองว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรแก่การภาคภูมิใจ แต่ว่า หลี่ชิเย่เพียงพูดแบบเอ้อระเหยว่านี่หาใช่เป็นความถนัดของเขา ถ้าหากคำพูดนี้เป็นจริงล่ะก็น่ากลัวมากเหลือเกิน กระบี่ที่ไวขนาดนี้ยังไม่ใช่ความถนัดของเขา เช่นนั้นแล้วความถนัดของเขามิต้องน่ากลัวจนสุดจะเทียบเทียมรึ?
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้ม่านตาของเทพกระบี่กูตู๋หดตัว เวลานี้สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างไม่ลดละ เหมือนว่าต้องการมองให้รู้ถึงความนัยอะไรบางอย่าง แต่ว่า ต่อให้ตัวเขาที่เป็นผู้หลงใหลในวิชากระบี่ก็มองไม่ออกว่ามีความนัยเช่นใด
“ไม่ทราบว่าอะไรคือสิ่งที่ท่านถนัด?” เทพกระบี่กูตู๋กล่าวขึ้นช้าๆ
“ฆ่าคน เพียงเท่านี้เอง” หลี่ชิเย่หัวเราะ คำพูดนี้พูดได้ตามอารมณ์มาก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้ยินคำพูดที่ตามอารมณ์ยิ่งนี้แล้ว กลับได้กลิ่นคาวเลือดขึ้นมา ต่างรู้สึกสะท้านขึ้นมา
‘ฆ่าคน’ สองคำนี้เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้วเหมือนว่ารสชาติเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาไม่ได้ข่มขู่ใคร แม้ว่าเขาไม่ได้คุกคามใคร แต่ยังคงทำให้ผู้คนได้ยินแล้วหวาดกลัวจนขนลุกซู่
แช้งค์…เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋ค่อยๆ ชักกระบี่ยักษ์ของตนออกมาอย่างช้าๆ ขณะที่เทพกระบี่กูตู๋ชักกระบี่ของตนออกมาช้าๆ นั้น ท่วงท่าเชื่องช้ามาก ท่าทางหนักแน่นมาก แต่ว่าท่วงท่าของเขาไม่ได้มีอะไรมากมายแม้แต่น้อย ธรรมดามาก ทุกๆ ท่วงท่าเล็กๆ น้อยๆ ล้วนแล้วแต่ถึงระดับเรียบง่ายแล้ว
เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋มีกระบี่ยักษ์ในมือ ท่าทางเข้มขรึม กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เชิญท่านลงมือ ให้ข้าได้เห็นท่วงท่าที่มีความสง่างามของท่าน”
“ความสามารถด้านกระบี่ที่แท้จริงใช่อาศัยความคมของกระบี่ แต่อาศัยการบำเพ็ญเพียรของแต่ละบุคคล” หลี่ชิเย่มองดูกระบี่ยักษ์ในมือของเทพกระบี่กูตู๋ ยิ้มบางๆ ออกมา
กระบี่ของเทพกระบี่กูตู๋เรียบง่ายมาก ไม่มีลวดลายสลักที่เกินงามและสิ่งประดับตกแต่ง กระบี่ก็คือกระบี่ กระบี่ที่ใช้ฆ่าคนเพียงเท่านี้เอง
“ในเมื่อเจ้าใช้กระบี่หนัก ข้าอาศัยกระบี่ไวดูจะไม่มีความหมาย” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นกระบี่หนัก เช่นนั้นแล้วก็ใช่กระบี่หนักมาชี้ขาดก็แล้วกัน”
กระบี่หนัก…ดวงตาทั้งสองของเทพกระบี่กูตู๋พลันส่งประกายที่เจิดจ้าออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ แววตาปรากฏความตื่นเต้นดีใจที่ปราศจากสิ่งเทียบเทียม กล่าวสำหรับเขาแล้ว ทำให้เขารู้สึกชื่นชอบเมื่อเห็นกระบี่ไวของหลี่ชิเย่
เขาหลงใหลในกระบี่มาชั่วชีวิต หลังจากผ่านวิชากระบี่สารพันแล้ว เขาก็ทำการแปลงวิชากระบี่ให้ง่ายขึ้น กระทั่งถึงขั้นไม่ต้องอาศัยความคมของกระบี่แล้ว แต่ละกระบวนท่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย มีเพียงน้ำหนักเท่านั้น
กล่าวสำหรับเทพกระบี่กูตู๋แล้ว คนอื่นจะแข็งแกร่งเพียงใดเขาไม่เคยใส่ใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจก็คือ ไม่สามารถพบเจอผู้ที่ชำนาญในเรื่องวิชากระบี่ที่แท้จริงสักคน เพื่อตัดสินชี้ขาดเสียที
เวลานี้เมื่อได้ยินหลี่ชิเย่ต้องการอาศัยกระบี่หนักมาต่อสู้ชี้ขาดกับเขา แล้วจะไม่ให้เขารู้สึกดีใจได้อย่างไรกันเล่า นี่แหละคือวิชากระบี่ที่เขาถนัดมากที่สุด และเป็นวิชากระบี่ที่สุดยอดที่สุดของเขา
หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “วันนี้ จะให้เจ้าได้เห็นวิชากระบี่ที่แท้จริงก็แล้วกัน”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ บนตัวของเขาได้แผ่ประกายที่จางๆ ขึ้นมา โดยประกายจางๆ ดังกล่าวดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มี ตัวของหลี่ชิเย่เองก็ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นไป
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏเสียงคำรามของกระบี่ดังขึ้น แต่ทว่า ในมือของหลี่ชิเย่ปราศจากกระบี่ รอบๆ ก็ปราศจากกระบี่ เป็นเพียงเสียงคำรามของกระบี่เท่านั้น ไม่เห็นตัวกระบี่ แต่แล้วทันใดนั้นเอง ก็คล้ายดั่งมีกระบี่ไปทุกที่ โดยที่ตัวของหลี่ชิเย่ก็คือกระบี่
“ดี…” เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋อดที่จะชื่นชมออกมาแม้ว่าจะไม่ได้เห็นกระบี่ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันได้ลงมือ เขาก็ดูจะตื่นเต้นดีใจมากแล้ว กล่าวว่า “นี่แหละคือกระบี่!”
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง กระบี่ยักษ์ในมือของเทพกระบี่กูตู๋ก็มีการสะเทือนหวั่นไหวทีหนึ่ง มันไม่ได้เปล่งประกายกระบี่ที่สะเทือนฟ้าออกมา และไม่ได้ระเบิดปณิธานกระบี่ที่สะเทือนฟ้า แต่ว่า ในพริบตาเดียวนั้นเอง กระบี่เล่มนั้นเหมือนฟื้นคืนชีพมีชีวิตขึ้นมาโดยพลันอย่างนั้น
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ในพริบตาเดียวนั้นเอง ตัวของเทพกระบี่กูตู๋เองก็คือกระบี่เล่มหนึ่ง กระบี่ที่ออกจากฝักเล่มหนึ่ง เป็นกระบี่ที่ปราศจากความแหลมคม แต่ประเมินน้ำหนักไม่ได้ เหมือนว่าพลันที่ลงมือด้วยกระบี่นี้ก็สามารถกดทับจนเหล่าชั้นฟ้าพังถล่มลงมา
ในเวลานี้ เมื่อทุกคนมองไปนั้น เทพกระบี่กูตู๋ก็ดี กระบี่ยักษ์ก็ช่าง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่แยกกันไม่ออกแล้ว เนื่องจากที่ทุกคนมองเห็นมีเพียงกระบี่เท่านั้น เทพกระบี่กูตู๋ได้หลอมรวมเข้าเป็นร่างเดียวกันกับกระบี่ยักษ์ที่อยู่ในมือแล้ว ไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งไหนคือคน สิ่งไหนคือกระบี่
ในเวลานี้เอง ร่างกายของเทพกระบี่กูตู๋ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเช่นกัน ลอยค้างอยู่บนท้องฟ้าประจันหน้ากับหลี่ชิเย่
“ข้าอยากจะเห็นกระบี่ของท่าน” เวลานี้เทพกระบี่กูตู๋คือคนกับกระบี่รวมเป็นร่างเดียว กระบี่ที่ไร้ความคม การพูดจาก็ดูจะเรียบเฉย แต่ทรงพลังยิ่งนัก
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง บนท้องฟ้าปรากฏกระบี่ยักษ์ลอยตัวขึ้น กระบี่ยักษ์เล่มนี้ใหญ่โตมากเกินไปแล้ว ใหญ่จนผู้คนไม่สามารถจินตนาการได้ ขณะทางช้างเผือกสายหนึ่งล้อมรอบตัวของกระบี่ยักษ์นี้ ก็ดูเหมือนเป็นใยไหมเส้นเล็กๆ เท่านั้น
กระบี่ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถวัดขนาดได้ ขอเพียงฟาดฟันลงมาก็สามารถผ่าโลกทั้งโลกออกเป็นสองซึก ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าอะไร หรือเคล็ดวิชาอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงภายใต้กระบี่ยักษ์เล่มนี้
นี่มันกระบี่อะไร…ทุกคนล้วนแล้วแต่งงงัน เมื่อเงยหน้ามองเห็นกระบี่เล่มนี้ กระบี่ที่มีขนาดใหญ่ปราศจากสิ่งเทียบเทียม หากไม่อาศัยเนตรฟ้าจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ทั้งหมด ลำพังแค่ปลายกระบี่ก็เสมือนดั่งเป็นโลกๆ หนึ่ง ด้วยกระบี่ขนาดยักษ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนมองจนอ้าปากตาค้าง
“นี่คล้ายเป็นการรังแกคนไปนิด” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย ยื่นมือไปกำเอาไว้ มองเห็นกระบี่ที่มีขนาดใหญ่โตปราศจากสิ่งเทียบเทียมค่อยๆ หดตัวเล็กลงๆ สุดท้ายตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่
เวลานี้ ในมือของหลี่ชิเย่กำกระบี่ทองแดงเอาไว้ กระบี่ทองแดงทั้งเล่มได้เปล่งประกายที่จางๆ ขึ้นมา แลดูโบราณเรียบง่าย…หนึ่งกระบี่ที่อยู่ในมือ ดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากเหลือเกิน
ในขณะนี้กระบี่ทองแดงที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่มีขนาดพอๆ กับกระบี่ยักษ์ในมือของเทพกระบี่กูตู๋ ในด้านของอาวุธแล้วทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันไม่มากนัก
“ในใจมีกระบี่ ก็คือกระบี่” เทพกระบี่กูตู๋ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ท่าทีหนักแน่นจริงจัง เพ่งสายตาไปข้างหน้า มองดูกระบี่ทองแดงที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ และเอ่ยถามขึ้นช้าๆ ว่า “กระบี่นี้มีชื่อว่าอะไร?”
“กระบี่ทองแดง…” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเรียบเฉย จากนั้นปัดตัวกระบี่เบา ทีหนึ่ง
“กระบี่ทองแดง…” เทพกระบี่กูตู๋พึมพำเบาๆ ชื่อที่ธรรมดาๆ จนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไร กลับคู่ควรให้ผู้คนไปหวนระลึกถึง
แต่แล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนยังเข้าใจว่ากระบี่ทองแดงของหลี่ชิเย่จะต้องมีชื่อที่สะเทือนฟ้า หรือเป็นชื่อที่มีความพาลปราศจากผู้เทียบเทียม แต่แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะมีชื่อว่า ‘กระบี่ทองแดง’ เท่านั้น ซึ่งชื่อนี้ธรรมดาจนผู้คนต้องรู้สึกงงงัน
“เช่นนั้น ให้พวกเราเริ่มกันเลย” ดวงตาทั้งสองของเทพกระบี่กูตู๋เพ่งไปข้างหน้า พลันเปล่งประกายขึ้นมา
“เจ้าลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “จะได้ไม่หาว่าข้าไม่เปิดโอกาสให้กับเจ้า”
ทุกคนได้แต่ยอมแล้วกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เมื่อออกจากปากของเขาแล้ว ล้วนแล้วแต่เอ้อระเหยอะไรอย่างนั้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนได้แต่บอกว่าต้องยอมแล้ว
“ดี…” เทพกระบี่กูตู๋ก็ไม่พูดมากความ สองมือกำกระบี่ ตาทั้งสองพลันเจิดจ้า ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนหนึ่งกลับกลายเป็นดวงอาทิตย์สองดวงอย่างนั้น แสงที่พวยพุ่งออกมาดุจดั่งสามารถเผาผลาญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ผู้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
……………………………………………