ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2441 เทพวายุไม่มีทางเลือก
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2441 เทพวายุไม่มีทางเลือก
เวลานี้ เทพวายุเองก็ชักสงสัยอยู่บ้างเหมือนกัน ขณะมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ เจ้าหนูผู้นี้ใช่คนที่เปลือกนอกดูว่าไม่เป็นโล้เป็นพายหรือไม่ หรือบางทีเขามีความลึกล้ำยากจะหยั่งถึง! เวลานี้เมื่อนึกขึ้นมาแล้ว การที่ฮ่องแต้ไท่ชิงมอบบัลลังก์ให้กับเขานั้น นับว่ามีบางสิ่งที่พิลึกพิลั่นอยู่บ้างจริงๆ
แรกทีเดียว พวกเขาต่างเข้าใจว่าการที่ฮ่องแต้ไท่ชิงมอบบัลลังก์ให้หลี่ชิเย่นั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่คือบุตรนอกสมรสของฮ่องแต้ไท่ชิง โดยเฉพาะการได้เห็นท่าทางที่อันธพาลสุดๆ ของหลี่ชิเย่นั้น เหมือนเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นผู้ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างสิ้นเชิง ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจว่าหลี่ชิเย่ก็คือบุตรนอกสมรสของฮ่องแต้ไท่ชิง
มิฉะนั้นล่ะก็ คนที่เป็นเพียงสวะเช่นนี้จะได้รับการหลงรักอย่างฮ่องแต้ไท่ชิงได้อย่างไร และตามใจเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?
เวลานี้ หลังจากได้สัมผัสแล้ว รู้สึกว่าเจ้าหนูคนนี้ใช่จะไม่เป็นโล้เป็นพายดั่งที่จินตนาการไว้ กระทั่งบ้าระห่ำมากกว่าพวกเขาเสียอีก เรื่องบางเรื่องแม้แต่พวกเขาที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นนี้ยังไม่เคยคิด เจ้าหนูผู้นี้กลับคิดไปได้ทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้
ไปเถอะ ติดตามผู้เฒ่าอย่างข้ากลับไปที่สำนักเสินสิงเหมินกัน สุดท้าย เทพวายุได้เอ่ยขึ้นช้าๆ
กลับไปที่สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าทำไม? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า แน่นอน ฮ่องเต้เช่นข้าคนนี้ยังคงมีประโยชน์ยิ่งต่อสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้า เป็นเบี้ยที่มีน้ำหนักมากเม็ดหนึ่ง
คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ไม่ผิด ฮ่องเต้คนนี้อย่างเขาเมื่ออยู่ในมือของสำนักเสินสิงเหมินนับเป็นเบี้ยสำคัญจริงๆ ควบคุมโอรสสวรรค์ บัญชาการเจ้าผู้ครองแคว้น เหตุผลข้อนี้รับรู้กันทุกคน
ฮึ… เทพวายุส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา และกล่าวว่า เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เกรงว่าหากให้เจ้าเดินออกไปจะมีโอกาสตายโดยไร้ที่ฝังได้ทุกเมื่อ แคว้นว่านเจิ้น ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แม้กระทั่งราชวงศ์โต่วเซิ่นของเจ้า มีฝ่ายไหนบ้างที่ไม่ต้องการให้เจ้าตาย หากเจ้าไม่ตาย พวกเขาก็คงกินและนอนอย่างไม่มีความสุข
คำพูดของเทพวายุก็มีเหตุผล กล่าวสำหรับราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ไม่ตายสักวัน พวกเขาก็ยากจะเป็นสุข พวกเขาก็ยากที่จะเข้ากุมอำนาจโดยชอบธรรม ยิ่งไม่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ได้อย่างถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม การมีชีวิตอยู่ของหลี่ชิเย่ พวกเขาก็คือผู้ชิงบัลลังก์!
อย่างไรก็ได้ หลี่ชิเย่ทำยักไหล่ทีหนึ่ง มองดูเทพวายุแล้วเอามือลูบคาง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า เท่าที่ข้ารู้มา สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้ามีคลังตำราหลังหนึ่งกระมัง เป็นคลังเก็บตำราที่มีขนาดใหญ่มากๆ !
เจ้าคิดจะทำอะไร? เทพพายุถึงกับเพ่งสายตาไปข้างหน้า และเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้
วางใจเถอะ ข้าไม่ได้สนใจในคาถาสิงมี่ และหรือเคล็ดวิชาลับอื่นใด ถ้าหากข้าสนใจในเคล็ดวิชาลับอะไรเหล่านี้ล่ะก็ ในคลังสมบัติของวังหลวงมีไม่รู้มีจำนวนเท่าไรให้ข้าได้เลือกตามใจชอบ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า ที่ข้าต้องการคืออ่านข้อมูลเอกสารที่เก็บเอาไว้ในคลังตำราพวกเจ้าเท่านั้นเอง ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสืออ่านเล่น หากไปแล้วคุ้มค่า ก็ไปที่สำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้าสักครั้งก็ย่อมได้
เทพวายุจ้องมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าในใจของเจ้าหนู่ผู้นี้คิดอะไรอยู่ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า เจ้าต้องการค้นหาอะไร?
ไม่ได้ค้นหาอะไร หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ และกล่าวว่า เพียงต้องการอ่านตำราเพิ่มพูนความรู้สักหน่อย สมควรทราบว่า ความรู้ก็คือพลัง เฉกเช่นสำนักเสินสิงเหมินพวกเจ้า ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยการสืบเสาะหาข่าว และความลับต่างๆ สิ่งเหล่านี้เคยสั่งสมธาตุแท้ภายในให้กับพวกเจ้ามากมายเท่าไร
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้เทพวายุรู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง แต่ว่าเขาเองก็ยอมรับว่าคำพูดของหลี่ชิเย่นั้นมีเหตุผล
ถ้าหากเจ้าต้องการข่าวคราวด้านต่างๆ ข้าสามารถมอบให้เจ้าชุดหนึ่ง เป็นข้อมูลที่ทันเหตุกาล เทพวายุก็นับว่าใจกว้าง
ข้าไม่ค่อยสนใจสำหรับข่าวคราวปัจจุบัน สถานการณ์ใหญ่ใต้หล้าอะไรนั่นไม่ต้องดูก็สามารถรู้ได้ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า ข้าให้ความสนใจในข่าวลับในอดีต ยิ่งเก่าแก่ ยิ่งลับมาก กล่าวสำหรับข้าแล้วก็ยิ่งมีค่า พูดง่ายๆ ก็คือข้าต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกตามความเป็นจริง หรือพงศาวดาร เกล็ดประวัติศาสตร์!
คำพูดนี้ถึงกับทำให้เทพวายุต้องมองหน้าหลี่ชิเย่หลายที แม้จะกล่าวว่า สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาถือกำเนิดขึ้นโดยอาศัยการเสาะหาข่าวคราว ขุดสาวข่าวลับ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมาถึงวันนี้แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างก็ได้แปรเปลี่ยนไป ศิษย์ส่วนใหญ่จะมุ่งเสาะแสวงหากำลัง และทักษะยุทธที่แข็งแกร่ง สำหรับเรื่องข่าวคราวที่เป็นความลับต่างๆ และตำราโบราณหรือข้อมูลเอกสารในอดีต มีศิษย์ไม่กี่คนที่ให้ความสนใจมันอีกแล้ว
ได้ เจ้าจะอ่านอย่างไรก็ได้ สุดท้าย เทพวายุตอบตกลงหลี่ชิเย่
เออสิ นังหนูคนนั้นของพวกเจ้าชื่อว่าอะไร หลี่ชิเย่ ลุกขึ้นยืนสัมผัสฝ่ามือแล้วยิ้มกล่าว
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา! เทพวายุตอบน้ำเสียงเย็นชา ขณะพูดคำนี้ออกมาเขารู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาไม่เพียงเป็นศิษย์ที่มีสายเลือดสูงส่งที่สุดของสำนักเสินสิงเหมินพวกเขา ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีพลังแฝงมากที่สุด บรรดาบรรพบุรุษภายในสำนักต่างมั่นใจในตัวของนาง ในอนาคตต่อให้นางไม่ปกครองสำนักเสินสิงเหมิน แต่ก็จะมีโอกาสกลายเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งแห่งยุค กระทั่งสักวันหนึ่งในอนาคตอาจมีโอกาสแซงล้ำหน้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นเขาไปได้
ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาย่อมต้องการคงไว้บ่มฟักเอง เพียงแต่วันนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงขอร้องแกมบังคับให้ศิษย์สาวที่มีสายเลือดดีที่สุดแต่งเข้าวัง เพื่อคัดเลือกเป็นพระชายาของรัชทายาท
ในเวลานั้น ภายในใจของเทพวายุย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จะอย่างไรเสีย เฉกเช่นหลี่ชิเย่ที่เป็นประเภทไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้ ใครเล่าจะยินดีให้ศิษย์ที่ดีที่สุดของตนแต่งงานกับเขา!
เพียงแต่ในขณะนั้นสยบต่ออานุภาพของฮ่องเต้ไท่ชิง และสำนึกในบุญคุณที่ฮ่องเต้ไท่ชิงให้การส่งเสริม ดังนั้น เขาจึงเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาตอบตกลงในเรื่องนี้
แน่นอนที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น พวกเขาจะไม่ตกลงย่อมไม่ได้ ถ้าหากเวลานั้นมีใครที่ก้าวออกมาปฏิเสธเป็นคนแรก ฮ่องเต้ไท่ชิงต้องจัดการกับผู้ที่เสนอหน้าเป็นคนแรกอย่างแน่นอน ซึ่งเวลานั้นฮ่องเต้ไท่ชิงยังคงมีชีวิตอยู่ ซุนหลึ่งหยิ่ง กองทัพหยินมี่ก็ยังอยู่ เมื่อไรที่ทำให้ฮ่องเต้ไท่ชิงโกรธ ไม่อยากนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้น
แต่ว่า มาวันนี้ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนดั่งเมื่อวาน ฮ่องเต้ไท่ชิงได้ตายไปแล้ว ซุนหลึ่งหยิ่งปลีกตัวจากออกไป กองทัพหยินมี่ก็หายสาบสูญไป ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้แผ่นดินก็ล่มสลายด้วย หลี่ชิเย่ได้กลายเป็นกษัตริย์สิ้นชาติไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลำพังกษัตริย์สิ้นชาตที่อ่อนแอไร้ความสามารถคนหนึ่ง คู่ควรกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้รึ? หากเป็นก่อนหน้านั้น เขายังเป็นฮ่องเต้อยู่ยังพอจะบอกว่าเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาที่คบหาผู้มีฐานะสูงกว่า มาถึงวันนี้ กับกษัตริย์สิ้นชาติคนหนึ่งเกรงว่าแม้แต่ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก็ไม่มองเขาอยู่ในสายตา
ทำไม จะกลับคำรึ หลี่ชิเย่มองดูท่าทางของเทพวายุที่ดูอึดอัดแล้ว ถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
คนเราย่อมรู้จักประเมินตนเอง เทพวายุเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา
ภายในใจของเทพวายุย่อมไม่สบอารมณ์นัก หลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่คู่ควรกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาอยู่แล้ว! เพียงแต่คนอย่างเทพวายุจะมากหรือน้อยก็นับว่าเป็นคนที่มีขีดการยอมรับต่ำสุดในเรื่องการรักษาสัญญา เป็นคนที่พูดแล้วทำตามที่พูด เขารับปากกับฮ่องเต้ไท่ชิงทั้งยังได้ลงนามในสัญญาแต่งงาน เขาจึงเกรงใจที่จะไปกลับคำ และละอายที่จะไปปฏิเสธเรื่องแต่งงานนี้โดยตรง
ไม่ว่าเทพวายุจะวางแผนอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดเขายังคงมีจุดการยอมรับต่ำสุด ยังคงเป็นคนที่รักษาสัจจะคนหนึ่ง
ตอนนั้นเขาจนปัญญาจึงได้รับปากเรื่องแต่งงานนี้ วันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เวลานี้เขายิ่งไม่เต็มใจในเรื่องแต่งงานครั้งนี้ นี่มันคือดอกไม้งามปักลงบนขึ้วัวน่ะสิ
แต่ติดตรงที่ว่าตนเองเคยพูดเอาไว้แล้วก่อนหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่คาดหวังให้หลี่ชิเย่รู้ว่าเรื่องนี้มันยากแล้วหลบไป ด้วยการยกเลิกงานแต่งงานนี้เสียเอง
อะไรเรียกว่ารู้ตัวเอง? หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า ในสายตาของข้าก็แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อมอบให้ข้าเป็นภรรยาน้อย ก็ต้องปรนนิบัติข้าให้ดี ตำราโบราณตะเกียงที่เปล่าเปลี่ยว บ้านเก่าแก่เย็นยะเยือก ข้าก็ต้องการนังหนูที่จะมาล้างเท้าและอุ่นเตียงให้สักคน
การที่หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่สูงเด่น และลำพองเช่นนี้ ทำให้ภายในใจของเทพวายุเคืองไม่น้อยทีเดียว อยากจะอาศัยหนึ่งฝ่ามือฟาดเจ้าสารเลวน้อยนี้ให้ตายคามือ
เวลานี้เจ้าเป็นเพียงกษัตริย์ที่สิ้นชาติ! เทพวายุพูดเย็นชาขึ้นมา คำพูดนี้ของเขาชัดเจนยิ่งกว่าอะไรอีกแล้ว เขายังจะต้องกล่าวมากความอีกรึ?
กษัตริย์ที่สิ้นชาติแล้วอย่างไร? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า คนเรา ไม่ควรไม่รักษาคำพูด คนที่ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งต้องเป็นเช่นนี้ มิฉะนั้นล่ะก็มันก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง เรื่องๆ หนึ่งมักจะสามารถตัดสินความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเจ้าได้เสมอๆ และสามารถตัดสินด้านคุณธรรม ศีลธรรมของเจ้า ยิ่งกว่านั้นยังสามารถบงการจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า
จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร…ดวงตาทั้งสองของเทพวายุถึงกับหรี่ลง ตัวเขาในฐานะระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะย่อมรู้ดีว่าอะไรคือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร และรู้ว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงดวงหนึ่งสำหรับยอดฝีมือแล้วมีความสำคัญแค่ไหน
ปัญหาก็คือ คนหนุ่มในเวลานี้จะมีสักกี่คนที่พูดถึงเรื่องจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ? ที่ทุกคนพูดถึงก็คือเรื่องของทักษะยุทธ เรื่องเคล็ดวิชาอ่อนหรือด้อย แต่ทว่า คำว่า ‘จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร’ กลับออกมาจากปากของคนที่ทักษะอ่อนด้อยเช่นนี้อย่างหลี่ชิเย่ นับว่าอยู่เหนือความคาดคิดของเขาไปมากทีเดียว
สำหรับผู้บำเพ็ญตนตัวน้อยๆ ที่เพิ่งเข้าสู่การฝึกยุทธแล้ว ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อฝึกเคล็ดวิชาที่ดีกว่าด้วยความยากลำบาก ให้ได้มาซึ่งของวิเศษที่ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้บำเพ็ญตนในขั้นตอนนี้ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ ต้องการให้ตนเองกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น
แต่ว่า ในขั้นตอนนี้จะมีสักกี่คนที่เคยคิดจะไปขัดเกลาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรให้มั่นคง กระทั่งมีผู้ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรคืออะไร
ความจริงแล้ว ผู้บำเพ็ญตนมีจำนวนเป็นล้านล้าน คนที่แคร์ในเรื่องของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมีอยู่ไม่มาก ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ต่อการฝึกยุทธแต่อย่างใด
แต่ว่า เทพวายุคือระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรคนหนึ่ง การที่เขาก้าวเดินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ ย่อมรู้ถึงความสำคัญของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่า คำพูดนี้กลับออกจากปากของหลี่ชิเย่ นี่แหละคือสิ่งที่สร้างความตระหนกและแปลกใจ
ไร้สัจจะ ยากจะยืนอยู่บนโลก ยิ่งยากที่จะครอบครองแผ่นดิน หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า หากในใจไร้สัจจะ แล้วจะยืนหยัดได้อย่างไร คงมีสักวันที่ต้องสั่นคลอน
คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ดวงตาทั้งสองของเทพวายุเพ่งตรงไปข้างหน้า เผยให้เห็นประกายยะเยือกเป็นสายๆ
ในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งกว่าราชันแท้จริงจำนวนไม่น้อย เฉกเช่นคนอย่างเขาย่อมเป็นผู้ที่ยึดมั่นในสัญญาแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากเขาจะกลับคำเรื่องแต่งงาน จะปฏิเสธงานแต่นี้ ไม่มีความยากเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่กล่าวสำหรับเทพวายุในเวลานี้ ด่านที่ผ่านได้ยากที่สุดยังคงเป็นตัวเขาเอง เขาจะต้องถามตัวเองว่า ตัวเองสามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของตนหรือไม่ สามารถทำได้ถึงขั้นคำมั่นดั่งทองฟันชั่ง
เหมือนดั่งเช่นตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือกลับไม่ได้มีความกดดันเช่นนี้ พวกเขา เปลี่ยนท่าทีโดยตรง เล่น และกระทำสิ่งที่ทำให้ตนเองได้เปรียบ ด้วยการให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนแต่งเข้าวังแทนปิงฉือหานยวี
ฮ่องเต้ไท่ชิงได้ตายไปแล้ว แผ่นดินก็สิ้นแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามคงไม่มีอะไรยากกับการทำเรื่องเช่นนี้ หนึ่งเดียวที่ทดสอบพวกเขาก็คือ ตัวของพวกเขาเอง
กล่าวสำหรับเทพวายุแล้ว เฉกเช่นที่ปิงฉือเจี๋ยจุนทำอยู่นั้น อย่างน้อยที่สุดเขาทำเช่นนี้ไม่ได้
ดังนั้น จึงทำให้เทพวายุรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในใจของเขาคาดหวังให้หลี่ชิเย่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากแล้วถอนตัวออกไปเอง ตัวเองเป็นคนยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้
……………………………………………….