ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2452 สินสอด
บรรดาระดับบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนั่งกันสงบอยู่ตรงนั้น เมื่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาก้าวออกมาและพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด สิ่งนี้หาใช่อยู่ในความคาดคิดของพวกเขา แต่เป็นเพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนการของพวกเขา
สำหรับศิษย์ส่วนมากของสำนักเสินสิงเหมินที่อยู่นอกประตูนั้น มีอยู่จำนวนมากที่ทยอยกันจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ บางคนบันดาลโทสะ บางคนเหยียดหยาม และมีบางคนที่ยิ้มเยาะ ยิ่งกว่านั้นยังมีคนที่ดีใจ…
กล่าวสำหรับศิษย์สำนักเสินสิงเหมินจำนวนมากกว่านั้น พวกเขายังไม่ทราบว่าวันนี้บรรดาระดับบรรพบุรุษทั้งหลายต้องการทำอะไร ขณะที่พวกของเทียนเฮ่อเจินเหรินเหมือนมีความมั่นใจอยู่ในใจ
หลี่ชิเย่มองดูธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาทีหนึ่งแล้วถึงกับหัวเราะขึ้นมา และยิ้มกล่าวว่า พูดไปพูดมา พวกเจ้าคิดจะถอนหมั้น หรือว่าปฏิเสธงานแต่งในครั้งนี้
ถูกต้อง ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวามองหลี่ชิเย่ด้วยสายตาเย้ยหยัน กล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่า เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ว่ากันด้วยเรื่องของความเหมาะสมของฐานะ เจ้าเองไม่ใช่ฮ่องแต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกต่อไปแล้ว ราชวงศ์โต่วเซิ่นในวันนี้สิ้นชาติและแผ่นดินแตกสลาย ไม่คู่ควรกับสำนักเสินสิงเหมินอีกแล้ว! หากรู้จักกาลเทศะล่ะก็ถอนหมั้นครั้งนี้เสีย อย่าหาเหาใส่หัว!
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว และพูดได้เย็นชาไร้น้ำใจยิ่ง เหมือนดั่งที่นางพูดเอาไว้ว่า เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต นี่เป็นโอกาสที่นางจะชิงเอาสิทธิ์ของการเป็นฝ่ายรุกที่ดีที่สุด ก่อนที่จะได้ข้อสรุปโดยสิ้นเชิง และเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของนางในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนาง นางจะไม่ยอมปล่อยผ่านโอกาสที่ดีที่สุดนี้ไป ดังนั้น นางจะไม่ยอมแต่งงานกับหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องแต้ชั่วอย่างเด็ดขาด และจะไม่ยอมปล่อยให้ชะตาชีวิตของตนมาผูกติดอยู่กับฮ่องแต้สิ้นชาติคนหนึ่งเด็ดขาด
กล่าวสำหรับ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาแล้วนางมีอนาคตที่ไร้ขอบเขต ในฐานะที่เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเสินสิงเหมิน นางไม่เพียงมีรูปโฉมที่งดงามเป็นที่ประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพรสวรรค์ที่สูงมาก นางจะยอมเคียงข้างอยู่กับฮ่องแต้ชั่วที่สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินไปชั่วชีวิตได้อย่างไรเล่า นางคือหงส์ที่อยู่บนท้องฟ้าย่อมไม่ยอมผูกติดอยู่กับฮ่องแต้ชั่วคนหนึ่ง ครั้นนางโผบินขึ้นเมื่อใด นางถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องบินร่อนอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!
ฐานะเหมาะสม…หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ส่ายหน้าและกล่าวว่า อาศัยเจ้าน่ะหรือ? ก็มีสิทธิ์มาพูดคำว่าฐานะเหมาะสมกับข้า?
เจ้า…สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันแดงก่ำและถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ ปรากฎอารมณ์ขุ่นมัวฉุนเฉียวสายหนึ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เจ้านับเป็นตัวอะไร…มีศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินที่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที และกล่าวดั่งไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า เวลานี้เจ้าก็คือผู้ที่หมดที่พึ่ง ไร้ญาติขาดมิตรยังกล้าพูดจาอย่างไม่มียางอาย!
ฮึ…แม้แต่คุณชายเฟยเฮ่อก็ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา แววตาดูน่าเกรงขาม กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า มองข้ามความหวังดีของผู้อื่น
อะแอม…ในเวลานี้เอง เทียนเฮ่เจินเหรินส่งเสียงไอขึ้นมาตัดบททุกคน เผยรอยยิ้มขึ้นมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ฝ่าบาท คนหนุ่มก็จะอารมณ์ร้อนเช่นนี้ ทำอะไรมักใช้อารมณ์ ท่านอย่าได้ถือสา หวังว่าฝ่าบาทจะให้อภัย
หลี่ชิเย่ไม่พูดตอบแต่อย่างใด เพียงยิ้มแต้จ้องมองไปที่เทียนเฮ่เจินเหริน รอยยิ้มบนใบหน้าดูเข้มอย่างยิ่ง
เทียนเฮ่เจินเหรินส่งเสียงไอทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีจริงจังต่อหลี่ชิเย่ว่า ฝ่าบาท สำนักเสินสิงเหมินพวกเราคือหนึ่งในห้าเกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ คำพูดย่อมเชื่อถือได้ พูดแล้วย่อมรักษาสัจจะ สำหรับเรื่องแต่งงานในครั้งนั้น สำนักเสินสิงเหมินของพวกเราก็ไม่มีแนวคิดที่จะคืนคำ…
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาพลันรู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินบิดาของตนพูดออกมาเช่นนี้ จึงส่งเสียงร้องขึ้นมา เพราะมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับข้อเรียกร้องของนางในตอนนั้น นางถึงกับร้อนรนอย่างยิ่ง เกรงว่าบิดาของตนเห็นด้วยที่จะให้ตนนั้นแต่งงานกับฮ่องแต่ชั่วอย่างฮ่องแต้องค์ใหม่นี้
อะแอม..เวลานี้ เทียนเฮ่เจินเหรินได้ส่งเสียงไอขึ้นมาตัดบทธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวา เอ่ยขึ้นช้าๆ กับหลี่ชิเย่ว่า ฝ่าบาท สำนักเสินสิงเหมินของพวกเราไม่ได้คิดที่จะกลับคำเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ ขอเพียงมีความเหมาะสม เป็นความจริงที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์สำนักเสินสิงเหมินพวกเราก็สมควรแต่งงานกับฝ่าบาท…
ท่านพ่อ…เมื่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง จึงร้องกล่าวเสียงดังขึ้นทันทีว่า ท่านพ่อ ข้าไม่ยอมแต่งงานกับฮ่องแต้ชั่วที่มั่วโลกีย์ไร้ความสามารถเช่นนี้! เว้นแต่ข้าจะตายเสียก่อน!
ห้ามก่อเรื่องวุ่นวาย…เทียนเฮ่เจินเหรินทำหน้าเข้มทันที งัดเอาอำนาจความเป็นเจ้าสำนักออกมา ส่งเสียงตวาดเสียงดังว่า เรื่องใหญ่ของสำนัก ไหนเลยให้เจ้ามาก่อกวนได้!
ท่าน…ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาทั้งโมโหทั้งโกรธ กระทืบเท้าอย่างแรงและก้าวไปยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรออกมาอีก นางทั้งอับอายทั้งโกรธจนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดาเหล่าบรรพบุรุษแล้ว นางก็ไม่กล้าที่จะทำบุ่มบ่ามอะไร
คุณชายเฟยเฮ่อที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับตระหนกเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้
เทียนเฮ่อเจินเหรินทำเสียงไออะแฮ่มทีหนึ่ง หัวเราะชอบใจและกล่าวว่า ฝ่าบาทก็ควรจะทราบดีว่า สำนักเสินสิงเหมินพวกเราคือหนึ่งในห้าแกร่ง การออกเรือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์คือเรื่องใหญ่มาก การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตจะทำลวกๆ ไม่ได้ ไหนเลยทำเป็นเด็กเล่นขายของได้? ฝ่าบาทว่าอย่างนั้นหรือไม่?
จากนั้นล่ะ? หลี่ชิเย่พลันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ท่าทางเหมือนรู้สึกน่าสนุกขึ้นมาโดยพลันอย่างนั้น
บุตรีของข้ากำลังจะแต่งงานกับฝ่าบาทอยู่แล้ว เทียนเฮ่เจินเหรินหัวเราะชอบใจและกล่าวว่า ฝ่าบาทต้องการแต่งงานกับบุตรีของข้าก็สมควรได้เวลาที่จะต้องมีการมอบสินสอดกันแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะมอบสิ่งใดเป็นสินสอดเล่า?
ไม่ทราบว่าพวกเจ้าต้องการสินสอดแบบไหนกัน หลี่ชิเย่อดเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งและเอ่ยเอ้อระเหยขึ้นมา
เทียนเฮ่เจินเหรินยิ้มกล่าวว่า ฝ่าบาทสมควรทราบอยู่แล้วว่า ข้าเองก็มีบุตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น และสำนักเสินสิงเหมินก็มีธิดาศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว การแต่งงานสำหรับบุตรีของข้าสมควรยิ่งใหญ่และสมฐานะ ซึ่งก็ไม่ทำให้ฝ่าบาทเสื่อมเสียฐานะและพระเกียรติ ตามความเห็นของข้า อย่างน้อยที่สุดก็ควรต้องของวิเศษระดับราชันแท้จริงสักสามถึงห้าชิ้นเป็นสินสมรส
เมื่อธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาได้ยินคำพูดของบิดาตนแล้วก็ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาเบิกกว้าง โดยนางเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาถึงสถานการณ์เช่นนี้ได้ ซึ่งแตกต่างจากที่นางมีการปรึกษาหารือแต่แรกอย่างสิ้นเชิง
คุณชายเฟยเฮ่อถึงกับยิ้มเยาะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดอาจารย์ของตน และเข้าใจถึงความคิดของอาจารย์ตนแล้ว
บรรดาระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งปราศจากปฏิกิริยาสำหรับคำพูดเช่นนี้ของเทียนเฮ่เจินเหริน เหมือนว่าไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิดแม้แต่น้อยอย่างนั้น
ศิษย์จำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านนอกประตูต่างเหม่อลอยทีหนึ่งและรู้สึกใจหายใจคว่ำ เวลานี้ยังรู้สึกงงงันอยู่บ้าง พลันปริปากก็คือของวิเศษระดับราชันแท้จริงสามถึงห้าชิ้น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ของวิเศษระดับราชันแท้จริงที่มีอยู่ในสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็มีอยู่ไม่มาก แม้ว่าพวกเขาก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ทว่า แม้แต่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาหากจะต้องนำของวิเศษระดับราชันแท้จริงสามถึงห้าชิ้นมามอบให้ผู้อื่น หรือว่านำมาเป็นของหมั้นหมายรวดเดียวเช่นนี้ สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาก็รับไม่ไหวกับสินสอดเช่นนี้
บรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกประตูหลังจากได้สติกลับมาแล้ว ต่างทยอยจ้องมองไปที่ตัวของหลี่ชิเย่ ท่าทางมีทั้งที่รู้สึกดีใจที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และมีจำนวนไม่น้อยที่เผยท่าทีที่เหยียดหยามออกมา
เนื่องจากในทัศนะคติของศิษย์สำนักเสินสิงเหมินจำนวนมากมองว่า หลี่ชิเย่คือฮ่องแต้ที่สิ้นชาติไปแล้ว เป็นประเภทขาดที่พึ่งไร้ญาติขาดมิตรไปแล้ว เวลานี้จะให้เขานำเอาของวิเศษระดับราชันแท้จริงสามถึงห้าชิ้นออกมาเกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถ้าหากเอามาไม่ได้ล่ะ? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
เทียนเฮ่เจินเหรินส่งเสียงไออะแฮ่มทีหนึ่ง และกล่าวว่า ถ้าหากฝ่าบาทมอบสินสอดเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ ล่ะก็ พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว จะอย่างไรเสียคุณหนูของสำนักเสินสิงเหมินพวกเราคงไม่สามารถแต่งออกไปจนๆ แบบนี้กระมัง? นี่เป็นเพราะฝ่าบาทไม่สามารถทำตามภารกิจเรื่องแต่งงานกับบุตรีของข้าอันพึงกระทำ ย่อมบ่งชี้ว่าการแต่งงานนี้ไร้ผล ผิดอยู่ที่ฝ่าบาทเอง แต่ไม่ใช่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเรา ดังนั้น หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอภัย
ธิดาศักดิ์สิทธิ์เฟยฮวาที่เดิมทีโกรธเคืองพลันเผยรอยยิ้มที่ชอบใจขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเทียนเฮ่เจินเหริน เวลานี้นางเพิ่งจะเข้าใจว่าบิดาของตนนั้นมีความตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่ง นางเพิ่งเข้าใจว่าบิดาของนางต้องการถอนหมั้นในครั้งนี้โดยไม่ตกเป็นขี้ปากของคนอื่น
ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่สามารถนำเอาสินสอดนี้ออกมาได้จริงๆ ล่ะก็ จะส่งผลให้การแต่งงานครั้งนี้ไร้ผล และความผิดก็จะไม่อยู่ที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาแล้ว แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่เองไม่มีความสามารถที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขแต่งงานในครั้งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าไม่ใช่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาที่ไร้สัจจะอีกแล้ว
นั่นสิ แม้แต่สินสอดที่จะแต่งงานกับคุณหนูยังเอาออกมาไม่ได้ ยังคิดจะแต่งงานกับคุณหนูของพวกเรา ฝันไปเถอะ ศิษย์สำนักเสินสิงเหมินที่ได้สติกลับมาล้วนแล้วแต่รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ต่างทยอยกันวิพากวิจารณ์และเหยียดหยาม
เวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ รวมทั้งเทียนเฮ่เจินเหรินและบรรดาบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมิน ขณะที่จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่นั้น แววตาของเทียนเฮ่เจินเหรินปรากฏความโลภที่ผู้อื่นไม่อาจสังเกตเห็นได้
เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้ทำให้คุณชายเฟยเฮ่อบาดเจ็บสาหัสเมื่อวานนี้ ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันที่อยู่ในมือของเขานั้น นับเป็นของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งและยอดเยี่ยมมากทีเดียว
แน่นอนที่สุด การที่หลี่ชิเย่มีของวิเศษที่ทรงพลังและฝืนลิขิตสวรรค์เช่นนี้ในครอบครองก็ใช้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิด จะอย่างไรเสียเขาเคยเป็นถึงฮ่องแต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และราชวงศ์โต่วเซิ่นเคยมีคลังสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีของวิเศษจำนวนมหาศาล
ดังนั้น เทียนเฮ่เจินเหรินจึงอยากรู้ว่า ขณะหลี่ชิเย่หนีเอาชีวิตรอดนั้น ได้นำเอาของวิเศษที่อยู่ในคลังสมบัติมาเท่าไร ขณะเดียวกันก็ทำให้ภายในใจของเทียนเฮ่เจินเหรินบังเกิดความโลภขึ้นมา
ถ้าหากบนตัวของหลี่ชิเย่ได้นำเอาของวิเศษติดตัวมาด้วยมากพอ กระทั่งมีอาวุธระดับปฐมบรรพบุรุษ เมื่อสวรรค์ได้ประทานโอกาสดีเช่นนี้มาให้แล้ว สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาจะปล่อยผ่านได้อย่างไรกัน หากไม่ทำการีดเอาสมบัติบนตัวของหลี่ชิเย่ออกมาให้หมด ไม่แย่งชิงเอาสมบัติทุกชิ้นบนตัวของเขาออกมาให้หมด สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด
ความจริงแล้ว ไม่เพียงแต่เทียนเฮ่เจินเหรินที่สายตาเผยแววตาที่โลภออกมาเท่านั้น แม้แต่บรรดาบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และแววตาได้เผยประกายตาที่โลภออกมา
สิ่งนี้จะไปโทษเทียนเฮ่เจินเหริน และบรรดาบรรพบุรุษสำนักเสินสิงเหมินเผยแววตาแห่งความโลภออกมาก็ไม่ถูก การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องแต้มาสามยุคสมัย เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า ได้รวบรวมและรีดเอาสมบัติล้ำค่าและอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนจนกองเต็มคลังสมบัติของราชวงศ์โต่วเซิ่น
กล่าวได้ว่า ภายในคลังสมบัติของฮ่องเต้ไท่ชิงมีของวิเศษที่ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วยใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง ขณะที่ฮ่องแต้องค์ใหม่ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งของฮ่องเต้ไท่ชิง ก็ต้องสืบทอดสมบัติล้ำค่าและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของฮ่องเต้ไท่ชิงเช่นกัน
แม้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นในเวลานี้ได้ล่มสลายไปแล้ว แต่ว่า ไม่แน่นักหลี่ชิเย่ที่เป็นฮ่องแต้ชั่วที่สิ้นชาติได้นำเอาสมบัติล้ำค่าและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของฮ่องเต้ไท่ชิงหลบหนีออกมาด้วย
สมบัติล้ำค่าระดับราชันแท้จริงสามถึงห้าชิ้นใช่มั้ย ขณะที่ทุกคนต่างจ้องมองดูหลี่ชิเย่นั้น หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า นี่มันเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงงงันเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ รวมทั้งเทียนเฮ่เจินเหริน ตัวเขาเองก็ถึงกับงุนงงนิดหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าหลี่ชิเย่จะตอบตกลงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
วาจาสามหาว…คุณชายเฟยเฮ่อส่งเสียงดังขึ้นมาทันที กล่าวด้วยท่าทีเยาะเย้ยว่า เจ้าคิดว่าสมบัติวิเศษระดับราชันแท้จริงเป็นผักกาดขาวที่วางขายกันข้างถนน สามารถหยิบออกมาสามหรือห้าชิ้นได้ตามอารมณ์!
แค่สมบัติล้ำค่าระดับราชันแท้จริงสามถึงห้าชิ้นเท่านั้นเอง ใช่สมบัติล้ำค่าระดับปฐมบรรพบุรุษสามถึงห้าชิ้นเสียเมื่อไร ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้