ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2465 เสียงกระซิบกระซาบ
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2465 เสียงกระซิบกระซาบ
หลี่ชิเย่ในเวลานี้โอบกอดหลิ่วชูฉิงเอาไว้ ท่าทางการโอบกอดนั้นดูเป็นธรรมชาติและสบายอกสบายใจยิ่งนัก ในขณะนี้เขาได้หลับตาลงเหมือนหนึ่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น เสมือนว่าเวลานี้เขานอนหลับโดยอุ้มหลิ่วชูฉิงเอาไว้อย่างนั้น
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลิ่วชูฉิงก็ได้แอบมองหลี่ชิเย่ด้วยความกล้าอีกครั้ง เล็งไปที่คิ้วของเขา นางอยากจะมองดูดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่เป็นอย่างยิ่ง แต่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานางก็ไม่กล้าไปจ้องมองดูดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่จริงจังสักที
จังหวะที่หลิ่วชูฉิงกำลังแอบเล็งไปที่คิ้วของหลี่ชิเย่อยู่นั้น นาทีนี้หลี่ชิเย่ได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมา
ขณะที่หลี่ชิเย่ลืมตาทั้งสองขึ้นมานั้น ไม่ได้มีกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่นแต่อย่างใด และไม่ได้มีเหตุการณ์ประหลาดอะไร แต่ทว่าขณะที่หลี่ชิเย่ลืมตาขึ้นจังหวะนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเองได้บังเกิดภาพลวงตาขึ้นให้กับหลิ่วชูฉิง เหมือนว่าพริบตาเดียวยามที่หลี่ชิเย่ลืมตาขึ้นนั้นฟ้าดินคือกลางวัน และเหมือนว่ายามที่เขาลืมตาสองข้างขึ้นมาจึงทำให้ฟ้าดินมีกลางวัน
ภาพลวงตาเช่นนี้เป็นอะไรที่ไร้เหตุผลจริงๆ แต่ทว่า ในพริบตาเดียวนี้หลิ่วชูฉิงกลับบอกกับตนเองว่านางได้เห็นภาพนี้จริงๆ หลี่ชิเย่หลับตาฟ้าดินคือกลางคืน หลี่ชิเย่ลืมตาฟ้าดินคือกลางวัน ความผิดพลาดเช่นนี้แม้แต่หลิ่วชูฉิงก็สุดจะจินตนาการ
ในเวลานี้เอง สายตาของหลี่ชิเย่ได้ตกอยู่บนใบหน้าของหลิ่วชูฉิง ในพริบตาเดียวนี้เองเสมือนหนึ่งเป็นแววตาของเขาที่ส่องเข้าไปยังลูกตาดำของหลิ่วชูฉิง
นาทีนี้เอง หลิ่วชูฉิงรู้สึกได้ว่าแววตาของหลี่ชิเย่ ได้ส่องตรงเข้าไปยังหัวใจของตน โดยที่แววตาของเขานั้นให้ความสูขและอบอุ่นอย่างยิ่ง มันให้ความรู้สึกถึงความรู้สึกที่อบอุ่นยามที่แววตาดังกล่าวส่องเข้ามายังหัวใจ และรู้สึกว่าความลับทุกอย่างที่อยู่ภายในใจล้วนแล้วแต่ปราศจากที่ซ่อนตัว เหมือนว่าตนเองยืนเปล่าเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าเขาอย่างนั้น
หลิ่วชูฉิงรับกับแววตาของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองมาอย่างไม่รู้ตัว เหมือนว่าหลี่ชิเย่นั้นมีเสน่ห์ชนิดไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น คล้ายดั่งเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดนางเอาไว้ให้ต้องรับแววตาที่จ้องมองมาอย่างไม่รู้ตัว
หลิ่วชูฉิงในเวลานี้จ้องมองไปที่ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ พริบตาเดียวนั่นเอง หลิ่วชูฉิงมองเห็นดวงตาที่ลึกล้ำยิ่งนักคู่นั้น โดยที่ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เมื่อไรที่ถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดเอาไว้แล้วล่ะก็ ทำให้คนผู้นั้นไม่สามารถละสายตาได้อีกต่อไป
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หลิ่วชูฉิงรู้สึกว่าสายตาของตนนั้นเหมือนดั่งแมลงเม่าที่บินเข้าหากองไฟอย่างนั้น ถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดเอาไว้จนพุ่งเข้าหาอย่างไม่คิดชีวิต
เพียงพริบตาเดียวนั้นเอง หลิ่วชูฉิงรู้สึกว่าวิญญาณของตนเหมือนล่องลอยออกจากกายเนื้อเพื่อบินเข้าไปยังดวงตาที่ลึกล้ำยิ่งคู่นั้น และไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแม้ว่าจะต้องหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง
ในพริบตาเดียวนั่นเอง นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นถูกดูดเอาจิตวิญญาณไปจนหมดสิ้น เหมือนหนึ่งจิตวิญญาณของตนถูกหลี่ชิเย่กลืนกินไปสิ้น รู้สึกว่าร่างของตนพลันหลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของหลี่ชิเย่แล้วอย่างนั้น
นาทีนี้ นางรู้สึกว่าตนเองอยู่ห่างจากหลี่ชิเย่ใกล้เหลือเกิน และมีภาพลวงตาว่าเวลานี้เหมือนพวกเขาทั้งสองได้หลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน ความรู้สึกที่หลอมรวมซึ่งกันและกันทำให้จิตใจของนางอดล่องลอยขึ้นมาไม่ได้ มันช่างมีความสุขเหลือเกิน ช่างเต็มอิ่มอะไรอย่างนั้น เหมือนว่านาทีนี้นางถูกหลี่ชิเย่ครอบครองเอาไว้อย่างสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้น
นาทีนี้หลิ่วชูฉิง รู้สึกว่าตนเองนั้นเหมือนอยู่บนก้อนเมฆอย่างนั้น ช่างงดงาม ช่างโชคดี ช่างมีความสุขอะไรอย่างนั้น ในเวลานี้ ภายในใจของนางอดที่จะกระหายอยากให้เวลาหยุดอยู่ที่นาทีนี้ตลอดไป
เวลาเงียบสงัด หลิ่วชูฉิงที่อิงแอบอยู่บนหน้าอกของหลี่ชิเย่ จ้องมองดูหลี่ชิเย่ เหมือนว่าตัวของนางได้หลงทางไปแล้วอย่างนั้น ถูกหลี่ชิเย่ทำให้หลงใหลไปโดยสิ้นเชิง
หลี่ชิเย่นั้นเป็นผู้ซึ่งดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด หากเขาต้องการจะสยบผู้หญิงสักคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยวิชาสามานใดๆ ทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องอาศัยวิธีการใดๆ อาศัยเพียงความรู้สึกที่แสดงออกผ่านแววตา เท่านั้น ก็สามารถสยบผู้หญิงคนใดก็ได้ ขอเพียงเขาต้องการ!
ข้ารู้ตัวว่าตนเองนั้นเสน่ห์ไม่มีขีดจำกัด จังหวะที่หลิ่วชูฉิงกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ข้างหูปรากฎคำพูดที่ไม่ชัดเจนของหลี่ชิเย่ดังขึ้น หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า เจ้าลุ่มหลงมากเกินไปแล้ว กระทั่งน้ำลายไหลยืดออกมา กล่าวพลางเป่าลมใส่ข้างหูของนางเบาๆ ทีหนึ่ง
หลิ่วชูฉิงได้สติกลับมาพลันอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีและร้อนผ่าวไปทั้งตัว ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อไออุ่นของหลี่ชิเย่ ที่เป่าผ่านข้างหูของนางเบาๆ พลันทำให้นางอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ทั้งตัวเหมือนปราศจากกระดูกอย่างนั้น ตัวชาและไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมอกของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ หลิ่วชูฉิงก้มหน้าลงต่ำสุด เอาหน้าตนเองซุกอยู่ในอกอย่างแนบแน่น อับอายจนไม่กล้าพบเห็นผู้คน
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลิ่วชูฉิงส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ พยายามดิ้นรนลุกขึ้น แต่ว่ามือทั้งสองของหลี่ชิเย่ที่โอบกอดนางเอาไว้นั้นดั่งห่วงเหล็ก พลังดิ้นรนที่อ่อนแอของนางจึงไม่อาจส่งผลอะไรออกมาได้
หลิ่วชูฉิงที่ส่งเสียงออกมาเบาๆ นั้นก็ไม่คิดที่จะลุกขึ้นยืน โดยคว่ำหน้าแนบอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ คว่ำหน้าอยู่กับอกของหลี่ชิเย่ อับอายจนต้องหลับตา แม้ว่านางจะอับอายจนไม่กล้ามองหลี่ชิเย่ แต่นาทีนี้นางกลับยินดีที่จะคว่ำหน้าอยู่ในลักษณะเช่นนี้นัก
พริบตาเดียวนั่นเอง นางรู้สึกว่าตนเองนั้นเปี่ยมด้วยความสุข เรื่องราวจำนวนมากไม่ได้น่ากลัวเหมือนดั่งที่ตนเองได้จินตนาการเอาไว้
ใบหน้าที่แนบติดอยู่กับอกที่บึกบึนของหลี่ชิเย่ ได้ฟังเสียงหัวใจเต้นที่แข็งแรงและมีพลังของเขา นาทีนี้ภายในใจของหลิ่วชูฉิงไม่ได้มีความตื่นเต้น และหวาดกลัวเหมือนตอนเริ่มแรก กระทั่งความรู้สึกอับอายก็ค่อยๆ สงบลง
ในขณะนี้ นางรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างอยู่ในสภาวะเงียบสงบ ช่างมีความสุข ช่างสุขสบายเหลือเกิน นางยินดีที่จะคว่ำหน้าอยู่กับอกของหลี่ชิเย่เช่นนี้ตลอดไป
เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งใดล้ำค่ามากที่สุดในโลก? ขณะที่หลิ่วชูฉิงกำลังคว่ำหน้าซุกอยู่กับอกของหลี่ชิเย่อยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้พูดเอ้อระเหยขึ้นมา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ หลิ่วชูฉิงจึงได้สติกลับมาและส่ายหน้าเบาๆ แต่ นางก็อดที่จะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า คือของวิเศษที่ปราศจากผู้ต่อกร เคล็ดวิชาที่เป็นเพียงหนึ่งไม่มีสองใช่หรือไม่?
กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าแล้ว บางทีอาจเป็นของวัตถุเซียนที่ล้ำค่ามากที่สุด ผู้คนจำนวนมากเข้าใจเช่นนี้
ไม่ หลี่ชิเย่ที่เอ้อระเหยและไม่สะทกสะท้านกล่าวว่า เป็นหัวใจดวงหนึ่ง
หัวใจดวงหนึ่ง หลิ่วชูฉิงถึงกับพูดกระซิบกระซาบเบาๆ และพินิจพิเคราะห์กับคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่อย่างละเอียด
สิ่งนี้หาใช่เป็นการพูดถึงหัวใจของคนใดคนหนึ่ง หลี่ชิเย่กล่าวว่า เป็นหัวใจที่กล้าเผชิญหน้าโดยตรงดวงหนึ่ง เมื่อเจ้ากล้าเผชิญหน้าโดยตรงกับตนเอง กล้าเผชิญหน้าโดยตรงกับทุกสิ่งทุกอย่างของตนเอง ย่อมเป็นการประกาศว่าเจ้าจะมีจิตใจที่ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดดวงหนึ่งไว้ในครอบครองในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการวางรากฐานให้มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งไม่สั่นคลอนในอนาคต มีเพียงไม่หวาดหวั่นจึงสามารถทำให้คนเองนั้นมั่นคงแน่วแน่! ในโลกนี้สิ่งใดล้ำค่า คงมีเพียงเด็กทารก
ดังนั้น จิตใจที่ดีงามและบริสุทธิ์จึงล้ำค่าและยากที่จะทำได้ เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ
มีเพียงไม่หวาดหวั่นจึงสามารถทำให้คนเองนั้นมั่นคงแน่วแน่ หลิ่วชูฉิงพึมพำคำๆ นี้ของหลี่ชิเย่เบาๆ
วันหน้าเจ้าก็จะเข้าใจเอง หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง แม้ว่าหลิ่วชูฉิงจะกำลังพิจารณาอย่างละเอียด แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ไปอธิบายให้มากไปกว่านี้
เป็นเช่นนี้แหละหลิ่วชูฉิงได้ติดตามและพักอาศัยอยู่กับหลี่ชิเย่ที่เขาหงฮวงซาน หลังจากที่หลิ่วชูฉิงมาพักอาศัยแล้วก็ทำเหมือนเป็นภรรยาตัวน้อยๆ คนหนึ่งที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลี่ชิเย่ ท่าทางใสซื่อและน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
สมควรทราบว่า หลิ่วชูฉิงนั้นคือองค์หญิงของหอไห่หลินเก๋อ มีสายเลือดที่สูงส่งยิ่ง และมีฐานะที่สูงส่ง ไม่ว่าจะเป็นที่หอหลินไห่เก๋อ หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ นางก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนจำนวนมาก และเป็นที่โปรดปรานของผู้คน เรียกได้ว่าเป็นดาวล้อมเดือนทีเดียว
แต่ว่า ขณะที่นางตัดสินใจติดตามหลี่ชิเย่นั้น นางได้สลัดทิ้งฐานะทุกสิ่งทุกอย่างของตน นางที่อยู่ตรงนี้หาใช่องค์หญิงหอหลินไห่เก๋อคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นภรรยาตัวน้อยๆ ของหลี่ชิเย่เท่านั้น นางที่น่ารักน่าเอ็นดู เชื่อฟังขนาดนั้น เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม และน่ารักอะไรอย่างนั้น
ขณะอยู่ที่หอหลินไห่เก๋อซึ่งนางไม่เคยได้ทำงานหนักมาก่อน หลังจากที่ติดตามหลี่ชิเย่แล้วนางเรียนรู้ที่จะทำงานหนักเหล่านี้ได้ และมีความตั้งใจที่จะปรนนิบัติหลี่ชิเย่ด้วยความอ่อนโยน
ขณะติดตามอยู่กับหลี่ชิเย่ หลิ่วชูฉิงค่อยๆ ค้นพบว่าหลี่ชิเย่นั้นไม่เหมือนเช่นที่มีการร่ำลือกันอย่างนั้น
ด้านนอกนั้นเล่าลือกันมาโดยตลอดว่าเขาคือฮ่องแต้ชั่วที่มั่วโลกีย์และไร้คุณธรรม ลือกันตลอดว่าเขาเป็นผู้ที่เจ้าชู้เป็นชีวิตจิตใจ ชอบฉุดคราหญิงชาวบ้านเป็นพิเศษ แต่ว่านางที่ติดตามหลี่ชิเย่ คอยปรนนิบัติหลี่ชิเย่ กลับไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น
ตรงกันข้าม นางที่คอบปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่นั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้เกินเลยไปกว่าขนบธรรมเนียมประเพณีต่อนาง อีกทั้งยังรักและปกป้อง และโปรดปรานตนยิ่งนัก
โดยไม่รู้ตัว นางได้ตกอยู่ท่ามกลางความโปรดปรานของหลี่ชิเย่ที่ใกล้เคียงกับไร้เหตุผลอย่างยิ่ง โดยตกอยู่ภายใต้การเฝ้าปกป้องดูแลของหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง นางได้รักผู้ชายคนนี้เข้าให้แล้วโดยไม่รู้ตัว ถูกใจในตัวผู้ชายคนนี้ชนิดเรียกว่าถอนตัวไม่ขึ้น
นางชอบที่จะอยู่กับเขาทุกเวลานาที นางชื่นชอบในความรู้สึกที่ถูกเขาโอบกอด ชื่นชอบกับรสชาติที่เป็นที่โปรดปรานของเขา
ในสายตาของนาง หลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่เหมือนอย่างที่เล่าลือกันภายนอกนั่นเลย เป็นการจงใจใส่ร้ายป้ายสีตัวเขาชัดๆ เป็นเพราะพวกที่คิดจะแย่งชิงอำนาจการเป็นฮ่องแต้ของเขาปล่อยข่าวลือให้ร้ายเขา อาศัยปรากฎการณ์ลวงตาที่ชั่วร้ายไปใส่ร้ายป้ายสีเขา
ในขณะนี้หลิ่วชูฉิงทำการปกป้องหลี่ชิเย่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว ในสายตาของนางนั้น หลี่ชิเย่เกือบจะสมบูรณ์แบบ นางยินดีเชื่อถือในตัวหลี่ชิเย่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม
หลี่ชิเย่ในฐานะผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะสูงสุด ไหนเลยที่หลิ่วชูฉิงจะสามารถต้านทานกับเสน่ห์ของหลี่ชิเย่ไว้ได้ เมื่อใดที่หลงเข้าไปก็ต้องหลงใหลอย่างลึกซึ้ง
เดิมข้าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่ขึ้นไปยังตำหนักเซียน… แว่วเสียงร้องเพลงจากผู้เฒ่าก้องกังวานในเขาจิ่วเหลียนซานแต่เช้ามืด เสียงเพลงที่เปี่ยมด้วยพลังเสมือนดั่งกลายเป็นจังหวะดนตรีที่ดีที่สุดของเขาจิ่วเหลียนซาน
คุณปูผ่อนกลิ่นอายชั่วร้ายเข้าออกทุกวัน แกร่งมากจริงๆ บนเขาหงฮวงซาน หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นและจ้องมองไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์จากระยะห่างไกล หลิ่วชูฉิงที่ยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างกาย นางอดที่จะรู้สึกเลื่อมใสไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเพลงของผู้เฒ่า
หลิ่วชูฉิงสามารถมองเห็นผู้เฒ่าเดินทางมาฝึกปรือพลัง ตัดฟืน หาบฟืน ทั้งหมดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาจิ่วเหลียนซานไปแล้ว ดังนั้น จึงทำให้หลิ่วชูฉิงคุ้นเคยกับท่วงทำนองเช่นนี้แล้ว
ที่เขาแข็งแกร่งหาใช่ตัวของเขา หลี่ชิเย่ละสายตากลับมาส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า ที่แกร่งคือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งของเขา แกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ของแดนลัทธิราชัน
จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่หวาดหวั่นรึ? หลิ่วชูฉิงถึงกับเอ่ยขึ้น หลายวันมานี้ นางเองก็หวนนึกถึงคำพูดของหลี่ชิเย่
โดยไม่รู้ตัว นางดูจะเหม่อลอยอยู่บ้าง จะอย่างไรเสียนางก็ไม่มี นางเป็นคนที่ไม่มีความกล้า บางครั้งนางก็รู้สึกอิจฉาผู้ที่กล้าได้กล้าเสียอยู่บ้างเหมือนกัน
ไม่ต้องไปอิจฉาคนอื่น ขณะที่หลิ่วชูฉิงกำลังเหม่อลอย หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวช้าๆ ว่า เจ้ายอดเยี่ยมมากยิ่งกว่าคนอื่นๆ เสียอีก การมีความกล้าไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่หวาดหวั่นดวงหนึ่ง มันเป็นคนละเรื่องกัน