ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2489 ศิษย์พี่คนหนึ่ง
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2489 ศิษย์พี่คนหนึ่ง
ตอนที่ 2489 ศิษย์พี่คนหนึ่ง
ในเวลานี้ การมาถึงของดาบอริยะกวานไห่ ได้นำมาซึ่งกลิ่นอายความสุขให้กับเขาจิ่วเหลียนซานที่มีแต่บรรยากาศอึดอัดได้บ้าง ทำลายบรรยากาศที่ทำให้ผู้คนหายใจไม่ออกในเขาจิ่วเหลียนซานลง
ดาบอริยะกวานไห่พกพาเอาดาบโบราณมาด้วย ปณิธานดาบที่เลี้ยวลดตามมาเป็นหมื่นลี้ ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับผูกใจรักกับสิ่งนี้ แม้ว่าดาบอริยะกวานไห่ในเวลานี้ยังห่างชั้นเทียบไม่ได้กับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะอมตะ แต่การที่เขายังอ่อนเยาว์เท่านี้ก็สามารถมีผลงานได้ขนาดนี้ อนาคตจะต้องล้ำหน้าเทพแท้จริงขั้นอมตะจำนวนมากอย่างแน่นอน ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าประทับใจของผู้คน
ดาบอริยะกวานไห่สะพายดาบมาถึงแล้วมุ่งหน้าลงใต้ตลอดทาง สุดท้ายขึ้นไปยังเขาหงฮวงซาน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกันเมื่อเห็นดาบอริยะกวานไห่ขึ้นไปยังเขาหงฮวงซาน เนื่องจากทำให้ผู้คนนึกถึงหลิ่วชูฉิง องค์หญิงหลินไห่ขึ้นมาทันที
หรือว่าหอหลินไห่เก๋อสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ ยืนอยู่ข้างฝ่ายฮ่องเต้องค์ใหม่? การที่มองเห็นดาบอริยะกวานไห่ที่เพิ่งมาถึงเขาจิ่วเหลียนซาน สถานที่แห่งแรกที่ไปก็คือขึ้นไปยังเขาหงฮวงซาน จึงทำให้เกิดการคาดเดาของผู้คนจำนวนไม่น้อย
จะอย่างไรเสีย ในบรรดาห้าแกร่งมีเพียงหอหลินไห่เก๋อที่ปฏิบัติตามสัญญาหมั้นหมาย ส่วนอีกสี่แกร่งที่เหลือต่างอาศัยวิธีการต่างๆ นานาไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหมั้นหมายในครั้งนั้น ในบรรดาห้าแกร่งก็มีเพียงหลิ่วชูฉิง องค์หญิงหลินไห่ที่ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้องค์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ ยินดีแต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่
เวลานี้ จุดแรกที่ดาบอริยะกวานไห่ไปหลังจากมาถึงเขาจิ่วเหลียนซานก็คือเขาหงฮวงซาน เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องมีผุ้ที่คาดเดาว่าหอหลินไห่เก๋อนั้นให้การสนับสนุนต่อฮ่องเต้องค์ใหม่มาโดยตลอด ยืนอยู่ข้างฝ่ายฮ่องเต้องค์ใหม่ตลอดมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่ มีระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณที่ไวเรื่องการข่าวส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ที่ยินดีปฏิบัติตามสัญญาหมั้นหมายในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจขององค์หญิงหลินไห่เอง สำหรับหมั้นหมายแต่งงานในครั้งนี้ ภายในหอหลินไห่เก๋อมีระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่คัดค้าน เพียงแต่ดาบอริยะกวานไห่โปรดปรานในตัวศิษย์น้องยิ่งนัก การมาเขาจิ่วเหลียนซานในครั้งนี้ ต้องมาเพื่อเยี่ยมเยียนองค์หญิงหลินไห่แน่นอน
ที่พูดมาก็ถูก ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสพยักหน้าและกล่าวว่า ถ้าหากหอหลินไห่เก๋อให้การสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ตั้งแต่แรกจริงล่ะก็ ครั้งนั้นขณะฮ่องเต้องค์ใหม่อยู่ในวิกฤตคงส่งกองทัพเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว ยังจะต้องรอจนฮ่องเต้องค์ใหม่สูญเสียแผ่นดินแล้วค่อยให้การช่วยเหลือรึ? กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว การที่ฮ่องเต้องค์ใหม่สูญเสียแผ่นดิน สูญเสียบัลลังก์ มันไม่มีคุณค่าต่อการสนับสนุนอีกแล้ว
ฟังมาว่า ดาบอริยะกวานไห่โปรดปรานในตัวองค์หญิงหลินไห่ ถ้าหากให้เขารู้ว่าองค์หญิงหลินไห่แต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถแล้ว ไม่รู้ว่าดาบอริยะกวานไห่จะจัดการสังหารฮ่องเต้องค์ใหม่ในดาบเดียวหรือไม่ มีผู้พึมพำขึ้นมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ แน่นอนมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่บังเกิดความคิดที่เลวร้ายอยู่ในใจ เป็นความจริงที่ภายในใจของพวกเขากระหายอยากให้ดาบอริยะกวานไห่สังหารฮ่องเต้องค์ใหม่เสีย
ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นดาบอริยะกวานไห่นับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว หากเขาลงมือ ต่อให้ฮ่องเต้องค์ใหม่มีวิธีการมากกว่านี้ เกรงว่าก็คงยากจะหนีความตายได้พ้น มีอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา คำพูดนั้นมีความอาฆาตแค้นอยู่ไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว
จะไปโทษบรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความอาฆาตแค้นอยู่ในคำพูดก็ไม่ถูก ขณะอยู่ที่ป่าหินนั้น ความหยิ่งผยองของพวกเขาถูกฮ่องเต้องค์ใหม่ทำลายจนแตกละเอียด ถูกฮ่องเต้องค์ใหม่เหยียบย่ำลงบนตัวของพวกเขาโดยตรงด้วยซ้ำ การบังคับให้พวกเขาก้มกราบแทบเท้าของฮ่องเต้องค์ใหม่ ความอัปยศใหญ่หลวงเช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาต้องแค้นเคืองอยู่ในใจได้อย่างไรกันเล่า?
ดาบอริยะกวานไห่ขึ้นไปถึงเขาหงฮวงซาน ก้าวเดินไปถึงด้านนอกของตำหนักศิลา เขาผลักประตูและเดินตรงเข้าไปโดยไม่ได้เคาะประตู สบายอกสบายใจและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ไม่รู้สึกไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย เหมือนเดินเข้าไปภายในสวนหลังบ้านตนเองอย่างนั้น
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้กลั้นลมหายใจเอาไว้ ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ต้องการทราบว่าระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับฮ่องเต้องค์ใหม่จะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น สายตาทุกคู่จ้องไปที่ประตูหิน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรแอบคาดหวังอยู่ในใจ ถ้าหากสามารถระเบิดศึกขึ้นระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับฮ่องเต้องค์ใหม่ล่ะก็ จะไม่มีอะไรดีไปกว่าวันนี้อีกแล้ว
ภายในห้อง หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่เดินเข้ามานั้นเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมายนัก ยังคงนั่งเสพสุขยิ่งอยู่ตรงนั้น ขณะที่หลิ่วชูฉิงนั้นต้มชาอยู่ข้างกายของเขา ท่าทางจริงจังยิ่ง เสมือนหนึ่งเป็นภรรยาตัวน้อยๆ ที่เพรียบพร้อมด้วยคุณธรรมอย่างนั้น
ศิษย์พี่… ขณะดาบอริยะกวานไห่ก้าวเดินเข้ามานั้น หลิ่วชูฉิงได้เงยหน้าขึ้น ท่าทางดูจะตระหนกระคนความดีใจอยู่บ้าง
ท่านอาจารย์บอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงมาเยี่ยมเจ้าโดยเฉพาะ ครั้นดาบอริยะกวานไห่พบกับศิษย์น้องของตนแล้ว เผยรอยยิ้มที่รักโปรดปรานที่เห็นได้ไม่ง่ายนัก
ดาบอริยะกวานไห่โปรดปรานศิษย์น้องผู้นี้ตั้งแต่เล็กจนโต และถือเอานางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตนตั้งแต่วัยเยาว์ คอยให้การดูแลนางอย่างดีตลอดมา
ศิษย์พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หลิ่วชูฉิงอดที่จะเอ่ยด้วยความตระหนกระคนความดีใจความดีใจ
กลับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดาบอริยะกวานไห่ยิ้มกล่าวว่า หลังจากกลับมาแล้วพบว่าศิษย์น้องที่เป็นของล้ำค่าพวกเราไม่อยู่ในสำนักแล้ว ดังนั้น ข้าจึงได้รุดมาที่นี่
ข้าอยู่ที่นี่สบายดีมาก ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วง หลิ่วชูฉิงอดที่จะยิ้มอย่างเขินอายอยู่บ้าง
ดาบอริยะกวานไห่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง เขายังจะพูดอะไรได้อีกเล่า? ครั้งนั้น ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสุงสุดได้ลงนามในสัญญาหมั้นหมายนี้เขาได้คัดค้านอย่างเต็มที่ เคยหารือกับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสุงสุดจนหมางใจกันในเรื่องนี้
เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ ณ ขณะนั้น หอหลินไห่เก๋อของพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกเท่านั้นเอง ภายใต้อำนาจของฮ่องเต้ไท่ชิงใครกล้าขัดขืน ใครกล้าไปแตะจุดต่ำสุดที่เขาสามารถยอมรับได้? เวลานี้สายตาของดาบอริยะกวานไห่ตกอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ แววตาของเขาพลันสว่างไสวเสมือนดั่งตะเกียงวิเศษสองดวงที่ส่องสว่างขึ้นมาเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว พริบตาเดียวนี่เอง ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของดาบอริยะกวานไห่ เสมือนเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ออกจากฝักเล่มหนึ่ง พร้อมที่จะสังหารเทพมารได้ตลอดเวลา ภายใต้สายตาที่ดุเดือดรุนแรงและน่ากลัวเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องขวัญหนีดีฝ่อกับสิ่งนี้
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิง เสมือนหนึ่งไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
สามารถแต่งงานกับศิษย์น้องของข้านับเป็นบุญของเจ้า เวลานี้ดวงตาทั้งสองของดาบอริยะกวานไห่ดูไม่เป็นมิตร เสมือนหนึ่งเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์สองเล่มที่ออกจากฝัก ผ่าฟ้าดินแยกออกมา ตัดความขมุกขมัวออกมา
ข้ารู้ หลี่ชิเย่จิบน้ำชาเบาๆ คำหนึ่ง ดูท่าทางหน้าตาเฉย ยิ้มออกมาตามอารมณ์
ศิษย์น้องของข้าคือของล้ำค่าของหอหลินไห่เก๋อพวกเรา ในเมื่อนางตัดสินใจแล้ว พวกเราก็เคารพในการตัดสินใจของนาง ดาบอริยะกวานไห่กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า แต่ว่า ถ้าหากนางได้รับความไม่เป็นธรรมใดๆ แม้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้ก็ดี โอรสสวรรค์ก็ช่าง ข้าคนแรกที่จะไม่ละเว้นเจ้า ถึงเวลานั้นเจ้าต้องถามดาบในมือของข้าก่อนว่าคมหรือไม่!
กล่าวพลาง ดาบอริยะกวานไห่เอามือตบดาบโบราณที่อยู่บนหลังของตน ปณิธานดาบดุเดือดรุนแรง พริบตาเดียวนั่นเองเสมือนดั่งดาบยาวได้ออกจากฝักอย่างนั้น ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายฆ่าที่น่าเกรงขามสายหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดร่างสั่นเทิ้มไม่ได้
คมมาก หลี่ชิเย่หัวเราะ มีความเป็นอิสระสบายอกสบายใจ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า แต่ว่า ผู้หญิงที่สามารถรั้งอยู่ข้างกายข้าล้วนแล้วแต่เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง คนอย่างข้ารักเอ็นดูผู้หญิงของตนเองตลอดมา
ฮึ… ดาบอริยะกวานไห่ไม่ค่อยจะเห็นพ้องกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่สักเท่าไร เพียงส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา
ศิษย์พี่… เมื่อหลิ่วชูฉิงเห็นศิษย์พี่ของตนพูดจายกตนข่มท่านถึงกับแสดงท่าทีที่ออดอ้อนไม่พอใจและต่อว่าในที และกล่าวว่า ฝ่าบาทดีต่อข้ามาก ดีมาก ดีมากแล้ว… ครั้นนางเอ่ยมาถึงตรงนี้ถึงกับใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงต่ำ
ดาบอริยะกวานไห่ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ มองดูท่าทางของศิษย์น้องตนเอง แล้วก็มองดูหลี่ชิเย่ที่ท่าทางไม่สะทกสะท้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ได้แต่พูดเล่นไปว่า ศิษย์น้องยังไม่ทันได้แต่งออกไปจริงๆ ก็เข้าข้างคนอื่นเสียแล้ว ถ้าหากแต่งออกไปเมื่อไรมิแย่เลยรึ
ศิษย์พี่ หากยังคงหัวเราะเยาะข้าอีก ข้าก็จะไม่สนใจท่านอีก หลิ่วชูฉิงรู้สึกเขินอาย ถึงกับแสดงท่าทีที่ออดอ้อนไม่พอใจและต่อว่าขึ้นมา
ดาบอริยะกวานไห่ยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหน้าและจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชาทีหนึ่ง กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า ศิษย์น้องของข้าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ทางที่ดีเจ้าจงเห็นถึงคุณค่าเสียแต่โดยดี มิฉะนั้นล่ะก็ข้าจะเอาชีวิตเจ้าแน่นอน!
เรื่องนี้จำเป็นต้องให้เจ้าเอ่ยปากด้วยรึ? หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวตามอารมณ์ออกมา
ดาบอริยะกวานไห่ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังคำหนึ่ง มองดูหลิ่วชูฉิง แววตาพลันอ่อนโยนขึ้น ตลอดเวลาเขาถือว่านางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน และพูดขึ้นมาว่า การมาครั้งนี้เพื่อต้องการมาเยี่ยมเจ้า มาดูว่ามีใครรังแกเจ้าหรือไม่ ต่อจากนี้ขอเพียงมีใครกล้ารังแกเจ้า เจ้าบอกกล่าวกับศิษย์พี่ได้ทุกเวลา ศิษย์พี่จะต้องออกหน้าแทนเจ้าแน่นอน
ข้ารู้แล้ว หลิ่วชูฉิงรีบพยักหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ศิษย์พี่รักและทะนุถนอมนางมากเหมือนเป็นพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง
สุดท้ายดาบอริยะกวานไห่พยักหน้าแล้วหันหลังจากไปทันที โดยไม่ได้ทักทายกับหลี่ชิเย่ เพียงพริบตาเดียวก็ออกจากบ้านศิลา
รอจนดาบอริยะกวานไห่ออกไปจากบ้านศิลาแล้ว หลิ่วชูฉิงจ้องมองดูหลี่ชิเย่ เป็นกังวลว่าหลี่ชิเย่จะไม่พอใจ พูดขึ้นเบาๆ ว่า ฝ่าบาท ศิษย์ ศิษย์พี่ข้าไม่ได้มีประสงค์ร้าย เพียงแต่ เขาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เยาว์วัย คอยดูแลข้าเหมือนพี่ชายอย่างนั้น
ข้ารู้ หลี่ชิเย่หัวเราะ และลูบไล้ผมของหลิ่วชูฉิงเบาๆ ท่าทางแฝงไว้ซึ่งความหลงรักในตัวนาง
ด้านนอกบ้านศิลา ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่ก้าวเข้าไปยังบ้านศิลานั้น สายตาแต่ละคู่จ้องเขม็งไปที่บ้านศิลา ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้านศิลาบ้าง
เมื่อดาบอริยะกวานไห่เข้าไปชั่วครู่ ภายในบ้านศิลาก็ปรากฏปณิธานดาบบานเบ่งขึ้นมา เสมือนดั่งดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากฝักอย่างนั้น ปณิธานดาบแต่ละสายที่แฝงไว้ซึ่งปณิธานที่เย็นยะเยือก ท่ามกลางปณิธานเย็นยะเยือกมีกลิ่นอายฆ่า ไม่ว่าใครที่รับรู้ถึงปณิธานดาบนี้แล้วก็ต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ในใจ
ดาบอริยะกวานไห่จะลงมือแล้วรึ? ทุกคนต่างรู้สึกใจที่เต้นกระตุกทีหนึ่งเมื่อรับรู้ถึงปณิธานดาบสายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยถูกหลี่ชิเย่เหยียดหยามมาก่อน แอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจ
ดาบศักดิ์สิทธิ์ของดาบอริยะกวานไห่ออกจากฝักจะต้องสะเทือนเลื่อนลั่นแน่นอน อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับแอบดีใจ ภายในใจคาดหวังให้ดาบอริยะกวานไห่ลงมือสังหารฮ่องเต้องค์ใหม่เสีย แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ลงมือสังหารฮ่องเต้องค์ใหม่ด้วยมือของตนเอง แต่ก็สามารถระบายความแค้นในใจให้กับพวกเขาได้
แต่ว่า ปณิธานดาบสายนี้มาเร็วไปเร็ว เพียงชั่วพริบตาเดียวปณิธานดาบนี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดูท่าดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้ลงมือ อย่างมากก็แค่ตักเตือนฮ่องเต้องค์ใหม่เท่านั้นเอง จะอย่างไรเสียเขายังคงรักทะนุถนอมในองค์หญิงไห่หลินมาก ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชนเมื่อเห็นปณิธานดาบหายไป ก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแล้ว
เป็นจริงตามคาด หลังจากผ่านไปชั่วครู่ มองเห็นดาบอริยะกวานไห่ออกมาจากบ้านศิลาด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีปณิธานการฆ่าใดๆ ทุกคนต่างมองออกว่าดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้ลงมือจริงๆ
ครั้นเห็นว่าดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้ลงมือต่อฮ่องเต้องค์ใหม่จริงๆ แล้ว ทำให้อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยรู้สึกเหมือนได้สูญเสียอะไรไปบางอย่าง ถึงกับทอดถอนใจออกมาคำหนึ่ง ดูท่าฮ่องเต้องค์ใหม่ได้รอดจากเคราะห์กรรมไปอีกครั้ง
แม้ว่าหอหลินไห่เก๋อไม่ยืนอยู่ข้างฝ่ายฮ่องเต้องค์ใหม่ ไม่สนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ เกรงว่าต่อไปก็จะไม่ยืนอยู่กับฝั่งที่เป็นศัตรูกับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วล่ะ มีผู้เฒ่ามองออกถึงความนัย ถึงกับพึมพำขึ้นมา
………………………..