ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2513 ไม่เจียมตน
ตอนที่ 2513 ไม่เจียมตน
เลือดสดๆ ย้อมน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นสีแดง มองเห็นเลือดสดๆ ที่แผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปอย่างช้าๆ ขณะที่หม่าหมิงชุนที่ถูกฟาดจนขาดสองท่อนได้จมลงสู่ก้นทะเลสาบ
ตายแล้วมั้ง แม้แต่ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณอดที่จะทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น และพึมพำขึ้นมาเมื่อมองเห็นน้ำทะเลสาบที่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง
ในเวลานี้ แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยา และดาบอริยะกวานไห่ต่างก็รู้สึกหวาดผวากับสิ่งนี้ โดยเฉพาะดาบอริยะกวานไห่ที่เคยลงมือรับการสอนสั่งในกำลังความสามารถจากหลี่ชิเย่ ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลังวาบ บังเกิดความรู้สึกที่อึดอัดหายใจไม่ออก
แม้จะกล่าวว่าภายในใจของฉินเจี้ยนเหยา และดาบอริยะกวานไห่จะได้มีการคาดการณ์ถึงกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่มาแล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่คิดว่าหม่าหมิงชุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้องค์ใหม่เด็ดขาด
แต่ว่า การที่หม่าหมิงชุนพ่ายแพ้รวดเร็วขนาดนี้เป็นสิ่งที่ห่างไกลเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด แค่อาศัยกระบวนท่าเตะวงกว้างก็จัดการผ่าหม่าหมิงชุนออกเป็นสองท่อน จุดจบลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึง เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาไม่มากทีเดียว
ดังนั้น เวลานี้ภายในใจของดาบอริยะกวานไห่รู้สึกหนาวสะท้าน ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ความรู้สึกอึดอัดทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก เมื่อครู่เขาต่อสู้กับหลี่ชิเย่ติดต่อกันสามกระบวนท่า สิ่งนี้ใช่เพียงเป็นการออมมือของหลี่ชิเย่นะเนี่ย มันคือสุดยอดของการพระราชทานอย่างหนึ่งแล้ว
ลองนึกภาพดู แค่ลูกเตะวงกว้างกระบวนท่าเดียวก็จัดการผ่าหม่าหมิงชุนออกเป็นสองซีก การลงมือของหลี่ชิเย่มีอานุภาพที่น่ากลัวเช่นใด หม่าหมิงชุนคือเทพแท้จริงขั้นอมตะที่ของแท้แน่นอนคนหนึ่ง หากพูดกันถึงเรื่องกำลังความสามารถแล้ว ไม่รู้ว่าแกร่งกว่าตัวเขาอยู่เท่าใด
ถ้าหากหลี่ชิเย่คิดอยากจะสังหารเขาจริงๆ ล่ะก็ อย่าว่าแต่หนึ่งดาบเลย เกรงว่าแค่เพิ่งจะเริ่มต้นก็สังหารเขาได้แล้ว เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะลงมือ การที่เขาสามารถสู้กับหลี่ชิเย่ถึงสามดาบ นั่นคือสุดยอดพระราชทานสูงสุดอย่างหนึ่งแก่เขาอย่างแท้จริง
ไม่ง่ายนักกว่าดาบอริยะกวานไห่จะได้สติกลับมา เวลานี้เขาอดที่จะหนาวสะท้านไปทั่วร่างไม่ได้ ความจริงก็คือ เมื่อครู่ได้ไปเดินอยู่บริเวณประตูนรกมาแล้วรอบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ความเป็นความตายของเขาขึ้นอยู่กับความนึกคิดของเขาเท่านั้นเอง
ฉินเจี้ยนเหยาที่มีความสงบเยือกเย็นมาโดยตลอด นาทีนี้ก็อดมีสีหน้าขาวซีดไม่ได้อยู่บ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมานางมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งมาก สามารถคงความสงบเยือกเย็นเป็นอิสระแม้เผชิญกับอุปสรรคใหญ่หลวง แต่ทว่า นาทีนี้นางเองก็รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ กำลังความสามารถเช่นนี้นับว่าสุดยอดแห่งความน่ากลัวปราศจากผู้ใดเทียม
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ภายในใจของฉินเจี้ยนเหยาบังเกิดภาพลวงตาขึ้นมาอย่างหนึ่ง นางอดที่จะนึกถึงคำพูดของหลี่ชิเย่ขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ นั่นก็คือมดปลวก!
ก่อนหน้านี้ ภายในใจของนางรู้สึกว่าคำพูดของหลี่ชิเย่จะมากหรือน้อยดูจะมีความถือดีลำพองอยู่บ้าง แต่ว่า เวลานี้ดูไปแล้วมันเป็นคำพูดที่จริงแท้แน่นอน สรรพสิ่งมีชีวิตเป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่
ในเวลานี้เอง ฉินเจี้ยนเหยาจึงตระหนักได้ว่า แม้แต่จิ้งเหลียนกวานที่แข็งแกร่งขนาดนี้ของพวกเขา ก็เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ในสายตาของเขาก็ยังคงเป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้นเอง หากหลี่ชิเย่ต้องการทำลายล้างจิ้งเหลียนกวานของพวกเขาล่ะก็ เกรงว่าก็คงอยู่ที่หนึ่งความนึกคิดเท่านั้นเอง
เมื่อฉินเจี้ยนเหยานึกถึงตรงนี้แล้วถึงกับสั่นเทิ้มขึ้นในใจ การกระทำแต่ละอย่างของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่น่ากลัวไร้ขอบเขตเช่นนี้ดูเหมือนเหลวไหล กระทั่งเพิ่งนั่งบัลลังก์ก็ถูกคนเขาไล่ลง สูญเสียแผ่นดิน มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่นะ? เขาสามารถปกครอง และบัญชาการใต้หล้าได้อย่างสิ้นเชิง?
ดังนั้น ในเวลานี้ ภายในใจของฉินเจี้ยนเหยาได้บังเกิดแนวความคิดที่เหลวไหลมากความคิดหนึ่ง นั่นก็คือเล่นสนุก! ที่หลี่ชิเย่ทำไปทุกสิ่ง มันก็แค่เล่นสนุกเท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะเป็นพวกเขา หรือจะเป็นอำนาจฮ่องเต้ แผ่นดิน กระทั่งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด ในสายตาของเขามันก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อเขามีอารมณ์ก็เล่นเป็นเพื่อนกับพวกเขาสักหน่อย ถ้าหากเขาหมดอารมณ์แล้ว เป็นไปได้อาจทิ้งไม่สนใจ และเป็นไปได้ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเสียโดยพลัน แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดก็ไม่เว้น
บางที ในสายตาของฮ่องเต้องค์ใหม่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดมันก็แค่รังมดรังหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่ออารมณ์ดีอาจจะหยอกเล่นกับมดเหล่านี้บ้าง หากไม่สบอารมณ์ อาจจะวางเพลิงเผารังมดจนวอดไปทั้งรัง
นาทีนี้กล่าวได้ว่า ฉินเจี้ยนเหยาคิดไปได้ไกลกว่าทุกคน คิดไปได้ลึกซึ้งมากกว่าผู้ใดก็ตามไปหลายชั้น
ดังนั้น เมื่อนางนึกไปถึงเรื่องที่เป็นไปได้นี้แล้ว แม้แต่นางที่ปรกติแล้วสงบนิ่งและมีความอิสระยังอดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ในเวลานี้นางตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงแล้วว่า หากหลี่ชิเย่ต้องการ เขาสามารถทำลายระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ฉินเจี้ยนเหยาถึงกับรู้สึกสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งนี้ขึ้นมา ไม่ง่ายนักกว่านางจะกลับคืนสู่สภาพปรกติ นางอดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เพื่อปรับความตื่นตระหนกตกใจให้ปรกติ
ช่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ทุกคนกำลังอยู่ระหว่างตื่นตระหนกตกใจ เสียงน้ำเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนทยอยกันหันไปมอง เห็นร่างของคนผู้หนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ
เป็นหม่าหมิงชุน มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมาเมื่อได้เห็นผู้ที่ลอยตัวอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ
ผู้ที่ปรากฏลอยตัวอยู่ท่ามกลางทะเลสาบเป็นหม่าหมิงชุนจริงๆ ในเวลานี้ร่างกายของหม่าหมิงชุนที่ถูกตัดขาดเป็นสองท่านถึงกับเชื่อมติดกันเรียบร้อยโดยไม่เหลือร่องรอยของบาดแผล ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะนับว่าแข็งแกร่งโดยแท้ แม้ร่างกายจะถูกฟันจนขาดสองท่อนยังคงมีชีวิตอยู่ได้
แต่ทว่า แม้หม่าหมิงชุนจะรอดชีวิตมาได้ เขาต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่หนักหนาสาหัสมาก สีหน้าขาวซีด ขณะลุกขึ้นมาจากทะเลสาบนั้นร่างสั่นเทาไปทั้งร่าง เขาต้องอาศัยพลังทั้งหมดในการลุกขึ้นยืน
กล่าวได้ว่า เวลานี้ร่างกายของเขาได้เชื่อมเย็บติดเข้าด้วยกันทำให้อาการบาดเจ็บคงที่ ซึ่งเขาได้สูญเสียพลังของเขาไปหมดแล้ว
นับว่าพอมีฝีมืออยู่บ้าง หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งนัก ขณะมองดูหม่าหมิงชุนที่ลุกขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะอาศัยลูกเตะวงกว้างเตะจนหม่าหมิงชุนขาดสองท่อนก็ตาม เหมือนว่าสิ่งนี้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ดังนั้น เขาจึงยังคงสงบนิ่งและสบายอกสบายใจยิ่งนัก
หลังจากหม่าหมิงชุนลุกขึ้นมาได้แล้ว ไม่ง่ายนักกว่าจะทำอารมณ์ที่หวาดผวาให้คงที่ และทำให้อาการสั่นเทาของแขนขาทั้งสี่ให้คงที่ ในขณะนี้ เขารู้สึกเหมือนหมดแรงทั้งตัวอย่างนั้น
อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่ดูชมอยู่ในระยะห่างไกลถึงกับหายในด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นหม่าหมิงชุนลุกขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยหม่าหมิงชุนก็ยังคงลุกขึ้นมาได้
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกว่า การที่หม่าหมิงชุนสามารถรอดชีวิตจากกระบวนท่าเดียวของหลี่ชิเย่มาได้ ก็เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การแสดงความปิติยินดีแล้ว
เรื่องเช่นนี้หากเปลี่ยนเป็นอดีตมันคือเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ คนอื่นสามารถรับมือหนึ่งกระบวนท่าจากหม่าหมิงชุนได้ล่ะก็ นับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว
เวลานี้ หม่าหมิงชุนสามารถรอดชีวิตจากหนึ่งกระบวนท่าของฮ่องเต้องค์ใหม่มาได้ ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่านหนึ่งกระบวนท่ามาได้ด้วยความยากลำบาก แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิก็ต้องยิ้มด้วยความขมขื่น พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือสิ้นหวังกันแน่
บางทีการที่ยังคงมีชีวิตรอดมาได้ภายใต้หนึ่งกระบวนท่ากล่าวสำหรับยอดฝีมือคนอื่นๆ แล้ว จะมากหรือนน้อยก็เป็นความหวังอย่างหนึ่ง ดุจดั่งประกายไฟอันน้อยนิด ถ้าหากจะกล่าวว่า แม้แต่หม่าหมิงชุนที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะยังไม่สามารถรับไว้ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ถูกสังหารด้วยท่าเตะวงกว้างในทีเดียว หากเป็นความจริงเช่นนี้นับว่าสร้างความสิ้นหวังให้กับผู้คนมากเหลือเกิน แม้แต่ความหวังที่เป็นเพียงประกายไฟเล็กน้อยก็ไม่เหลืออีกแล้ว มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวังเหลือเกิน
หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยขณะมองดูหม่าหมิงชุนที่มีแขนขาสั่นเทา เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า เวลานี้เจ้าจะคุกเข่ายอมแพ้ หรือหันหลังหนีไปล่ะ และหรือกระโดดลงทะเลสาบฆ่าตัวตาย?
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ฟังดูเหมือนโหดร้ายใจดำยิ่งนัก นี่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเชียวนะ ถึงกับบอกให้กระโดดทะเลสาบฆ่าตัวตาย
แต่ว่า ในขณะนี้ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะพูดอะไรออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างรู้สึกว่ามันช่างมีเหตุผลอะไรอย่างนั้น นี่แหละคือเหตุผลของความแข็งแกร่ง!
เวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หม่าหมิงชุน ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และรอคอยการเลือกของหม่าหมิงชุน
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดโดยสับเปลี่ยนฐานะกัน ถ้าหากตัวเองเป็นหม่าหมิงชุนจะตัดสินใจเลือกเช่นใดในสถานการณ์เช่นนี้?
ความจริงแล้ว ในเวลานี้ไม่ว่าหม่าหมิงชุนจะเลือกยอมแพ้หรือหลบหนีไป ในมุมมองของผู้คนจำนวนมากมองว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ การพบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จะยอมแพ้ก็ดี หรือวิ่งหนีไปก็ช่าง ก็เป็นเรื่องปรกติของคนเราเท่านั้น ทุกคนไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องไปส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาต่อเขา และไม่หัวเราะเยาะกับการเลือกของเขา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หากเปลี่ยนเป็นตนเอง เกรงว่าจะไม่สามารถรับได้ ไม่แน่นักอาจตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว และร้องเรียกหาปู่หาย่าแล้ว
วันนี้ หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย! แต่แล้ว เมื่อหม่าหมิงชุนยืนตัวตรงขึ้นมาได้แล้ว ดวงตาทั้งสองที่ดูไม่เป็นมิตร แม้ว่าเวลานี้เขาดูจะอ่อนแอมากแล้ว แต่ว่ายังคงไม่ทิ้งท่วงท่าความเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะ
ในเวลานี้ หม่าหมิงชุนไม่ได้ถูกทำให้หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่ได้ร้องขอให้หลี่ชิเย่ละเว้น และไม่ได้หันหลังหลบหนีไป แต่เป็นการยืดตัวตรงแอ่นอกเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ ยังคงมีสีหน้าท่าทางและคำพูดที่เข้มเหมือนเดิม
แม้ว่าหม่าหมิงชุนจะถูกหลี่ชิเย่อาศัยลูกเตะวงกว้างเตะขาดสองท่าน แต่ทว่า เวลานี้ยังคงสามารถยืดอกต่อหน้าหลี่ชิเย่ ไม่ได้ถูกทำให้หวาดกลัวจนเข่าอ่อนและร้องขอให้ละเว้นตน ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเลื่อมใส ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะย่อมแตกต่างนั่นแหละ ความกล้าหาญลักษณะเช่นนี้หาใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถมีได้
อ๋อ… หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา ขณะมองเห็นหม่าหมิงชุนที่ยืนยืดอกอยู่ ยิ้มกล่าวว่า พูดแบบนี้ เจ้ายังมีท่าไม้ตายน่ะสิ? ก็ดี มีฝีมืออะไรเอาออกมาให้หมดข้ารออยู่ ข้ากลับจะต้องการดูว่าท่าไม้ตายของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด กล่าวพลางยืนเอามือไพล่หลัง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยพลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ทันทีที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ต่างทยอยกันมองไปที่หม่าหมิงชุน ทุกคนล้วนแล้วแต่ยังนึกไม่ออกว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หม่าหมิงชุนยังคงต้องการต่อสู้ถึงที่สุด และผู้คนจำนวนมากกว่ารู้สึกแปลกใจก็คือ หม่าหมิงชุนยังมีท่าไม้ตายอะไรกันแน่ที่ยังไม่ได้งัดออกมาใช้?
ขึ้น… ในเวลานี้เอง หม่าหมิงชุนได้ร้องคำรามขึ้นมา เสียงของเขาเสมือนดั่งเป็นเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ พลันระเบิดเสียงออกมา สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซาน
พรึบ…ในพรับตาเดียวนั่นเอง ภูเขาแต่ละลูกของเขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ปรากฏเงาคนขึ้นมา อีกทั้งยังมีธงที่โบกสะบัดอีกด้วย
ในขณะนี้ ตามที่ต่างๆ ของเขาจิ่วเหลียนซานมีคนจำนวนมากโผล่ขึ้นมา ภูเขาทุกๆ ลูกล้วนแล้วแต่ปรากฎเป็นเงาคน เกรงว่าคงมีเงาคนจำนวนมากนับล้าน
กองทัพส่วนกลาง… มีผู้ที่มองออกถึงความนัยทันทีที่มองเห็นมีเงาคนโผล่ขึ้นมาที่ภูเขาทุกๆ ลูก
กองทัพส่วนกลางต่างค่ายอยู่ด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซานมิใช่รึ? ในเวลานี้มีผู้ยืนอยู่บนที่สูงและมองออกไปยังด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซาน มองเห็นค่ายที่กองทัพส่วนกลางตั้งอยู่นั้นยังคงอยู่ที่เดิม ยังคงมีทหารที่ทำการลาดตระเวนอยู่
‘อุบายเมืองว่าง’ ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสได้สติกลับมาเมื่อได้เห็นภาพนี้ ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ตั้งค่ายด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซานเป็นเพียงปิดหูปิดตาของผู้อื่นเท่านั้น ดูท่า ทหารของกองทัพส่วนกลางได้ลักลอบเข้ามายังเขาจิ่วเหลียนซานอย่างไร้ซุ่มเสียงแล้ว นับว่าแผนการของทังเฮ่อเสียงนั้นดีมาก
ก่อนหน้านั้น หม่าหมิงชุนเคยโกรธจัด ประกาศให้เขาจิ่วเหลียนซานมอบตัวหลี่ชิเย่ออกมา แต่ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทังเฮ่อเสียง หม่าหมิงชุนจึงไดตั้งค่ายอยู่ด้านนอกของเขาจิ่วเหลียนซาน
เวลานี้ทุกคนจึงได้สติกลับมา การที่ทังเฮ่อเสียงเกลี้ยกล่อมให้หม่าหมิงชุนตั้งค่ายด้านนอกเขาจิ่วเหลียนซาน เป็นตัวล่อเท่านั้นเอง
เกรงว่าหม่าหมิงชุนกับทังเฮ่อเสียงได้วางแผนลักลอบเข้ามายังเขาจิ่วเหลียนซานนานแล้ว
ไม่เสียทีที่เป็นหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ การเดินทัพได้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้นับว่ายอดเยี่ยมมาก มิน่าเล่าสำนักต่างๆ เป็นจำนวนมากเช่นนี้จึงหวั่นเกรงเขาอย่างยิ่ง มีผู้ที่กล่าวด้วยความตระหนกและรู้สึกใจหายใจคว่ำขึ้นมา
กองทัพที่มีไพร่พลนับล้านถึงกับลอบเข้ามาเขาจิ่วเหลียนซานได้ นอกเหนือจากตัวของเขาจิ่วเหลียนซานเองไม่อยากจะยุ่งด้วย ไม่อาจปฏิเสธว่าเป็นความจริงที่กองทัพส่วนกลางมีศักยภาพที่ดูถูกไม่ได้ ตัวมันเองก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว
พวกเขาต้องการตั้งเป็นค่ายกลรึ? มียอดฝีมือที่มองออกถึงความนัยบางอย่าง อดที่จะกล่าวด้วยความตระหนกขึ้นมา เมื่อมองเห็นไพร่พลนับล้านของกองทัพส่วนกลางที่ยึดครองภูเขาแต่ละลูกเอาไว้ เหมือนต้องการอาศัยสถานการณ์ฟ้าดิน
……………………………………………..