ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2520 ปราศจากผู้ต่อกร
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2520 ปราศจากผู้ต่อกร
ตอนที่ 2520 ปราศจากผู้ต่อกร
ฆ่า… ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าทั้งสองตัดสินใจเข่นฆ่าเด็ดจขาด ร้องเสียงดังขึ้นมาและลงมือพร้อมกันสองคน คนหนึ่งดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือ อีกคนมีโซ่ศักดิ์สิทธิ์ในมือ
เสียงตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงดาบคำรามดังไม่ขาดสาย ดาบยาวผงาดฟ้าปรากฏคลื่นดาบที่ดั่งคลื่นยักษ์ถาโถมเข้ามา คลื่นดาบทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสายต้องการท่วมร่างจนจมมิดในพริบตา
เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมาไม่ขาดสาย โซ่ศักดิ์สิทธิ์พลันพุ่งเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างรุนแรงในพริบตา พลันที่ลงมือด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์เสมือนหนึ่งเมฆหมอกพันธนาการโซ่เป็นข้อๆ ต่อเนื่องกันไป ฉับพลันปิดกั้นช่องว่างทั้งหมด และพันธนการทุกทิศทุกทาง
การลงมือเช่นนี้ก็คือเคล็ดวิชาเข่นฆ่าสังหาร เป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดของผู้เฒ่าทั้งสอง ผู้เฒ่าทั้งสองต่างทุ่มทุกอย่างออกไป เป็นการโจมตีที่พร้อมสละชีวิต ที่พวกเขาต้องการก็คือการช่วงชิงเวลาอันล้ำค่าในชั่วพริบตาเดียวเพื่อให้ปิงฉือหานยวี่ได้มีเวลาหลบหนีไป
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของผู้เฒ่าทั้งสอง จะมากหรือน้อยก็ต้องมีการตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศตรู หรือไม่ก็ต้องงัดเอาสุดยอดวิชาของตนออกมาเพื่อรับมือ
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุด บางทีอาจเปิดโอกาสให้พวกเขาช่วงชิงเวลาอันล้ำค่ามาได้จริงๆ และพวกเขาสามารถปกป้องปิงฉือหานยวี่หนีไปได้จริง
เสียดาย พวกเขาต้องเจอะเจอกับหลี่ชิเย่ไม่ใช่คนอื่น ดังนั้น แม้ว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังมากไปกว่านี้ของพวกเขา ในสายตาของหลี่ชิเย่ก็ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง
หลี่ชิเย่ที่เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดเช่นนี้ยังไม่ได้เลิกแม้กระทั่งหนังตาเสียด้วยซ้ำ เพียงนิ้วมือที่ชี้ออกไปตามอารมณ์ หนึ่งนิ้วที่ขวางไปตามท้องฟ้า
ภายใต้นิ้วมือนิ้วนี้ เสียงปังดังขึ้น มองเห็นดาบยาวแตกและขาดสบั้น โซ่ศักดิ์สิทธิ์ขาดออกทีละข้อๆ หนึ่งนิ้วที่กวาดเข้ามา ผู้เฒ่าทั้งสองไม่มีโอกาสแม้แต่ละหลบหนี
ได้ยินเสียงดังปุ..ปุ..ขึ้นมา ผู้เฒ่าทั้งสองไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาออกมา พลันถูกนิ้วของหลี่ชิเย่โจมตีจนกลายเป็นหมอกเลือดไป ปรากฏหมอกเลือดที่ตลบอบอวล และลอยกระจายจางหายไปตามลม
ในเวลานี้ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนต่างร่างสั่นเทิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ผู้เฒ่าทั้งสองนับว่าเป็นบุคคลผู้ที่มีอันดับในตระกูลขนาดใหญ่อย่างตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ นับเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ว่า ไม่สามารถรับมือได้กระทั่งนิ้วๆ เดียวของหลี่ชิเย่ กล่าวได้ว่า พวกเขาที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเป็นมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าภายในใจของผู้คนทั้งหมดล้วนแล้วแต่คาดคิดถึงจุดจบเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้เห็นกับตาตนเองอีกครั้ง ยังคงเป็นที่หวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเช่นเดิม
ขณะหลี่ชิเย่อาศัยท่าเตะวงกว้างสังหารหม่าหมิงชุนนั้น เวลานั้นก็นับว่าสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้ต้องตะลึงงันไปโดยพลัน
ทว่ากล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว หม่าหมิงชุนในฐานะที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะห่างชั้นกับพวกเขามากเกินไป ระดับชั้นสูงเกินไป การที่เขาถูกท่าเตะวงกว้างของหลี่ชิเย่สังหารนั้น กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนไม่น้อยแล้ว การตระหนักเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่ใกล้ตัวยังไม่มากพอ
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าสองคนที่อยู่ตรงหน้าก็จะแตกต่าง ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิ และตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยก็จะอยู่ในระดับที่พอๆ กันกับผู้เฒ่าทั้งสอง ไม่มีข้อแตกต่างกันสักเท่าไร ผู้เป็นอาจารย์ของอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็มีกำลังความสามารถเช่นนี้
ด้วยกำลังความสามารถเข่นนี้ หลี่ชิเย่กลับอาศัยนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวก็บดขยี้พวกเขาจนตาย นั่นเป็นการบ่งบอกว่า นิ้วมือหนึ่งนิ้วของหลี่ชิเย่ที่ยื่นเข้ามาหาตน ก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน บดขยี้พวกเขาจนกลายเป็นหมอกเลือดไปในทันที นับว่าลึกซึ้งอย่างเพียงพอสำหรับการตระหนักรับรู้ที่ใกล้ตัวเช่นนี้ ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ และรู้สึกสะท้านภายในใจ
กระทั่งมีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่ขาทั้งสองข้างไม่สู้ถึงกับสั่นเทาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากไม่ว่าใครก็ตามลองจินตนาการนิดหนึ่ง มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด เมื่อมีคนๆ หนึ่งสามารถอาศัยนิ้วมือนิ้วเดียวก็บดขยี้ตนเองได้ ความรู้สึกที่หวาดกลัวพลันลุกลามไปทั่วจิตใจของทุกคน ทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักเอะ มองดูตาปริบๆ กับหมอกเลือดที่ลอยกระจายและจางหายไป
เสียดาย ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้ หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ไม่ว่าใครมาก็เป็นการรนหาที่ตาย กล่าวพลาง มือขนาดใหญ่ยื่นออกไปคว้าตัวปิงฉือหานยวี่
สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด ลึกเข้าไปภายในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ว่า ในเวลานี้นางกลับไม่ได้วิ่งหนี ในเมื่อนางแพ้ก็ต้องมีหน้าที่ไปแบกรับมัน อีกอย่าง ต่อให้หนีไปก็ไม่เกิดประโยชน์ นางเข้าใจแล้วว่า การดิ้นรนใดๆ ล้วนแล้วแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอะไรอย่างนั้น
เมื่อมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่คว้าตัวเข้ามา ปิงฉือหานยวี่ไม่ได้ขัดขืน เนื่องจากการขัดขืนทุกอย่างล้วนไม่มีผล ล้วนแล้วแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดังนั้นจึงปล่อยให้หลี่ชิเย่จับไปตามอารมณ์ จึงตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่
เสียงตึง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่ปิงฉือหานยวี่ตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้น เสียงกระบี่คำรามก้องเก้าชั้นฟ้า ทั่วฟ้าดินเต็มไปด้วยประกายกระบี่ หนึ่งกระบี่ที่ขวางฟ้าก้าวข้ามหมื่นอาณาจักรเข้ามา
หนึ่งกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต กวาดสุริยันจันทราและดวงดาวออกไป ตัดขาดวัฏสงสารหกภพภูมิ หนึ่งกระบี่ที่ผงาดฟ้าเข้ามา กวาดล้างสิ่งกีดขวางทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สิ่งใดๆ ที่กั้นขวางตรงหน้าล้วนแล้วแต่ถูกหนึ่งกระบี่กวาดล้างจนราบเรียบไปสิ้น
หนึ่งกระบี่ที่ผงาดฟ้าเข้ามาด้วยท่าทีที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง กลิ่นอายราชันแท้จริงดั่งคลื่นที่ลูกหลังไล่ลูกหน้าโหมสาดซัดเข้ามาอย่างน่าเกรงขาม ส่งเสียงดังตูมตามไม่ขาดสาย เสมือนหนึ่งอานุภาพราชันแท้จริงที่บดขยี้เข้ามา ไม่รู้ว่ามีสรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าไรต้องสั่นเทา และตัวสั่นงันงกเพราะสิ่งนี้
ราชันแท้จริง… มีผู้ร้องด้วยความตกใจเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายราชันแท้จริง การเผชิญหน้ากับหนึ่งกระบี่ที่ทำลายสวรรค์เช่นนี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปยังที่ๆ ห่างไกล
ที่แคว้นว่านเจิ้นมีเพียงคนผู้เดียวเท่านั้นที่สำเร็จเป็นราชันแท้จริง นั่นก็คือราชันแท้จริงปาเจิ้น
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นลงมือ หนึ่งกระบี่ก้าวข้ามท้องฟ้าหวังจะช่วยปิงฉือหานยวี่เอาไว้ ในฐานะที่เป็นราชันแท้จริง แม้ว่าจะห่างไกลนับล้านล้านลี้ แต่หนึ่งกระบี่ที่ก้าวข้ามท้องฟ้ายังคงมีความน่ากลัวอย่างยิ่ง
การลงมือของราชันแท้จริงปาเจิ้นนับว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ไม่เสียทีที่เป็นราชันแท้จริง หนึ่งกระบี่ที่ก้าวข้ามท้องฟ้าเข้ามามีกระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
หนึ่งกระบี่ที่ก้าวข้ามท้องฟ้าเข้ามา ก้าวข้ามหมื่นอาณาจักร สามารถผ่าความขมุกขมัวของฟ้าดินให้เปิดออก ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ แม้จะห่างไกลกันถึงเพียงนี้ยังคงทำให้ผู้คนต้องหวาดผวา อานุภาพยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม
กระบี่ราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ก้าวข้ามท้องฟ้าเข้ามาถึง ตรงเข้าบริเวณลำคอของหลี่ชิเย่ หวังแด็ดศีรษะของหลี่ชิเย่
แต่ทว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อยเม้ต้องเผชิญกับหนึ่งกระบี่ที่สะเทือนเลื่อนลั่น หนึ่งหมัดสวนออกไปตามใจ โดยที่หมัดนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยม ไม่มีพลังที่สะเทือนลื่อนลั่น ปล่อยหมัดนี้ออกไปตามอารมณ์เช่นนี้แหละ
เสียงปัง…ดังสนั่น ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราอับแสง หนึ่งหมัดที่สวนเข้าไป แม้ว่าดูไปแล้วไม่สู้จะมีกำลังสักเท่าไร แต่ก็ทำลายฟ้าดินได้
ท่ามกลางเสียงดังปังเสียงนี้ มองเห็นหนึ่งกระบี่ทีก้าวข้ามท้องฟ้าพลันแตกละเอียด โดยกระบี่ยักษ์ทั้งเล่มถูกโจมตีจนแตกละเอียดกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับล้านล้านชิ้น บินว่อนไปทั่วท้องฟ้า แวววับน่าฟัง บนท้องฟ้าเสมือนหนึ่งได้มีฝนผลึกกระบี่ที่พร่างพราวตกลงมาอย่างนั้น
หนึ่งกระบี่แตกสลายหายวับไปกับตา รวมทั้งกลิ่นอายราชันแท้จริงก็ถูกบดขยี้ไปในพริบตา ไม่สามารถรองรับกับหนึ่งหมัดแตกสลายที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ หนึ่งกระบี่ที่ก้าวข้ามท้องฟ้าเข้ามาของราชันแท้จริงปาเจิ้นเมื่อเปรียบกับหนึ่งหมัดที่แลดูธรรมดาๆ ของหลี่ชิเย่แล้วดูจะอ่อนแออย่างยิ่ง ไม่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว
ปราศจากผู้ต่อกร… ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว แม้ว่าหนึ่งกระบี่ของราชันแท้จริงปาเจิ้นจะสู้ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิดของผู้คนอยู่แล้ว แต่ทว่า นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลี่ชิเย่ทำลายจนแตกละเอียดอย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ ทุกคนต้องมองไปที่ทิศทางอันเป็นที่ตั้งของแคว้นว่านเจิ้น ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นจะออกมาช่วยเหลือปิงฉือหานยวี่หรือไม่ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว ปิงฉือหานยวี่คือคู่หมั้นของเขา ระหว่างพวกเขาทั้งสองได้กำหนดความเป็นสามีภรรยาทางนิตินัยแล้ว
ดูท่าเขายังห่วงใยเจ้ามาก เสียดายทุกอ่ย่างจบสิ้นลงแล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย เวลานี้เขาจ้องมองไปยังแคว้นหว่านเจิ้น กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า คิดท้าสู้กับข้า ข้ายินดีต้อนรับทุกเมื่อ ข้าอาศัยอยู่ในเขาหงฮวงซานนี่แหละ รอให้เจ้าออกจากการกักตนเสียก่อน มาสู้กันสักครั้ง!
พูดจบ หันหลังจากไปทันที
ภายในใจของทุกคนรู้สึกเย็นวาบ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ นี่เป็นการประกาศศึกต่อราชันแท้จริงปาเจิ้น! เพียงแต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังไม่ออกจากการกักตนเท่านั้น
ในเวลานี้ ทุกคนต่างหันมองไปที่แคว้นว่านเจิ้นแวบหนึ่ง ความจริงแล้ว การที่เวลานี้หลี่ชิเย่ท้าสู้ราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้สึกอยู่เหนือความคาดคิด
ครั้งนั้น เป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นเองที่นำกองทัพบุกตีวังหลวงจนแตก เป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ขับไล่ให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ลงจากบัลลังก์ ขณะเดียวกัน ในครั้งนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่กับปิงฉือหานยวี่ก็มีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน ภายหลังกลับมีการเปลี่ยนแปลง กลับกลายเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นกับปิงฉือหานยวี่หมั้นหมายกัน
กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นความแค้นเรื่องของชาติหรือครอบครัวที่ถูกทำลาย ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะสู้กับราชันแท้จริงปาเจิ้น เกรงว่าระหว่างพวกเขาคงต้องไม่เจ้าตายก็คือข้าม้วยไม่ได้แล้ว!
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ใจหายใจคว่ำไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ มองส่งหลี่ชิเย่ไปจากอย่างเงียบๆ
ครั้นเงาหลังของหลี่ชิเย่หายไปแล้ว ทุกคนเหมือนหายใจด้วยความโล่งอก เหมือนปลดสัมภาระออกจากบ่าอย่างนั้น เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกตัวเบาไม่น้อย ขณะที่หลี่ชิเย่ยังอยู่ในเหตุการณ์นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา กระทั่งเรียกได้ว่าตัวสั่นงันงก หลังจากหลี่ชิเย่ไปจากแล้ว พวกเขาจึงกล้าสูดลมหายใจอย่างเต็มที่
สถานการณ์ในหล้าถูกกำหนดแล้ว ต่างคนต่างพึ่งตัวเองกันก็แล้วกัน หลังจากที่ฉินเจี้ยนเหยาได้มองด้วยสายตาส่งหลี่ชิเย่ไปจากแล้ว จึงได้ทอดถอนใจเบาๆ ขึ้นมา นางเองก็รู้ว่า แม้สตรีผู้สูงศักดิ์อย่างนางก็ไม่เข้าตาของหลี่ชิเย่ พลาดโอกาสไปครั้งหนึ่งคิดจะได้รับความโปรดปรานจากเขานั้น เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นฟ้าเสียอีก
ฉินเจี้ยนเหยาหันหลังจากไป นางจะต้องกลับไปรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่อย่างละเอียดต่อเหล่าบรรพบุรุษของสำนัก นางเองคาดหวังว่าบรรดาบรรพบุรุษภายในสำนักจะมีสติในการติดสินใจเลือก มิฉะนั้นล่ะก็ แม้แต่จิ้งเหลียนกวานที่มีธาตุแท้ภายในหนาแน่นก็มีความเป็นไปได้ที่จะหายวับไปกับตาในชั่วพริบตาเดียว
ยุคนี้ไม่มีใครสามารถต่อกรได้อีกแล้ว ดาบอริยะกวานไห่อดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ ไม่ได้ ในบรรดาห้าแกร่งในปัจจุบัน ผู้ที่มีสถานการณ์ดีที่สุดก็คือหอหลินไห่เก๋อของพวกเขาแล้ว อีกทั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพราะหลิ่วชูฉิง มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่แน่นักหอหลินไห่เก๋อของพวกเขาก็คงไม่ได้ดีไปกว่าตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือสักเท่าไร
ดาบอริยะกวานไห่ส่ายหน้า และหันหลังจากไป สมควรแก่เวลาที่หอหลินไห่เก๋อของพวกเขาจะต้องถอนตัวได้แล้ว ในเวลานี้หอหลินไห่เก๋อของพวกเขานับว่าได้รับพระมหากรุณาแล้ว หากยังไม่รู้จักกาลเทศะอีกล่ะก็ เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเองแล้ว
ทุกคนต่างอยู่ในอาการนิ่งเงียบ จากการไปจากของฉินเจี้ยนเหยา และดาบอริยะกวานไห่ อีกทั้งเวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างมีความหวาดกลัวไม่อาจทำใจให้สงบได้สายหนึ่งลุกลามอยู่ในใจ
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก เวลานี้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างชิงความเป็นใหญ่ แต่ทว่า เวลานี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ผงาดขึ้นมา เหมือนว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่สั่นเทา ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่กำลังสั่นไหวโคลงเคลง นาทีนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทากับสิ่งนี้ ทุกคนต่างตื่นตระหนกตกใจกันในใจ และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
……………………………………………