ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2528 ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2528 ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน
ตอนที่ 2528 ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน
ท่าทีของราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้เมินเฉย แววตาดูเด็ดเดี่ยวหนักแน่นยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองเผยประกายตาที่เข้มและน่าเกรงขาม เข่นฆ่าไร้ความปราณี เสมือนดั่งเป็นของมีคมแต่ละเล่มที่สามารถถึงแก่ชีวิตยิ่งนัก
ท่าทีของราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้เมินเฉย แววตาดูเด็ดเดี่ยวหนักแน่นยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองเผยประกายตาที่เข้มและน่าเกรงขาม เข่นฆ่าไร้ความปราณี เสมือนดั่งเป็นของมีคมแต่ละเล่มที่สามารถถึงแก่ชีวิตยิ่งนัก
ทุกคนต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจมองดูราชันแท้จริงปาเจิ้น ในขณะนี้ภายในใจของบางคนอดที่จะเลื่อมใสในตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้น จะอย่างไรเสียการเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา หากเปลี่ยนเป็นบางคนภายในใจคงพังทลายไปแล้ว ไม่มีหน้าที่จะมายืนอยู่ที่ตรงนี้อีกต่อไป แต่ทว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นกลับยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา ปณิธานการต่อสู้ยังคงฮึกเหิม โดยไม่ได้รับผลกระทบจากภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า
จะอย่างไรเสีย เรื่องแบบนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงไม่สามารถรับได้ ต่อให้ไม่พังทลายลงมาก็ต้องได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนัก จิตใจที่ฮึกเหิมจะตกต่ำลง ปณิธานการต่อสู้ลดลง แต่ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงมีปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิม ดวงตาทั้งสองดูเข้มและน่าเกรงขาม การเข่นฆ่าเด็ดขาด
ข้อนี้นับว่าทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องเลื่อมใส การที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามารถกลายเป็นราชันแท้จริงได้นับว่ามีกำลังความสามารถจริงๆ และมีสิ่งที่ผู้อื่นเอื้อมไปไม่ถึง
จะอย่างไรเสียเรื่องแบบนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงรับไม่ไหวแล้ว ต่อให้ไม่พังทลายก็ต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก ความฮึกเหิมตกต่ำลง ปณิธานการต่อสู้ลดลง แต่ทว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงมีปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิม ดวงตาทั้งสองเข้มและน่าเกรงขาม การเข่นฆ่าที่เด็ดขาด
เป็นความจริงที่ข้อนี้เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนจำนวนไม่น้อย การที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามารถกลายเป็นราชันแท้จริงได้ นับว่าเขามีกำลังความสามารถโดยแท้จริง และเขามีสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้
มีผู้คนบางส่วนอดที่จะรู้สึกเห็นใจราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่ได้ จะอย่างไรเสียปิงฉือหานยวี่ก็คือคู่หมั้นของเขา เวลานี้กลับถูกฮ่องเต้องค์ใหม่ปราบจนราบคาบอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสิ่งนี้สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่สุดจะทนได้เช่นใด เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบเพียงใด
มีรุ่นอาวุโสถึงกับทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ เหมือนว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกลิขิตเอาไว้แล้วกับการเป็นศัตรูกับฮ่องเต้องค์ใหม่ เฉกเช่นคนอย่างฮ่องเต้องค์ใหม่ ไม่เพียงตัวเขาที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว อีกทั้งเขายังเป็นฮ่องเต้ทรราชที่มั่วโลกีย์และไร้คุณธรรมคนหนึ่ง
เฉกเช่นฮ่องเต้ทรราชที่มั่วโลกีย์และไร้คุณธรรมเช่นนี้ ยังจะมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้? ในเวลานี้ บรรดายอดฝีมือรุ่นอาวุโสก็ตระหนักได้ว่า การเป็นศัตรูกับฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นทรราช เท่ากับเป็นศัตรูกับมารร้าย คนแบบนี้พร้อมที่จะเหยียบย่ำความหยิ่งในศักดิ์ศรีของบุคคลผู้นั้นให้อยู่กับพื้นให้ตายทั้งเป็นได้ทุกที่ทุกเวลา
นาทีนี้ รุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก ในพริบตาเดียวนี้เอง พวกเขาตระหนักได้ว่า บางทีการที่ฮ่องเต้ไท่ชิงได้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ต่อไปจึงเป็นเรื่องดี การปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของฮ่องเต้ไท่ชิงนั้น แค่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ตัดสินใจเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่าการปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของฮ่องเต้องค์ใหม่คงพูดยาก การปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของฮ่องเต้องค์ใหม่จะไม่เพียงแค่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ตัดสินใจเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่แน่นัก เขาอาจสามารถทำในสิ่งที่เป็นการมั่วโลกีย์ ไร้คุณธรรมที่ผู้คนจำนวนมากคาดไม่ถึง ถึงเวลานั้นแล้ว เกรงว่าทุกคนก็จะเริ่มหวนระลึกถึงความดีของฮ่องเต้ไท่ชิงกันแล้ว
ครั้นยอดฝีมือรุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยนึกถึงตรงนี้แล้วต่างรู้สึกสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ฮ่องเต้องค์ใหม่น่ากลัวเหลือเกิน
ในขณะนี้ ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธจัด เขาจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเฉยเมย กล่าวน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “วันนี้ไม่ตายไม่เลิก! ไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย!”
“ไม่” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ หัวเราะและกล่าวว่า “วันนี้ ที่ตายมีเพียงเจ้าเท่านั้น ความจริงแล้ว เจ้ายื่นมือไปยังตำแหน่งฮ่องเต้ครั้งนั้นในวันนั้น เจ้าก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องตาย เจ้าสมควรขอบคุณตาเฒ่าฟงแห่งสำหนักเสินสิงเหมิน หากไม่เป็นเพราะเขาลงมือเข้ามายุ่งด้วย ข้าเชื่อว่าเมืองหลวงในวันนั้นจะต้องดูอลังการมากแน่นอน ทั่วทั้งเมืองหลวงจะเจิ่งนองไปด้วยเลือด ซากศพจะกองพะเนินจนสูงยิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก น่าเสียดาย ถือเสียว่าตาเฒ่าฟงได้ทำกุศลไปเรื่องหนึ่งและสั่งสมโชควาสนาและคุณธรรมไว้”
ครั้นหลี่ชิเย่พูดออกมาอย่างนี้แล้ว ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า ครั้งนั้นราชันแท้จริงปาเจิ้นนำพากองทัพพันธมิตรบุกเข้าวังหลวงนั้น มีเพียงฮ่องเต้องค์ใหม่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เพียงผู้เดียว ในเวลานั้นทุกคนต่างเข้าใจว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะพลีชีพเพื่อชาติ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า จังหวะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นลงมือในวินาทีสุดท้ายนั้น ฮ่องเต้องค์ใหม่กลับถูกคนเขาช่วยเหลือไปได้ ที่แท้ผู้ที่ช่วยฮ่องเต้องค์ใหม่ในวันนั้นกลับจะเป็นเทพวายุแห่งสำนักเสินสิงเหมิน หนึ่งในห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด
ทุกคนจึงได้เข้าใจถึงเบื้องหลังในครั้งนั้น เมื่อได้ฟังคำในวันนี้
แต่ทว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ นาทีนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า แท้จริงแล้ว ในครั้งนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้เตรียมที่จะเข่นฆ่าครั้งใหญ่ ต้องการสังหารสิ้นพวกของราชันแท้จริงปาเจิ้นในวังหลวงนั่นเอง
เมื่อทุกคนนึกถึงภาพนี้แล้ว ทันใดนั้นเองเหมือนได้มองเห็นเลือดสดๆ ที่ไหลท่วมวังหลวง ภาพที่น่ากลัวของซากศพกองพะเนินจนสูงยิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก ทันใดนั้น มีผู้ที่รู้สึกเหมือนตนเองได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นยิ่งนัก
นาทีนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร่างสั่นเทิ้ม พวกเขารู้ว่าสิ่งนี้หาใช่เป็นการคุยโตโอ้อวดของฮ่องเต้องค์ใหม่ เขาสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ หากไม่เป็นเพราะเทพวายเข้ามาสอด เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงเปลี่ยนสีไปนานแล้ว
ถ้าหากวันนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีหกกองทัพ กระทั่งตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แคว้นว่านเจิ้นก็อาจจะถูกฮ่องเต้องค์ใหม่ทำลายล้างไปแล้ว
“สู้กันก็จะรู้เอง…” สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงไม่หวั่นไหว ท่าทางเย็นชา กลิ่นอายเข่นฆ่าเข้มและน่าเกรงขาม
“เอาเถอะ มักจะมีผู้ที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาอยู่เสมอๆ ครั้นถึงเวลานั้นคิดเสียใจภายหลัง แต่จะไม่มีโอกาสตรงนั้นอีกแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มไปตามอารมณ์
“เจ้าลงมือก่อน หากข้าลงมือเกรงว่าเจ้าไม่มีโอกาสกระทั่งดิ้นรน” หลี่ชิเย่อดที่จะยิ้มตามอารมณ์ขึ้นมาและโบกไม้โบกมือ
ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงปาเจิ้นพลันดูน่าเกรงขามเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ เสมือนดั่งเป็นดวงดาวแต่ละดวงที่ระเบิดขึ้น เปล่งประกายที่น่ากลัวขึ้นมา
“ตกลง…” ราชันแท้จริงปาเจิ้นคำรามเสียงดัง และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นว่าไม่ตายไม่เลิก…พลันที่กล่าวขาดคำ ได้ยินเสียงดังตึง ประกายกระบี่ไม่มีสิ้นสุดปรากฎขึ้นมา
ตึง ตึง ตึงพลันที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นกล่าวขาดคำ พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนออกจากฝักอย่างนั้น ทันใด้นั้น เหมือนว่ามีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนล้านล้านเล่มพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงจากใต้พื้นดินของเขาจิ่วเหลียนซาน
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง อาณาจักรกระบี่ที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตได้เปิดออก ภายใต้อาณาจักรกระบี่เช่นนี้ มีฟ้าดินเพียงหนึ่งเดียว ปราศจากวิถีกระบี่
ที่ตรงนี้ กระบี่เป็นผู้บงการทุกสิ่ง ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็เป็นผู้บงการกระบี่ ดังนั้น ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดของอาณาจักรกระบี่นี้ เขาคือหนึ่งเดียวที่ดำรงอยู่
แว้งค์เสียงกระเพื่อมของช่องว่างดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ไม่เพียงราชันแท้จริงปาเจิ้นที่อยู่ภายในอาณาจักรกระบี่นี้เท่านั้น ขณะเดียวกันหลี่ชิเย่เองก็ถูกจับให้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรกระบี่ด้วย
ภายในอาณาจักรกระบี่นี้มีฟ้าดินที่กว้างไกลและสูงใหญ่มาก บริเวณที่ไกลและสูงที่สุดเหมือนว่าไปสุดอยู่ที่ปลายสุดของโลกแล้ว เปิดประตูอนัตตาออกมา ที่ตรงนั้นมีประกายหยวนกวงที่ส่งประกายแวบวับอยู่สายหนึ่ง
ขณะที่เวลานี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นยืนอยู่ที่ตรงนั้น ยืนอยู่ปลายสุดของโลกแห่งอาณาจักรกระบี่ ยืนอยู่ที่ประตูอนัตตา ล้ำหน้าเหนือฟ้าดิน ควบคุมประกายหยวนกวงที่ส่งประกายแวบวับนี้เอาไว้
“ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน หนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลของแคว้นว่านเจิ้น เป็นค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังที่สุด” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา หลังจากที่เห็นอาณาจักรกระบี่นี้ถูกเปิดออกมา
ค่ายกลกระบี่เทียนหยวน หนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลของแคว้นว่านเจิ้น เป็นค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังที่สุด สร้างขึ้นโดยฝีมือของราชันแท้จริงว่านเจิ้น เล่าลือกันว่า ค่ายกลนี้เคยกักขังราชันแท้จริงอื่นๆ จนต้องตาย อานุภาพปราศจากผู้เทียบเทียม
ตึง…กระบี่สะบั้นเก้าชั้นฟ้า ภายในอาณาจักรกระบี่ มองเห็นระหว่างอาณาจักรกระบี่ปรากฎม่านกระบี่แต่ละด้าน หลังจากที่ประกายกระบี่แต่ละเล่มปรากฏขึ้นมาแล้ว ได้เรียงตัวกันกลายเป็นม่านกระบี่ และกลายเป็นกำแพงกระบี่
ทันใดนั้นเอง กำแพงกระบี่ที่อ่อนเพลียจำนวนมากมายเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และกลับกลายเป็นกำแพงกระบี่ที่สูงใหญ่และหนาที่สุดในโลก กว้างนับล้านล้านลี้ ทอดข้ามไประหว่างฟ้าดิน ขวางกั้นอยู่ด้านหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้น
ในเวลานี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้รับการปกป้องจากกำแพงกระบี่ที่แข็งแกร่งไม่สามารถตีแตกได้ ใครก็ตามหากคิดจะทำลายกำแพงกระบี้สักด้าน จำเป็นต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมาย การที่กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านกั้นขวางอยู่ด้านหน้านั้น คิดจะทำลายกำแพงกระบี่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่หาใช่เรื่องง่ายเลย
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้ช่องว่างที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่นั้นพลันเลือนลางขึ้นทันที เสมือนหนึ่งราชันแท้จริงปาเจิ้นได้หลอมรวมเข้ากับอาณาจักรกระบี่อย่างนั้น แต่ก็เหมือนว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นได้แยกตัวออกจากช่องว่าง ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรกระบี่แล้ว
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างบังเกิดเป็นภาพลวงตาขึ้น เหมือนว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นได้เข้าไปอยู่ภายในประตูอนัตตาของอาณาจักรกระบี่แล้ว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ว่า อาณาจักรกระบี่ยังคงทรงพลังอย่างยิ่ง
เป็นการบ่งบอกว่า ไม่สามาถค้นพบตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นในอาณาจักรกระบี่ได้อีกแล้ว ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงสามารถควบคุมพลังที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า สามารถทำการสยบและสังหารบุคคลผู้นั้นได้ทุกขณะ
“แล้วนี่จะสู้กันอย่างไร?” เมื่อมองเห็นราชันแท้จริงปาเจิ้นได้หายตัวไป เหมือนว่าหลุดออกจากโลกนี้ไปแล้ว ในขณะที่เขาคือผู้บงการค่ายกลกระบี่นี้ ไม่ว่าใครก็หลบหนีไปจากการสังหารของเขาเมื่อเข้ามาอยู่ในอาณาจักรกระบี่นี้แล้ว เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนไม่สามารถลงมือได้ และไม่รู้ว่าจะทำลายค่ายกลกระบี่ตรงหน้านี้ได้อย่างไร
“ควรจะทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวนอย่างไร?” อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่งุนงงอย่างสิ้นเชิง อดที่จะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“ไม่รู้” ผู้อาวุโสส่ายหน้าด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง เอ่ยขึ้นข้าๆ ว่า “ฟังว่าค่ายกลนี้เคยกักขังราชันแท้จริงจนตายมาแล้ว อานุภาพปราศจากผู้เทียบเทียม คิดจะทำลายค่ายกลกระบี่นี้ ยาก ยากมาก”
“ใช่ว่าจะไม่มีวิธี สามารถทำลายแกนกลางที่เป็นส่วนสำคัญได้ ก็สามารถทำลายค่ายกลกระบี่ได้อย่างแน่นอน” ระดับบรรพบุรุษพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้ควบคุมค่ายกลก็คือแกนหลัก สามารถหาตัวผู้ควบคุมค่ายกลได้ แกนหลักที่เป็นส่วนสำคัญก็อยู่ที่นั่น”
เมื่อทุกคนได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้หายตัวไปจากอาณาจักรกระบี่แล้ว จะไปตามหาเขาได้ที่ไหนกัน
“ค่ายกลกระบี่เทียนหยวนมีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมเหลือเกิน หวังจะทำลายค่ายกลกระบี่อย่างสิ้นเชิง เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าขึ้นไปสวรรค์ชั้นฟ้าเสียอีก ฝ่าออกมาจากค่ายกลกระบี่ นั่นแหละทางเลือกที่ถูกต้อง” ยอดฝีมือได้เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ในขณะนี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้และมองดูหลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในค่ายกลกระบี่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการเห็นฮ่องเต้ที่องอาจห้าวหาญปราศจากผู้ต่อกรจะอาศัยวิธีการอะไรไปทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวน
“ฆ่า…” ในเวลานี้เอง เสียงของราชันแท้จริงปาเจิ้นดังขึ้น เสียงของเขาเสมือนดั่งถูกทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นผู้บงการอนัตตาไปแล้ว
ตึง ตึง ตึงพลันที่คำพูดของราชันแท้จริงปาเจิ้นพูดขาดคำ บนท้องฟ้าปรากฏฝนกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมา ฝนกระบี่ดั่งคลื่นยักษ์ ตกลงมาอย่างหนักเหมือนเอาตะบวยตักแล้วสาดลงมาอย่างนั้น เมื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกเทลงมา มันสามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในอาณาจักรกระบี่กลายเป็นหมื่นกระบี่แยกร่างทันที กลายเป็นเนื้อบดในพริบตา
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อดจะสั่นเทาไม่ได้ เมื่อมองเห็นประกายเยือกเย็นแวบวับจากกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมหาศาลที่พุ่งลงมา หากเปลี่ยนเป็นตัวเองอยู่ในค่ายกลกระบี่ เกรงว่าระลอกแรกก็ต้านไม่อยู่และกลายเป็นเนื้อบดไปทันที
“วิชาจิ๊บๆ เท่านั้นเอง แบบนี้ก็กล้าเรียกมันว่าค่ายกล” หลี่ชิเย่ที่มองดูฝนกระบี่ที่เทลงมาดั่งคลื่นยักษ์ โดยไม่ได้คิดที่จะหลบแม้แต่น้อย เพียงยิ้มเรียบเฉยเท่านั้นเอง
…………………………………………………………………..