ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2530 สามกระบี่จูเซียน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 2530 สามกระบี่จูเซียน
ตอนที่ 2530 สามกระบี่จูเซียน
กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด มีน้ำหนักและหนาเช่นใด กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านเช่นนี้ ไม่เพียงมีพลังทั้งหมดของราชันแท้จริงปาเจิ้น และยังมีระบบป้องกันที่ทรงพลังและแกร่งที่สุดของค่ายกลกระบี่ทั้งหมดในครอบครอง โดยรวบรวมพลังที่น่าเกรงขามและปราศจากผู้ต่อกรเอาไว้
กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด มีน้ำหนักและหนาเช่นใด กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านเช่นนี้ ไม่เพียงมีพลังทั้งหมดของราชันแท้จริงปาเจิ้น และยังมีระบบป้องกันที่ทรงพลังและแกร่งที่สุดของค่ายกลกระบี่ทั้งหมดในครอบครอง โดยรวบรวมพลังที่น่าเกรงขามและปราศจากผู้ต่อกรเอาไว้
กำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านลักษณะเช่นนี้ ต่อให้ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะลงมือและคิดจะทำลายมัน ก็ต้องอาศัยอาวุธที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมเข้าโจมตี มีที่ไหนที่เหมือนเช่นหลี่ชิเย่ หนึ่งหมัดที่ซัดออกไปก็จัดการโจมตีทะลุกำแพงกระบี่เป็นล้านล้านด้านโดยตรงได้ในทันที ดุดันปราศจากสิ่งใดเทียบเทียม
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ยังคงทะลุทะลวงต่อไป หมัดนี้ปราศจากสิ่งใดสามารถต้านทานได้อีกแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม ภายใต้หมัดเดียวนี้ล้วนแล้วแต่หายวับไปกับตาในพริบตา สรรพสิ่งล้วนแตกละเอียด
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้หนึ่งหมัดนี้ ผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตามล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้ ผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตามล้วนแล้วแต่ถูกบดขยี้ทำลาย ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวเสียงนี้ ประตูอนัตตาที่เดิมได้หายตัวไปพลันปรากฏ และถูกซัดจนแตกละเอียดในหมัดเดียว
เสียงปังดังสนั่น ภายใต้การโจมตีด้วยหมัดเดียวอย่างรุนแรง สุดท้าย อาณาจักรกระบี่ทั้งหมดก็แตกละเอียดและกลายเป็นหลุมดำที่น่ากลัว ภายใต้หนึ่งหมัดที่โจมตี เสมือนดั่งโลกทั้งโลกถูกซัดจนทะลุ เสมือนดั่งโลกทั้งโลกถูกหมัดนี้หมัดเดียวซัดจนแหลกละเอียดอย่างนั้น
เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง หลังจากที่อาณาจักรกระบี่ทั้งหมดแตกละเอียดไปแล้ว ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้เผยโฉมที่แท้จริงขึ้นมา ในขณะที่หนึ่งหมัดซัดเข้าหานั้น เขาเองก็รู้สึกหวาดผวา ได้เสกกระบี่ออกมาสามเล่ม ต้านหมัดนี้เอาไว้
หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่นี้ได้ซัดเข้าไปที่กระบี่สามเล่มนั้น เสมือนดั่งโลกธาตุทั้งโลกถูกสั่นคลอน เสียงปังที่ดังสนั่นขึ้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และถูกการโจมตีที่น่ากลัวสะเทือนจนหมดสติล้มลงกับพื้น
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น แม้ว่ากระบี่ทั้งสามของราชันแท้จริงปาเจิ้นจะต้านหมัดนี้เอาไว้ได้ แต่เขายังคงถูกโจมตีจนกระอักเลือดอย่างแรง และก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว ลมปราณปั่นป่วน
ภาพเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าได้สร้างความหวั่นไหวกับทุกคน ก่อนการต่อสู้ ผู้คนจำนวนมากเคยจินตนาการไว้ว่า หลี่ชิเย่จะต้องอาศัยวิธีการเช่นนี้ทำลายค่ายกลเทียนหยวนของราชันแท้จริงปาเจิ้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้คิดวิธีทำลายเอาไว้หลายวิธี
แต่ว่า ใครเล่าจะคาดคิดได้ว่า หมัดเดียวทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวนจนแตกละเอียดได้? เป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าจินตนาการได้ เนื่องจากในสายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สมควรทราบว่า ค่ายกลกระบี่เทียนหยวนเคยกักขังราชันแท้จริงจนตายมาแล้ว อีกทั้งในขณะนี้ยังเป็นการลงมือโดยราชันแท้จริงปาเจิ้น หอบเอาธาตุแท้ภายในของแคว้นว่านเจิ้นมาด้วย ความแข็งแกร่งของค่ายกลกระบี่เทียนหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ และทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะจินตนาการ
ต่อให้สามารถนึกได้ว่าหลี่ชิเย่น่าจะทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวนได้ แต่ทว่า จะมีใครสามารถคิดได้ว่าหลี่ชิเย่จะทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวนจนแตกละเอียดภายใต้หมัดๆ เดียวได้เล่า คล้ายดั่งโลกทั้งโลกถูกทำลายโดยพลันอย่างนั้น
หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นยุค นาทีนี้ ภายในใจของทุกคนมีแนวความคิดเช่นนี้ หนึ่งหมัดในลักษณะเช่นนี้ที่ซัดเข้ามา อย่าว่าแต่โลกมนุษย์เลย แม้แต่สายน้ำหมื่นยุคก็ต้องหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองดูภาพเช่นนี้จนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้ในเวลานี้ ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
หมัดเดียวปราศจากผู้ต่อกร ภายในใจของทุกคนรู้สึกหวาดกลัวจนขวัญอ่อน ทุกคนต่างตระหนักได้ว่า ตนเองนั้นประเมินความน่ากลัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ต่ำไปมากทีเดียว ก่อนหน้านี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยตั้งสมมุติฐานถึงกำลังความสามารถของฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่ว่า มาวันนี้ดูไปแล้วกำลังความสามารถของฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นล้ำหน้ากว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมากทีเดียว สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวไม่สามารถเทียบเทียมได้อย่างแน่นอน
“สามกระบี่จูเซียน…” ไม่ง่ายนัก ขณะที่ผู้คนจำนวนมากทยอยกันได้สติกลับมา เวลานี้สายตาของผู้คนได้ตกไปอยู่บนกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่อยู่ด้านหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้น อดที่จะร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ทยอยกันมองไป เห็นด้านหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฎกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มจริงๆ เมื่อครู่เป็นกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มนี้ที่ต้านหมัดนี้ของหลี่ชิเย่เอาไว้
กระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มนี้มีความเป็นโบราณอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าสร้างขึ้นมาด้วยโลหะอะไร กระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มหากมองดูอย่างละเอียดแล้วเหมือนทองแดงดั่งหยก ตัวกระบี่ลายพร้อย เหมือนปรากฏสนิมเขียวขึ้นมา และก็มีสีเขียวมรกตเหมือนดั่งหินหยก
สิ่งนี้เหมือนหนึ่งเป็นหินแร่ที่ยังไม่ได้ผ่านการตัดแต่งโดยสิ้นเชิง หน้าหินจึงปรากฏสีเขียวอ่อนๆ เป็นจุดๆ กระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มมองดูแล้วก็จะเป็นเช่นนั้น
กระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มดูเหมือนจะเปื้อนรอยเลือดอยู่ แต่ว่า รอยเลือดดังกล่าวไม่ทราบว่าเปื้อนมาตั้งแต่ยุคสมัยใด แม้ว่ารอยเลือดได้แห้งกรังไปแล้ว แต่ยังคงแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมออกมา เหมือนว่าเจ้าของเลือดนี้เคยปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล ประดุจดั่งรอยเลือดดั่งกล่าวมาจากเซียนแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างนั้น
ทุกคนที่รับรู้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายจากรอยเลือดดังกล่าวนี้ต่างอดที่จะร่างสั่นเทิ้มขึ้นมาไม่ได้ กี่ปีผ่านไปแล้ว รอยเลือดที่ตากลมจนแห้งกรังยังคงมีกลิ่นอายที่น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ หรือว่ากระบี่โบราณทั้งสามเล่มนี้เคยสังหารเซียนมาก่อนจริงๆ ? แต่ว่า ทุกคนก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเป็นไปได้ จะอย่างไรเสียในโลกใครบ้างล่ะที่เคยพบเห็นเซียนแท้จริงมาก่อน? แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ทว่า กลิ่นอายชั่วร้ายของรอยเลือดนั้นยังคงทำให้ผู้คนต้องสั่นเทิ้ม เป็นการบ่งบอกว่าเคยมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรมาก่อน แต่ท้ายที่สุดล้วนแล้วแต่ตายภายใต้กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มนี้
“สามกระบี่จูเซียนนะเนี่ย สามกระบี่พลันสำแดงออกมา ก็สามารถกลายเป็น ‘ค่ายกลกระบี่จูเซียน’” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสอดที่จะพึมพำเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
ในเวลานี้ ทุกคนอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้และมองดูกระบี่โบราณสามเล่มที่ลอยอยู่ด้านหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้น แน่นอน ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยอดที่จะกลืนน้ำลายไปคำหนึ่ง จะอย่างไรเสียผู้คนจำนวนมากต่างเคยได้ยินเรื่องอานุภาพของค่ายกลกระบี่โบราณจูเซียนมาก่อน น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม ถ้าหากได้ครอบครองกระบี่จูเซียนสามเล่มนี้ ก็เป็นการบ่งบอกว่ามีค่ายกลโบราณจูเซียนไว้ใจครอบครอง ของวิเศษเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องการได้มันมาครอบครองมาก
แต่ก็ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกปวดใจด้วยความผิดหวังอย่างยิ่ง การที่หลี่ชิเย่อาศัยหมัดเดียวทำลายค่ายกลกระบี่เทียนหยวนจนพินาศย่อยยับ ทั้งยังเกือบจะสังหารราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ นี่คือระดับราชันแท้จริงคนหนึ่งเลยนะ บนตัวยังผ่านการปลุกเสกด้วยพลังของแคว้นว่านเจิ้นมาแล้ว
หากว่าไม่เป็นเพราะการต้านด้วยสามกระบี่จูเซียน เกรงว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นคงต้องถูกหมัดนี้ซัดเข้าให้จนกลายเป็นหมอกเลือด
หลี่ชิเย่มองดูสามกระบี่จูเซียนที่อยู่ด้านหน้าราชันแท้จริงปาเจิ้นแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เรียบเฉย และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นกระบี่สามเล่มที่ไม่เลวเลย ข้าเอาแล้ว”
เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำพูดนี้ออกมานั้น ฟ้าดินเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ แม้ว่าคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่จะพูดออกมาตามอารมณ์ แต่ว่า เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมาก็ได้ลิขิตชะตาชีวิตของสามกระบี่จูเซียนแล้วอย่างนั้น
ในขณะนี้ กระบี่จูเซียนสามเล่มยังคงอยู่ในมือของราชันแท้จริงปาเจิ้นแท้ๆ แต่ว่า ทันใดนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่ากระบี่จูเซียนสามเล่มได้กลายเป็นของๆ หลี่ชิเย่ไปแล้ว
“เอาเถอะ รีบลงมือก็แล้วกัน ข้ากลับจะต้องการดูว่าค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้ามีอานุภาพยิ่งใหญ่สักแค่ไหน” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยด้วยท่าทางที่ตามอารมณ์ยิ่งนัก ไม่เห็นค่ายกลโบราณจูเซียนอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง เหมือนว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในความควบคุมอย่างนั้น
สีหน้าของราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้ดูไม่จืด จะอย่างไรเสียรสชาติของการการถูกผู้อื่นดูแคลนมันไม่สบายใจยิ่งนัก ตัวเขาคือราชันแท้จริงคนหนึ่ง อีกทั้งเวลานี้ยังได้รับการปลุกเสกด้วยพลังของแคว้นว่านเจิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระบี่จูเซียนสามเล่มอยู่ในมือ อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เลย ทอดสายตาออกไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันทั้งหมด ใครบ้างกล้าดูแคลนตัวเขาอยู่สามส่วน
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับมองว่าตัวเขาไม่มีตัวตน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเอาเสียเลย แล้วจะไม่ให้ภายในใจของราชันแท้จริงปาเจิ้นโมโหได้อย่างไร
ราชันแท้จริงปาเจิ้นอย่างไรเสียก็คือราชันแท้จริง เขาพยายามกด้พลิงแห่งความโกรธภายในใจเอาไว้ ลืมตาทั้งสองขึ้น ระหว่างดวงตาทั้งสองเสมือนดั่งปรากฎค่ายกลกระบี่ขนาดยักษ์ปราศจากผู้เทียบเทียมบานเบ่งขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ตัวเขาดุจดั่งจมอยู่โลกของวิถีกระบี่อย่างนั้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ กลายเป็นสุดยอดค่ายกลยิ่งใหญ่สูงสุดท่ามกลางโลกนี้ พริบตาเดียวนี้เอง เหมือนว่าฟ้าดินคือค่ายกล ตัวเขาก็คือฟ้าดิน
ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราชันแท้จริงปาเจิ้น ในพริบตาเดียวนั้นเอง คล้ายดั่งราชันแท้จริงปาเจิ้นได้แผ่ท่วงทำนองของค่ายกลใหญ่สายหนึ่งออกมาจากตัวเขา เหมือนว่าเขาได้หลอมรวมเข้าไประหว่างฟ้าดิน วิวัฒนาการเป็นสุดยอดค่ายกลสูงสุด ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมอะไรอย่างนั้น
“นับว่าทราบถึงความหมายที่แท้จริงของค่ายกลได้จริงๆ” หลี่ชิเย่มองดูสภาพของราชันแท้จริงปาเจิ้นในขณะนี้ พยักหน้านิดหนึ่ง ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “นับว่ามีคุณสมบัติเป็นราชันแท้จริงได้จริง น่าเสียดาย ใจร้อนไปนิดหนึ่ง ขาดการตกผลึกของการขัดเกลานั้นไป ข้อนี้ห่างไกลเทียบไม่ได้กับเจ้าหนูกวานไห่นั่น”
ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมากับการวิจารณ์เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ไม่รู้ว่าคำพูดนี้คือการยกย่องชมเชยหรือด้อยค่า ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน
“วันนี้ไม่ตายไม่เลิก!” เวลานี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นทำหูทวนลมกับคำพูดของหลี่ชิเย่ คล้ายไม่ได้ยินอย่างนั้น ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง
ขณะราชันแท้จริงปาเจิ้นพูดคำพูดนี้ออกมานั้น หนักแน่นจริงจังมีพลัง การฆ่าฟันที่เด็ดขาด กลิ่นอายสังหารเด็ดขาดสายหนึ่งตลบอบอวลท่ามกลางฟ้าดิน
ในเวลานี้ ทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ตัดสินใจเด็ดขาดพร้อมตาย เขาจะสู้ให้ถึงที่สุด หากไม่สำเร็จก็พลีชีพ
ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องใจหายใจคว่ำอยู่ในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนแล้วแต่มีความเคารพเลื่อมใสในตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่บ้าง
ในขณะนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่นับว่าปราศจากผู้ต่อกรไปแล้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่อาจต่อกรกับฮ่องเต้องค์ใหม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเรื่องเช่นนี้ของปิงฉือหานยวี่ขึ้นมาอีก คู่หมั้นของเขากลับถูกฮ่องเต้องค์ใหม่พิชิตราบคาบอย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะแบกรับเอาไว้ได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงสามารถควบคุมสภาพจิตใจเอาไว้ได้ ยังคงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่าหากทำไม่สำเร็จก็ยอมพลีชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเลื่อมใส
ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้ได้นึกถึงเรื่องที่ว่าจะต้องตายแน่นอน และพังพินาศด้วยกันไปทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว
เนื่องจากกล่าวสำหรับราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว การมีชีวิตอยู่ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเขาสามารถหนีจากเงื้อมมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ไป และรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ทว่า เกรงว่าชีวิตที่เหลืออยู่ก็ต้องอยู่ใต้เงาทมิฬของฮ่องเต้องค์ใหม่ไปชั่วชีวิต ใจมารของเขาก็จะกัดกินชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา ถึงเวลานั้น เขาก็ต้องอยู่อย่างอัปยศอดสู
ดังนั้น แทนที่จะอยู่อย่างอัปยศอดสู มิสู้ต่อสู้ให้มันสะเทือนเลื่อนลั่นจนถึงที่สุด แม้ต้องตาย ก็ตายอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นสักหน่อย อย่างน้อยที่สุดเขาคือผู้ที่เคยแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้กับฮ่องเต้องค์ใหม่มา อย่างน้อยที่สุดยังเป็นสิ่งที่ให้ผู้อื่นได้กล่าวขวัญถึง
“ดี ข้ากลับต้องการดูว่าเจ้าจะร้องขอความตายเช่นใด” หลี่ชิเย่ ยิ้มนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้างัดเอาวิชาที่แกร่งที่สุดออกมาก็แล้วกัน อย่าทำให้ต้องผิดหวังล่ะ เตรียมการมานานขนาดนั้น ยกย่องว่าเป็นสุดยอดค่ายกลแห่งยุค ถ้าหากยังคงสุดที่จะต้านรับไว้ได้ล่ะก็ ช่างไม่มีความหมายเอาเสียเลย”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้องค์ใหม่ หากเปลี่ยนเป็นอดีต ฟังดูแล้วช่างเสบหูเหลือเกิน ช่างอวดดีเหลือเกิน
แต่ว่า เวลานี้ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องรู้สึกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังสมเหตุสมผลอีกด้วย
………………………………………………