ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2545 ดินสีดำ
ตอนที่ 2545 ดินสีดำ
มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ยื่นเข้าไปในหัวกะโหลก ก้าวข้ามช่องว่าง ทะลุกาลเวลา เป็นการก้าวข้ามไปยังอาณาจักรอีกอาณาจักรหนึ่ง การกระทำเช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมมาให้การสนับสนุน จะอย่างไรเสียการก้าวข้ามในลักษณะเช่นนี้หากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด ก็จะทำให้ช่องว่างพังทลายและจมหายไป
การก้าวข้ามในลักษณะเช่นนี้ก็จำเป็นต้องอาศัยการคำนวณที่แม่นยำอย่างยิ่ง ต้องแม่นยำจนไม่ผิดพลาดแม้แต่สักนิดเดียว หากมีข้อผิดพลาดแม้เพียงน้อยนิด เมื่อไรที่ช่องว่างพังทลายจมหายไปล่ะก็ กระทั่งสามารถลากเอาหลี่ชิเย่เข้าไปด้วย
มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ที่ก้าวข้ามช่องว่างในลักษณะเช่นนี้ ทะลุผ่านกาลเวลา และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ท้ายสุด ดวงตาทั้งสองของเขาเปล่งประกายออกมาแวบหนึ่ง เผยให้เห็นถึงความดีใจออกมา
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ช่องว่างเกิดการกระเพื่อมขึ้นมาทีหนึ่งอีกครั้ง เหมือนว่ามีสิ่งของบางสิ่งทถูกดึงออกมาอย่างนั้น ในพริบตาเดียวนั้นเอง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่หยุดลงอย่างนั้น
เสียงปุเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้หดกลับคืนมา ในขณะนี้มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้กำสิ่งของมากำหนึ่ง
เมื่อมองดูให้ละเอียด สิ่งที่มือใหญ่ของหลี่ชิเย่กำเอามานั้นถึงกับเป็นดินหนึ่งกองใหญ่ โดยที่ดินกองนี้มีปริมาณถึงหนึ่งกะละมัง ดินกองนี้มีสีดำขลับอย่างยิ่ง กระทั่งเรียกได้ว่าดำวาวจนมันเยิ้ม เหมือนว่านี่คือดินที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลกอย่างนั้น
กองดินลักษณะเช่นนี้แลดูมีความเหนียวนุ่มอย่างยิ่ง เหมือนว่าหากนำไปกองไว้กับพื้นสักแห่งคงไหลกระจัดกระจายเต็มบริเวณไปหมด แต่ว่า ด้วยดินที่เหนียวนุ่มเช่นนี้ มันกลับไม่กระจัดกระจายไหลไปตามพื้น
เหมือนว่าเม็ดดินทุกเม็ดล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยความเป็นแม่เหล็กอย่างนั้น ทำให้ขณะนำเอาดินนี้ไปกองบนพื้น มันจะเกาะติดด้วยกัน ต่อให้เกลี่ยมันออก พวกมันก็คล้ายดั่งมีชีวิตอย่างนั้น จะค่อยๆ ไหลไปรวมอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นกองดินในที่สุด
กระทั่งเมื่อสังเกตดินเหล่านี้อย่างละเอียด จะพบว่ากองดินนี้ทุกๆ เม็ดดินที่ร่วนจะมีการเคลื่อนไหวกระเดิบๆ ช้าๆ เหมือนว่าพวกมันคือสิ่งที่มีชีวิตอย่างนั้น
เมื่อกองดินลักษณะเช่นนี้ถูกหลี่ชิเย่กอบขึ้นมาอยู่บนฝ่ามือ ปรากฏพลังชีวิตสายหนึ่งที่เข้ามาปะทะใบหน้า กองดินลักษณะเช่นนี้เสมือนหนึ่งได้ซ่อนดวงดาวแห่งชีวิตของทะเลดวงดาวจำนวนมากมายมหาศาลเอาไว้อย่างนั้น พลังชีวิตที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุด
ขณะที่กองดินกองนี้ถูกกอบมาอยู่บนฝ่ามือนั้น สิ่งที่ทำให้หวั่นไหวมากที่สุดหาใช่พลังชีวิตที่โชยเข้ามาปะทะใบหน้า แต่เป็นความอุดมสมบูรณ์อย่างหนึ่ง ขณะที่เจ้ากอบเอากองดินลักษณะเช่นนี้มาอยู่บนฝ่ามือนั้น จะทำให้รู้สึกว่าตนได้กอบเอาผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดมาอยู่บนฝ่ามือของตนแล้ว
เหมือนว่าดินกำนี้ก็คือต้นกำเนิดน้ำของโลกทั้งโลกอย่างนั้น มันได้หล่อเลี้ยงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก สามารถหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีขอบเขตจำกัด หล่อเลี้ยงดวงดาวนับล้านล้านดวง หล่อเลี้ยงโลกที่ไม่มีสิ้นสุด
ดินที่ดำขลับจนแทบจะไหลเยิ้มกำนี้ มองดูแล้วมันก็แค่ดินกองหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่า ความล้ำค่าของมันไม่สามารถเปรียบเปรยได้อยู่แล้ว
ตาเฒ่านั่นจงใจใช้แรงงานหนักกับข้านะเนี่ย ข้ากลับอยากจะรู้นัก เมื่อข้ามีทุกสิ่งทุกอย่างในครอบครองแล้ว ดูว่าเจ้ายังจะอดกลั้นต่อไปได้หรือไม่ หลี่ชิเย่มองดูดินกำนี้ที่อยู่ในมือตนเองแล้ว อดที่จะเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมาไม่ได้
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้จัดการเก็บดินกำมือนี้เอาไว้อย่างระมัดระวัง สัมผัสมือขึ้นลงและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เห็นทียังคงขาดอะไรไปนิดหนึ่งนะเนี่ย แต่ว่าไม่รีบ สิ่งที่ข้าต้องการได้มาใครก็ขวางเอาไว้ไม่ได้ เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาของเขาเพ่งไปข้างหน้า พลันแปรเปลี่ยนเป็นดูลึกล้ำยิ่งนัก
จังหวะที่หลี่ชิเย่หยิบเอาดินกำมือนี้มา และเก็บขึ้นเป็นของๆ ตนนั้น ความจริงแล้วได้ทำให้คุกหลวงดึกดำบรรพ์เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ต้องผู้ใส่ใจเท่านั้นที่จะพบมัน
บริเวณด้านนอกของหลุมมรณะ พวกของมังกรทองแปดแขนต่างรอคอยการกลับมาของหลี่ชิเย่ แต่ทว่า จากเวลาที่ผ่านพ้นไป ภายในหลุมมรณะยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งทำให้พวกของมังกรทองแปดแขนเริ่มอดรนทนไม่ไหวขึ้นอย่างช้าๆ แล้ว
มันเป็นอย่างไรกันแน่? คงไม่เกิดเรื่องกระมัง วัวคลั่งที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดจ้องมองเข้าไปภายในหลุมมรณะไม่หยุด แต่ทว่า ที่ตรงหน้ามีกลิ่นอายชั่วร้ายที่อาละวาดอยู่ ไม่สามารถมองเห็นสภาพที่อยู่ภายในได้อยู่แล้ว
พวกเราจะแตะมือกันมั้ย? มังกรทองแปดแขนดูจะอดรนทนไม่ไหว ยื่นคอยาวออกไปมองดู
แตะมือยังไง? อวี่เหยียนเซินส่ายหน้า และโบกพัดขนนกที่อยู่ในมือ และกล่าวว่า ถ้าหากคุณชายที่แข็งแกร่งปานนี้ยังไม่ไหว เจ้าคิดจะแตะมือก็เปล่าประโยชน์ เจ้าคิดจะแตะมือมันก็แค่ไปรนหาที่ตายโดยพลันเท่านั้นเอง
คำพูดนี้พลันทำให้มังกรทองแปดแขนหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง แต่เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าที่อวี่เหยียนเซินพูดมานั้นมีเหตุผล ถ้าหากหลี่ชิเย่ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ยังไม่ไหว ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้ พวกเขาย่อมไม่สามารถช่วยอะไรได้อยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาคิดจะช่วยมันก็แค่ไปรนหาที่ตายเท่านั้นเอง
เทียบกับพวกของมังกรทองแปดแขนที่อดกลั้นไม่อยู่ ปรากฏว่าปิ้งจวินคือผู้ที่อดกลั้นได้ดีที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก จ้องมองไปที่หลุมมรณะตลอดเวลา สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายชั่วร้าย รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์
เฉกเช่นคุณชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มาจากสำนักใดกันแน่ ใครคืออาจารย์ของเขา? ภายใต้การรอคอยอย่างร้อนรน มังกรทองแปดแขนไม่มีอะไรทำจึงอดที่จะพูดมานินทาขึ้นมา เพื่อเป็นการฆ่าเวลา
ถ้าหากเขามีอาจารย์จริงๆ ล่ะก็ เรียกได้ว่าฝืนลิขิตสวรรค์มากเหลือเกิน เทพไฉไลหงส์พิษส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า ข้าไม่สามารถจินตนาการได้ว่า บุคคลแบบไหนกันแน่นสามารถสอนสั่งศิษย์แบบนี้ขึ้นมาได้ เกรงว่าแม้แต่ปฐมบรรพบุรุษก็ไม่สามารถสั่งสอนให้ได้ศิษย์เช่นนี้
แหะ ปิ้งจวินเคยพูดเอาไว้มิใช่รึ? แดนสามเซียนของพวกเรายังมีสามเซียน ไม่แน่นักอาจารย์ของเขาก็คือสามเซียน วัวคลั่งหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า มิฉะนั้นล่ะก็ นอกจากสามเซียนแล้ว ยังจะมีใครสามารถสอนสั่งให้ได้ผู้ที่ดำรงอยู่สถานะเช่นนี้ได้?
เชอะหรือเจ้าโง่แล้วคนอื่นต้องโง่ตามด้วย มังกรทองแปดแขนเหลือบมองดูวัวคลั่งทีหนึ่ง และกล่าวว่า สามเซียนนั้นคงอยู่จริงหรือไม่ยังไม่ต้องพูดถึง ต่อให้คงอยู่ ในโลกนี้ใครบ้างที่เคยเห็นสามเซียนมาก่อน? เจ้าเคยได้ยินว่ามีใครที่เคยพบเห็นสามเซียนมาก่อนรึ?
เรื่องนี้ เรื่องนี้พูดยากจริงๆ เมื่อวัวคลั่งถูกมังกรทองแปดแขนถามคำถามนี้ขึ้นมา ในเวลานี้เขาไม่อาจตอบคำถามได้จริงๆ เกาหัว ผู้เป็นเซียนที่ว่าเป็นตำนานมาโดยตลอดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พันล้านปีที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่ามีใครบ้างที่สามารถพบกับสามเซียนจริงๆ บางคนยกย่องตัวเองว่าเคยพบผู้เป็นเซียน มันก็แค่เป็นมุขตลกอย่างหนึ่ง และหรือเป็นการยกย่องตนเองเท่านั้น ต่างไม่ได้มีหลักฐานที่แน่ชัดสามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาได้พบเจอกับเซียนแท้จริงมาก่อน
เรื่องนี้ก็ไม่แน่เสมอไป อวี่เหยียนเซินส่ายหน้าและโบกพัดไปมา กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ถ้าหากจะมีใครที่สามารถสอนสั่งให้ได้ศิษย์อย่างคุณชายขึ้นมาได้ล่ะก็ ตามความเห็นส่วนตัวของข้า เป็นใครไปไม่ได้นอกจากสามเซียนแล้วล่ะ พูดถึงอายุของคุณชาย กำลังความสามารถเช่นนี้เรียกได้ว่าหาไม่ได้ตลอดกาลแล้ว อยู่เหนือความเจิดจรัสตลอดกาล ต่อให้เป็นพวกเกาหยางก็ไม่สามารถเทียบเทียมได้ ลองคิดดู ในแดนสามเซียนของพวกเราก็คงมีเพียงสามเซียนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเป็นอาจารย์ของเขาได้
หากเป็นเช่นนี้จริงมิแย่รึ มิเท่ากับว่าโลกนี้มีเซียนอยู่จริง วัวคลั่งเกาศีรษะ ท่าทางตาค้างพูดอะไรไม่ออก
จังหวะที่พวกอวี่เหยียนเซินสามคนกำลังพูดคุยสับเพเหระกันอยู่นั้น เทพไฉไลหงส์พิษที่มีความละเอียดยิ่ง พบว่ากลิ่นอายของคุกหลวงดึกดำบรรพ์มีการเปลี่ยนแปลง
แรกทีเดียว นางรับรู้ถึงความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามสายหนึ่ง เสมือนดั่งนำพาน้ำอมฤตให้กับคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างนั้น แต่ทว่า เพียงชั่วครู่เดียวกดลิ่นอายเช่นนี้ได้หายไปโดยพลัน ขณะที่กลิ่นอายเช่นนี้หายไปแล้ว คุกหลวงดึกดำบรรพ์ที่เดิมแห้งแล้งอยู่แล้ว พลันกลายเป็นแห้งแล้งมากยิ่งขึ้น เหมือนว่าได้สูญเสียความมีชีวิตชีวาไปทั้งหมดในทันทีอย่างนั้น
ก่อนหน้านั้น คุกหลวงดึกดำบรรพ์แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคุกแห่งความตาย แต่ทว่า จะอย่างไรเสียก็ยังคงมีความมีชีวิตชีวาสายหนึ่งที่ล้อมรอบอยู่ แต่ว่า นาทีนี้แม้แต่ความมีชีวิตชีวาเพียงสายเดียวก็ได้หายไปโดยพลัน ทำให้คุกหลวงดึกดำบรรพ์คือคุกแห่งความตายโดยแท้จริงไปแล้ว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าของเทพไฉไลหงส์พิษพลันเปลี่ยนไป และรู้สึกใจหายใจคว่ำ กล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกดึงออกไปอย่างนั้น
ความรู้สึกหายไปนิดหนึ่ง คำพูดของเทพไฉไลหงส์พิษพลันสร้างความแตกตื่นให้กับพวกของมังกรทองแปดแขน อวี่เหยียนเซินก็ส่งเสียงจุ๊จุ๊จุ๊ขึ้นมา พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์มายุคสมัยหนึ่งแล้ว มีความคุ้นเคยกับกลิ่นอายที่นี่อย่างยิ่ง
ถูกต้อง เหมือนขาดความชื้นไปหน่อย และรู้สึกแห้งแล้งมากขึ้น วัวคลั่งอดที่จะเลียริมฝีปากที่หนาเตอะของเขา ภายในคอรู้สึกกระหายน้ำอยู่บ้าง
เป็นที่ข้างในนี้ มังกรทองแปดแขนรู้สึกตระหนกกับสิ่งนี้ จ้องมองไปที่หลุมมรณะทันที
เขาทำสำเร็จแล้ว ปิ้งจวินที่จ้องมองแต่หลุมมรณะไม่ได้ส่งเสียงตลอดมา สุดท้ายดวงตาทั้งสองส่งประกายแวววาว กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า เขาประสบความสำเร็จในการหยิบเอาสิ่งนั้นมาได้แล้วล่ะ
คือสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะรึ? เมื่อวัวคลั่งได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา แม้ว่าได้เตรียมตัวเตรียมใจแล้วก็ตาม แต่ยังคงรู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งนี้ และกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะจริงๆ
ต่อให้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้มีอายุวัฒนะได้อย่างแท้จริง ก็ต้องเป็นของดีที่ทำให้มีอายุยืนยาวได้ ท่าทีของปิ้งจวินดูหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า พวกเราถูกขังอยู่ในนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยุคสมัยหนึ่งก็เพราะสิ่งนี้ การเอาสิ่งนี้ไป คุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็จะกลายเป็นคุกแห่งความตายแล้วจริงๆ
อวี่เหยียนเซินทำท่ายักไหล่ และกล่าวว่า ดังนั้น ถ้าหากพวกเราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ล่ะก็ คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว พวกเราอายุปูนนี้ ตามหลักแล้วสมควรตายนานแล้ว โดยเฉพาะกับการอยู่ในคุกแห่งความตายแห่งนี้ เมื่อขาดสิ่งนี้ไปใครจะสามารถทนได้นานอีกเท่าไร?
พวกของวัวคลั่งต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เวลานี้ความหวังทั้งหมดของพวกเขาล้วนแล้วแต่ฝากเอาไว้บนตัวของหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่กลายเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวเพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป
น่ากลัวมากเหลือเกิน ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวอะไรมากมายนักก็ทำได้สำเร็จ มังกรทองแปดแขนรู้สึกชื่นชมด้วยการส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา และกล่าวว่า กำลังความสามารถเช่นนี้ ปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ท่าทีที่แสดงออกเผยให้เห็นถึงความเคารพยำเกรง
นั่นสิ ปิ้งจวินเข้าไปก็ยังไม่สามารถทนได้นานสักเท่าไร อวี่เหยียนเซินก็รู้สึกเคารพยำเกรงเช่นกัน ปิ้งจวินที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาพวกเข้าไปแล้วก็ทนอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องล่าถอยออกมา
แต่แล้วหลี่ชิเย่กลับทำได้สำเร็จอย่างง่ายดาย ช่างเป็นกำลังความสามารถที่น่ากลัวเหลือเกิน กำลังความสามารถเช่นนี้เพียงพอให้พวกเขาศิโรราบอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น ทำงานให้ดี สามารถติดตามผู้เป็นนายลักษณะเช่นนี้ได้นับว่าเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง ปิ้งจวินยอมรับอย่างสิ้นเชิง เขามีความเข้าใจเป็นอย่างดีถึงช่วงห่างระหว่างตนเองกับหลี่ชิเย่
เอาล่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จังหวะที่พวกเขากำลังหวั่นไหวในกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่นั้น เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวออกมาจากด้านใน ท่าทางเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน ก้าวเดินอย่างช้าๆ ดูไม่เหมือนกำลังก้าวเดินอยู่ท่ามกลางพื้นที่ร้ายแรงอย่างนั้น เหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน เอ้อระเหยอิ่มอกอิ่มใจ
…………………………………………………..