ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2548 โต้วจ้านหวง
ตอนที่ 2548 โต้วจ้านหวง
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปากทางเข้าคุกหลวงดึกดำบรรพ์ยังคงมืดตึ๊ดตื๋อไปทั่ว ปราศจากความเคลื่อนไหวใดๆ เหมือนว่าข้างในมีแต่ความเงียบสงัด
ดูท่าคงไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นนะเนี่ย มีผู้ที่พึมพำออกมาว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่จบเกมแล้วจริงๆ เสียดาย เดิมทีถือเป็นฮ่องเต้ผู้สามารถแซงล้ำหน้าฮ่องเต้ไท่ชิงนะเนี่ย ต้องมาจบเกมเช่นนี้ดื้อเกินไปแล้ว
นับว่าน่าเสียดาย ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเอามือข้างหนึ่งจับมืออีกข้างหนึ่ง และทอดถอนใจขึ้นมาด้วยความรู้สึกเสียดาย ต่างรู้สึกว่าการที่ฮ่องเต้องค์ใหม่กระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ฆ่าตัวตายนับว่าน่าเสียดายเหลือเกิน นับว่าทำให้ผู้คนต้องเสียใจกับสิ่งที่มากเหลือเกิน
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวังอยู่นั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าฮ่องเต้ององค์ใหม่จะต้องตายอยู่ในคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั้น ปากถ้ำของคุกหลวงดึกดำบรรพ์พลันเปล่งประกายออกมา ประกายแต่ละสายที่พวยพุ่งออกมา ปรากฏประตูบานหนึ่งค่อยๆ เปิดออก
ดูสิ นั่นมันคืออะไร ในเวลานี้เอง ในที่สุด จังหวะที่ประตูค่ายๆ เปิดออกมาช้าๆ ก็มีผู้พบเห็นเขาแล้ว อดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาคำหนึ่ง พลันนำมาซึ่งการให้ความสนใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
เป็นความจริง จะออกมาแล้วจริงๆ หลิ่วชูฉิงที่เฝ้าอยู่ที่เขาหงฮวงซานทุกวันอดที่จะดีใจสุดขีด พึมพำขึ้นมาคำหนึ่ง
ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ปิงฉือหานยวี่อดดีใจกับสิ่งนี้ไม่ได้ แน่นอน นางไม่รุ้สึกเหนือความคาดคิดกับการที่หลี่ชิเย่สามารถมีชีวิตกลับออกมา นางเชื่อในตัวของหลี่ชิเย่โดยไม่มีหลักการของตนเองอย่างยิ่ง
ปุเสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ทุกคนกำลังตั้งตาคอย ร่างเงาผู้หนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้า และลงมาอยู่บนเขาหงฮวงซานโดยพลัน
เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่จริงๆ ขณะที่ร่างเงาของคนผู้นี้ตกลงบนเขาหงฮวงซานนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างมองเห็นหน้าตาของเขาชัดเจน ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา
เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่จริงๆ นะเนี่ย เหลือเชื่อจริงๆ นี่เป็นการทำลายคำสาปที่มีมาพันล้านปีนะเนี่ย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณก็ต้องสะเทือนหวั่นไหว อดที่จะพึมพำขึ้นมา
นี่นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ เกรงว่าคงเป็นคนแรกที่นับตั้งแต่มีการจดบันทึกของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นต้นมากระมัง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็สะเทือนหวั่นไหวกับสิ่งนี้ และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หากไม่เป็นเพราะเห็นกับตาของตนเองคงไม่เชื่อ
ลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง เวลานี้นาทีนี้ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานลืมการดูดกล้องยาสูบไปแล้ว เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ มีชีวิตออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ อดที่จะพึมพำขึ้นมาว่า ตาที่ฝ้าฟางคู่นี้ของข้ายังคงมองพลาดไป น่ากลัวยิ่งว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก ระดับปฐมบรรพบุรุษทุ่วไปไม่มีสิทธิ์ต่อกรกับเขาได้อีกแล้ว
น่าเบื่อจริงๆ หลี่ชิเย่ลงไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์และยิ้มเฉยเมย ยื่นมือออกและคว้าไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นคุกหลวงดึกดำบรรพ์ถูกถอนขึ้นมา และมีขนาดที่หดเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้กลับกลายเป็นกรงขนาดเล็ก และตกไปอยู่บนมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ ทุกคนต่างเบิ่งตาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ คนที่มีชีวิตรอดกลับออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ มันคือการสร้างปาฏิหาริย์ตลอดกาล สร้างความหวั่นไหวกับทุกๆ คน เวลานี้เขากลับถอนเอาคุกหลวงดึกดำบรรพขึ้นมาอย่างง่ายดาย ยึดเอาคุกหลวงดึกดำบรรพ์มาเป็นของตน บุรุษเช่นนี้เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของเขาก็คือบัญชาการทั่วหล้า สมควรที่ทุกคนต้องยอมศิโรราบต่อเขา
เสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท่ามกลางเขาจิ่วเหลียนซานพลันพวยพุ่งเป็นลำแสงขึ้นมาสี่สาย โดยลำแสงทั้งสี่สายพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ฉับพลันก็ส่องสว่างไสวทั่วปฐพี เสมือนดั่งพระอาทิตย์สี่ดวงที่ลอยขึ้นมาช้าๆ
ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหวนี้ เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ยิ่งสามร่างปรากฏขึ้นมา ยังมีหอโบราณหลังหนึ่งที่ลอยล่องอยู่ที่ตรงนั้น ด้วยฝีมือการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมปราศจากสิ่งใดเทียม เสมือนดั่งสามารถสยบทั่วหล้าในทันที กลิ่นอายที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมพลันสยบเหล่าชั้นฟ้าจนราบคาบ เวลานี้ทั่วเขาจิ่วเหลียนซานคล้ายดั่งถูกกลิ่นอายอมตะที่น่ากลัวถมจนเต็มพื้นที่ไปแล้วอย่างนั้น
สี่ยอดปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดจะลงมือแล้ว ทุกคนต่างทยอยกันล่าถอยออกไป เมื่อเห็นการปรากฏตัวของร่างเงาสูงใหญ่ทั้งสาม และหอศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ รู้ว่าศึกยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
โง่หาใดปาน ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานดูดกล้องยาสูบดังฟูดดด ฟูดดด เหลือบมองดูร่างเงาที่สูงใหญ่และหอศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนท้องฟ้า หัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า ยังคงเข้าใจว่าท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถสยบเขาได้ ฝันกลางวันแท้ๆ เกรงว่าต่อให้เป็นปฐมบรรพบุรุษฟื้นคืนชีพก็สยบเขาไม่ได้ พวกสวะไร้สมองฝูงหนึ่งไม่รู้เลยว่าที่ตนเองเผชิญอยู่นั้นมีความสยองขวัญแค่ไหน มีความแข็งแกร่งเพียงใด
น่าสนใจอยู่บ้าง หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้เก็บคุกหลวงดึกดำบรรพ์เรียบร้อยแล้ว เหลือบมองดูร่างเงาที่สูงใหญ่และหอศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง เพียงยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…ในเวลานี้เอง ประตูหินที่หนักอึ้งของหอศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เปิดออก ขณะที่หอศักดิ์สิทธิ์กำลังเปิดออกอย่างช้าๆ นั้น มองเห็นด้านในมีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น
เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ บนตัวสวมชุดเกราะทั้งชุด โดยที่ชุดเกราะทั้งตัวดังกล่าวได้แผ่ปณิธานการสู้รบที่ดุร้ายน่ารเกรงขามออกมา แม้ว่าผู้เฒ่าผู้นี้จะขาวโพลนทั้งผมเผ้าและหนวดเครา แต่ดูไปแล้วยังคงมีกำลังวังชาที่ฮึกเหิม ปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิมยิ่งนัก คล้ายดั่งเป็นนักรบที่หนุ่มแน่นคนหนึ่งอย่างนั้น โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเขาที่ปรากฏประกายเยือกเย็นเบ่งบาน ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก ทำให้ผู้ที่มองเห็นเขาแล้วอดที่จะลุกขึ้นด้วยความเคารพเลื่อมใส
‘โต้วจ้านหวง’ มีระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณจดจำตัวเขาได้ เมื่อมองเห็นผู้เฒ่าคนที่นั่ง่ขัดสมาธิอยู่ภายในหอศักดิ์สิทธิ์ กล่าวด้วยท่าทางตื่นตระหนกว่า เขาถึงกับยังคงมีชีวิตอยู่
โต้วจ้านหวงนะเนี่ย ฮ่องเต้หลายยุคสมัยก่อนหน้า ผู้เฒ่าจำนวนไม่น้อยก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ และนึกถึงคนผู้นี้ได้เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว พึมพำขึ้นมาว่า หลังจากที่เขาสละจากตำแหน่งฮ่องเต้แล้วก็เข้าร่วมอยู่ในคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังไดเกลายเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหอศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ฮ่องเต้ไท่ชิงยึดอำนาจในครั้งนั้นแล้วเขาก็หายสาบสูญไป ทุกคนยังเข้าใจว่าเขาได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของฮ่องเต้ไท่ชิงไปแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาถึงกับนำพาหอศักดิ์สิทธิ์ไปอาศัยอยู่อย่างสันโดษ
ก่อนหน้ายุคของฮ่องเต้ไท่ชิง โต้วจ้านหวงก็เคยเป็นฮ่องเต้ของราชวงศ์โต่วเซิ่นมาก่อน เคยเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และราชวงศ์โต่วเซิ่นเองก็นับวันเจริญรุ่งเรื่องขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับยุคของฮ่องเต้ไท่ชิงที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ก็นับเป็นฮ่องเต้ที่ผลงานยิ่งคนหนึ่ง และตัวเขาเองก็เป็นระดับเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งมากคนคนหนึ่ง
ภายหลังสละตำแหน่งฮ่องเต้แล้วก็ได้เข้าร่วมอยู่ในคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นปรมาจารย์ของหอศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังกระทั่งได้กลายเป็นปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์
ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงชิงอำนาจในครั้งนั้น โต้วจ้านหวงและหอศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่หายสาบสูญไป ทุกคนต่างเข้าใจว่าโต้วจ้านหวงและคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ถูกฮ่องเต้ไท่ชิงสังหารไปสิ้น ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเขาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ถึงกับนำพาหอศักดิ์สิทธิ์หลบไปอยู่อย่างสันโดษ ยินดียกอำนาจทั้งหมดให้กับฮ่องเต้ไท่ชิง
ขอแสดงความยินดีต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทกลับออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ นับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง ถือเป็นบุญของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ หลังจากที่โต้วจ้านหวงเผยโฉมออกมาแล้วได้คำนับต่อหลี่ชิเย่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
การที่โต้วจ้านหวงออกมาแสดงความยินดีต่อหลี่ชิเย่กะทันหัน ทำให้ผู้คนทั้งหมดตกตะลึง ในเวลานี้ทุกคนทยอยกันมองหน้าซึ่งกันและกัน
ก่อนหน้านั้น พวกของโต้วจ้านหวงยังมาด้วยท่าทีที่ดุดัน ทุกคนจึงเข้าใจว่าพวกของโต้วจ้านหวงต้องไม่หวังดีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ และหรือต้องการสยบฮ่องเต้องค์ใหม่ เวลานี้โต้วจ้านหวงพลันแสดงความยินดีต่อหลี่ชิเย่ ซึ่งอยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนอย่างสิ้นเชิง เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกงงงันไปสิ้น
พวกเขาไม่ได้มาเพื่อลงมือต่อฮ่องเต้องค์ใหม่รึ? มีผู้ที่อดกระซิบขึ้นมาคำหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้ช่างรวดเร็วเหลือเกิน เวลานี้ทำให้ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าพวกเขาโต้วจ้านหวงมาด้วยเหตุอันใดกันแน่
นั่นสิ ท่าทางของหลี่ชิเย่นิ่งเฉยมากสำหรับการกล่าวแสดงความยินดีของโต้วจ้านหวง เพียงมองหน้าเขาแวบเดียวเท่านั้น
แผ่นดินอันงดงามอุดมสมบูรณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยังต้องการฝ่าบาทไปปกครอง โต้วจ้านหวงใบหน้าแฝงรอยยิ้ม เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า พวกเราจะเชิญเสด็จฝ่าบาทกลับราชวงศ์โต่วเซิ่น ขึ้นสู่บัลลังก์ฮ่องเต้ปกครองใต้หล้า
การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเช่นฝ่าบาท คือบุญของเหล่าสรรพชีวิตใต้หล้าทั้งหลาย ในเวลานี้ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานก็กล่าวด้วยใบหน้าที่แฝงไว้ซึ่งรอยยิ้มว่า ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ ใต้หล้าต่างสวามิภักดิ์ ควรบูชาสวรรค์!
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานดูไปแล้วอ่อนวัยมาก อย่างน้อยก็คือผู้ที่อ่อนวัยมากที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสี่คน ดูไปแล้วเป็นผู้มีความรู้ลุ่มลึก บุคลิกลักษณะสง่างาม แฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายของตำรับตำราสายหนึ่ง
แม้แต่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานยังพูดออกมาเช่นนี้ พลันทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างงงงัน ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน หรือว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาเข้าใจผิด สี่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดไม่ได้มาเพื่อสยบหรือคิดร้ายต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ พวกเขามาเพื่อต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่? หรือจะเป็นความจริงว่าพวกเขามาเพื่อต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่กลับไปราชสำนักเพื่อขึ้นครองราชย์จริงๆ ?
ไม่ถูก มีผู้กระซิบขึ้นมาคำหนึ่ง พึมพำว่า แคว้นว่านเจิ้นย่อมไม่มีเหตุผลต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่กลับราชสำนักเพื่อขึ้นครองราชย์กระมัง
ในเวลานี้ทุกคนต่างไม่เข้าใจ ถ้าหากเป็นวัดจิ้งเหลียนกวาน หรือโต้วจ้านหวง พวกเขามาให้การต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่กลับราชสำนักเพื่อขึ้นครองราชย์ มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล จะอย่างไรเสียวัดจิ้งเหลียนกวานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร ขณะที่โต้วจ้านหวงยิ่งสมควรต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่กลับไปขึ้นครองราชย์ เขาคือปรมาจารย์ของราชวงศ์โต่วเซิ่นเลยนะ ขณะที่ฮ่องเต้องค์ใหม่คือตัวแทนของราชวงศ์โต่วเซิ่น
แต่ว่า แคว้นว่านเจิ้นกับฮ่องเต้องค์ใหม่คือศัตรูคู่อาฆาต ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกัน พวกเขาไม่มีเหตุผลต้อนรับฮ่องเต้องค์ใหม่กลับไปขึ้นครองราชย์
จากนั้นล่ะ? หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาแวบหนึ่ง และกล่าวท่าทีเฉยเมย
บูชาสวรรค์ ไปตามสถานการณ์ นี่คือการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของวัดจิ้งเหลียนกวานเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำที่บรรลุผลสำเร็จในคราเดียว สร้างความเจริญรุ่งเรื่องแก่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เรื่องใหญ่เช่นนี้จะต้องบูชาด้วยสุดยอดอาวุธเซียน ดังนั้น ขอฝ่าบาทอัญเชิญเชือกเก้าเซียนออกมาเพื่อบูชาสวรรค์ ให้ทุกสิ่งบรรลุผลสำเร็จในคราเดียว ให้เจริญรุ่งเรืองหมื่นยุค
อ๋อ หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า เสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน ที่แท้ก็คือต้องการเชือกเก้าเซียนนะเนี่ย ก็พูดออกมาตรงๆ ก็ได้ อ้อมไปไกลขนาดนี้เพื่ออะไร
ขอเพียงมอบเชือกเก้าเซียนออกมาทุกอย่างก็คุยกันได้ ในขณะนี้เอง ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแคว้นว่านเจิ้นส่งเสียงฮึเย็นชา กล่าวเสียงน่าเกรงขามว่า ขอเพียงมอบเชือกเก้าเซียนออกมา เจ้ายังคงเป็นฮ่องเต้ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ยังคงกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ยังคงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว บัญชาการใต้หล้า
เมื่อเปรียบกับพวกของโต้วจ้านหวงแล้ว คำบอกเล่าของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแคว้นว่านเจิ้นตูจะตรงกว่า
แน่นอนที่สุด การที่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดยังคงพูดดีได้ในขณะนี้นับว่าไม่ง่ายนัก พวกเขาคือศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก เขาแทบอยากจะจับหลี่ชิเย่ฉีกเป็นชิ้นๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไป
‘เชือกเก้าเซียน’ ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าเช่นนี้ ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้วว่า สี่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดมาด้วยเรื่องอะไรกันแน่แล้ว
ที่แท้พวกเขามาด้วยเรื่องของเชือกเก้าเซียนที่อยู่ในมือของฮ่องเต้องค์ใหม่
………………………………………………….