ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 224
บทที่ 224
ถังหยินมองไปทางจ้านอู่ตี้โดยไม่ได้พูดอะไร
ซึ่งตัวของจ้านอู่ตี้นั้นก็อยากจะด่าทอชายหนุ่มยิ่งนัก ทว่าเขาก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ “ถ้าเจ้าไม่ทำร้ายทูตของข้า ป่านนี้สงครามก็คงจะสงบไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าตอนนี้เจ้าจะมาเอาอะไรอีก ?”
“ทูตของเจ้ามันเย่อหยิ่งเกินกว่าที่ข้าจะรับได้ ถ้าข้าไม่สั่งสอนสักหน่อยก็คงจะขายขี้หน้าน่าดู ถูกไหม ?” เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ส่วนเหตุผลที่ข้ามาเจอพวกเจ้า ก็เพราะอยากให้พวกเจ้าถอนทัพกลับไป !”
“ถอนทัพหรือ ? ไร้สาระ ! ทำไมเราต้องทำตามกัน ?” จ้านอู่ตี้โกรธจัดจนหน้าแดง
ถังหยินเมินอารมณ์ของอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ “พวกเจ้าไม่สนใจชีวิตของพวกตัวประกันเลยหรือ ? ขอเพียงแค่ข้ามีคำสั่ง พวกเขาก็จะหัวขาดในทันที และถ้าเกิดว่าทางแคว้นหนิงรู้เรื่องนี้เข้า พวกเจ้าจะเป็นยังไงต่อไปกัน ?”
สองพี่น้องตระกูลจ้านหน้าซีดในทันที ด้วยเรื่องที่พวกเขากังวลมันได้เกิดขึ้นจริงแล้ว !
ซึ่งเมื่อจ้านอู่ตี้ได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธจัดในทันที หากแต่ตัวเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่ใช้สายตาจ้องมองถังหยินแล้วกำหมัดอย่างเงียบ ๆ
ถังหยินกลอกตาแล้วพูดทีละขั้นตอน “ถ้าอ๋องแห่งแคว้นหนิงได้เห็นร่างไร้วิญญาณของน้องสาวเจ้าจอมของตัวเอง ลองคิดดูสิว่าพวกเจ้าจะโดนอะไรบ้าง ?”
“ถังหยิน อย่าให้มันมากเกินไปนัก…”
จ้านอู่ฉางมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ ในหัวของเขาตอนนี้ครุ่นคิดวิธีรับมืออยู่หลากหลายทางก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ถังหยิน ถ้าเจ้าสังหารตัวประกันล่ะก็ ข้าก็บอกไว้เลยว่าแผ่นดินเฟิงจะต้องนองเลือดอย่างแน่นอน !”
เมื่อผู้เป็นพี่ใหญ่เอ่ยออกมาแบบนั้นก่อน มันก็ทำให้จ้านอู่ตี้เริ่มได้ใจและพูดขึ้นบ้าง “ถูกต้องแล้ว ถ้าเจ้ากล้าฆ่าพวกเขาล่ะก็ ชาวเฟิงจะต้องตายมากกว่านั้นหลายเท่าแน่ !”
ไม่มีใครคิดว่าจ้านอู่ฉางจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่กลับได้ และถ้าเกิดว่าเขาทำตามที่บอกจริง ๆ มันก็จะต้องมีคนตายเป็นล้านแน่
ชายหนุ่มดูจะตะลึงเล็กน้อยกับคำพูดดังกล่าว ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา “จ้านอู่ฉาง คำพูดคำจาและความโกรธเกรี้ยวของเจ้าในวันนี้อาจทำให้ทุกอย่างพังลงมา เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ ? มันจะไม่ใช่แค่พวกเจ้าที่จะกลับไปไม่ได้เท่านั้นนะ หากแต่ทหารของพวกเจ้าก็ด้วยเช่นกัน !”
จ้านอู่ฉางเงยหน้าแล้วกล่าว “ถ้าเจ้าบีบให้ข้าเข้าตาจน มันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้วนอกจากสงคราม !”
ถังหยินสบตาเขา ประกายเย็บเฉียบเกิดขึ้นผ่านสายตาของทั้งคู่
ก่อนจะเป็นจ้านอู่ฉางที่พูดขึ้นก่อน “ถังหยิน เจ้าต้องการอะไรเพื่อแลกกับการปล่อยพวกเขาไป ?”
ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด “ให้กองทัพของเจ้าถอยกลับไปชายแดน แล้วข้าจะปล่อยไป”
จ้านอู่ฉางพอจะยอมรับในข้อเสนอนี้ได้ ด้วยเพราะขืนอยู่ต่อมันก็พานแต่จะย่ำแย่กันทั้ง 2 ฝ่าย “ก็ได้ แต่ถ้าพวกข้าทำตามแล้วเจ้าไม่ยอมปล่อยคนมาล่ะ ?”
“ข้ายึดมั่นในคำพูดอยู่แล้ว”
“แน่ใจนะ ?”
“ข้ายังพูดไม่จบ นอกจากจะถอยกลับไปแล้ว เจ้าก็ห้ามกลับมาเหยียบที่นี่ภายใน 10 วัน และหลังจาก 10 วันตามที่ตกลงกันไว้ ข้าก็จะปล่อยพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัย” ถังหยินพูดอย่างชัดเจน
“ไม่มีทาง !” จ้านอู่ฉางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ เพราะต้องอย่าลืมว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อสนับสนุนซ่งเวิน และถ้าหากเขารอไปอีก 10 วัน งั้นซ่งเวินก็น่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแล้ว !
เมื่อไม่อาจทำเช่นนั้นได้ จ้านอู่ฉางก็ลองกล่าวต่อรองออกมา “พวกเราชาวหนิงยึดมั่นในคำสัญญา ดังนั้นปล่อยพวกเขาก่อน แล้วเราจะถอนทัพกลับไปตามที่เจ้าบอกและจะไม่เข้ามาอีกภายใน 10 วัน!”
ถังหยินเชิดหน้าขึ้น “ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจข้า งั้นแล้วข้าเองก็เช่นกัน ไม่งั้นแล้วเอาแบบนี้เป็นไง ข้ายอมส่งคนให้เจ้าไปก่อน 4 คน แล้วจึงจะส่งที่เหลือกลับไปให้หลังจากผ่านไป 10 วัน”
จ้านอู่ฉางสูดลมหายใจ “เจ้าจะส่งใครมาก่อน ?”
“จางชู หมิงซวน ตู่เฟิง เฉินลี่” ทั้ง 4 คนนี้คือคนจากตระกูลขุนนางที่มีอำนาจสำคัญทั้งนั้น แต่สิ่งที่เขาต้องการคือไชยั่วหลิงมากกว่า
ถึงทั้งสี่จะสำคัญ แต่ยั่วหลิงนั้นสำคัญกว่า จ้านอู่ฉางครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับไป “ขอเพิ่มอีกสักคนได้หรือไม่ ?”
ถังหยินพูดตัดบททันที “ไม่ ! แค่ 4 คนเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่รับคำก็รอรับหัวพวกเขาได้เลย !”
จ้านอู่ฉางรู้สึกเกลียดชังใบหน้าที่เย่อหยิ่งราวกับกุมชัยชนะเอาไว้ได้ของถังหยินนัก
“ข้าคือผู้ปกครองมณฑลเทียนหยวน และข้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามที่ข้าต้องการ” ถังหยินยักไหล่ให้เป็นคำตอบ
เมื่อได้ยินคำนั้น จ้านอู่ฉางก็พลันก้มหน้าครุ่นคิดอีกครั้ง ด้วยอย่างน้อยการที่ช่วยทั้ง 4 คนนั้นมาได้ก่อนก็นับว่าดีมากแล้ว แต่ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคนที่เหลือล่ะ ? แบบนั้นพวกเขาคงไม่มีหน้าไปพูดคุยกับท่านอ๋องแน่ !
สุดท้ายจ้านอู่ฉางก็ต้องยอมรับอย่างจำใจ “ก็ได้ เอา 4 คนนี้มาก่อนก็ได้ แต่ข้าจะถอยทัพก็ต่อเมื่อได้ตัวพวกเขาทั้ง 4 คนมาเท่านั้นนะ !”
“ตกลง !” ถึง 10 วันจะเป็นเวลาที่ไม่นานนัก แต่อย่างน้อยมันก็มากพอที่จะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง !
เมื่อจ้านอู่ฉางได้ยินคำนั้น เขาก็พยักหน้า ก่อนจะกล่าวย้ำออกมา “เอาตามนั้น ! แล้วเจ้าจะปล่อยพวกเขาตอนไหนกัน ?”
“เย็นนี้เลยเป็นไง ?”
“เยี่ยมมาก ถ้างั้นข้าก็จะถอนทัพพรุ่งนี้เช้าเลย !”
ถังหยินและจ้านอู่ฉางทำข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อพวกเขาพูดคุยกันเสร็จ ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับไปยังฐานที่มั่นของตัวเอง
ในระหว่างทางนั่นเอง จ้านอู่ตี้ได้พูดอย่างหงุดหงิด “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าถังหยินเชื่อถือได้หรือ ? ท่านไปรับข้อตกลงของมันทำไมกัน ?”
“เจ้ายังกล้าพูดอะไรแบบนี้อีก ?” จ้านอู่ฉางหันมาชี้หน้าน้องชายตัวเอง “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าส่งเด็กพวกนั้นไป มันก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอก !”
จ้านอู่ตี้ถอยหลังกลับมาตามปลายนิ้วที่ผลักออก “เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว พี่ใหญ่จะบ่นทำไมอีก ? บ่นข้าไปพวกเขาก็ไม่กลับมาหรอก !”
เมื่อได้ยินคำนั้น จ้านอู่ฉางก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เขากัดฟันแน่น ก่อนจะพูดออกมาอย่างช้า ๆ “ถังหยินเชื่อใจได้ไหมข้าไม่รู้ แต่ข้าจะไม่ถอยแน่ ๆ!”
“หมายความว่าไง ?”
“คืนนี้เราจะเก็บข้าวของแล้วทำเหมือนว่าถอนทัพกลับไป และเมื่อพวกมันเปิดช่องโหว่ พวกเราก็จะเข้าโจมตีพวกมันทันที !”
“ข้าเข้าใจแล้ว ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง !” จ้านอู่ตี้กล่าวด้วยความมาดมั่น
จ้านอู่ฉางที่ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจพร้อมมองมายังน้องของเขาด้วยความสิ้นหวัง “ไม่ได้ เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าคือแม่ทัพใหญ่ในครั้งนี้ ดังนั้นเจ้าจึงจะต้องรักษาชีวิตกับหน้าตาตัวเองไว้ ส่วนหน้าที่นำทัพ ก็ปล่อยให้เป็นหลิงเปิงก็แล้วกัน”
“หา ?” จ้านอู่ตี้ไม่พอใจขึ้นมาทันที
หลิงเปิงคือแม่ทัพหน้าใหม่ในกองทัพหนิง และเพราะต้นกำเนิดของเขาเป็นโรนิน มันก็ทำให้ไม่มีใครชื่นชอบเขานัก ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงนิสัยชั่วร้ายของคนคนนี้ที่ทำให้ถูกขับไล่จากการเป็นโรนินนั่นอีก
แต่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดี หากทว่าพลังของเขาก็เก่งกาจพอสมควร จนทำให้ถูกพวกหนิงทาบทาม และได้เข้าร่วมกับกองทัพภายใต้การบัญชาการของพี่น้องตระกูลจ้าน
ได้ยินแบบนั้นจ้านอู่ตี้ก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน “จะให้คนแบบนั้นนำกองทหารเข้าร่วมรบหรือ ? พี่ใหญ่ ท่านบ้าแล้วหรือไง ?”
อันที่จริงจ้านอู่ฉางเองก็ไม่ต่างอะไรจากจ้านอู่ตี้ เขาเองก็ไม่ค่อยชอบใจหลิงเปิงมากนัก “งานนี้มีขึ้นเพื่อช่วยชีวิตตัวประกันไม่ใช่เพื่อต่อสู้ ถ้าเราส่งคนที่ไม่เหมาะสมไปก็อาจพลาดได้ ซึ่งตัวข้าก็มั่นใจเลยว่าถ้าเป็นหลิงเปิงละก็ เขาจะสามารถช่วยตัวประกันมาได้แน่ ๆ และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าเขาตายไปมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร”