ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 23
บทที่ 23
ถังหยินอยู่ในชุดเดียวกันกับพลทหารแคว้นหนิง และอีกฝ่ายก็ยังคงไม่รู้ว่าเขาเป็นศัตรู ความสามารถในการปรับตัวของชายหนุ่มสูงมาก ดังนั้นเขาจึงพูดแก้ตัวออกไปว่า “พวกมันแข็งแกร่งมาก ข้าเลยคิดจะซ่อนตัวก่อน”
“ซ่อน ? ” จมูกของทหารหนิงบิดเพราะความโกรธ “เจ้าขี้ขลาด คิดหนีจากการต่อสู้ ว่าตามกฎหมายกองทัพแล้วละก็…”
ถังหยินจะไปอารมณ์เสียเพราะคำพูดของเขาได้ยังไงกัน ? โดยไม่ทันให้พวกเขาพูดจบ ชายหนุ่มก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่ฟังเจ้าหรอกเจ้าบ้า !” ก่อนที่จะพูดจบเขาก็ชักดาบฟาดฟันศัตรู
การโจมตีมาโดยไม่ทันคาดคิด ทว่าพลทหารนายนั้นก็ยังสามารถป้องกันเอาไว้ได้ด้วยดาบเล่มที่ใหญ่กว่า
ดาบหักกลางอากาศจนเกิดเสียงที่ดังทะลุแก้วหู
ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะกันเอาไว้ได้ หากแต่นายทหารตรงหน้าก็ยังคงโดนลมพัดจนกรีดผิวของเขาจนเป็นแผล
ชายคนนั้นเอื้อมมือมาเพื่อรู้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง เมื่อศัตรูชักดาบของเขาออกมา ถังหยินก็รู้ได้ทันทีเลยว่าหมอนี่ไม่ใช่ทหารธรรมดา หากแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เช่นเดียวกัน
ที่แคว้นหนิง พวกเขานั้นสามารถระบุตัวตนของทหารได้เพียงแค่มองตราประจำตัว
แคว้นหนิงเป็นแคว้นแรกที่ก่อตั้งสถานศึกษาทางการทหารสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นมา ทั้งนี้ก็เพื่อรวบรวมกองกำลังเข้าสู่ศูนย์กลาง การกระทำนี้เป็นดั่งการเปิดประตูเข้าสู่แคว้นอย่างยิ่งใหญ่ มันช่วยให้เกิดการรวมตัวกันของผู้ฝึกยุทธ์มากมายหลากหลายทักษะได้รับการสืบทอด ทำให้แคว้นหนิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
แท้จริงแล้วลวดลายสีแดงเข้มบนเกราะอกของพวกหนิงก็คือสัญลักษณ์ของโรงเรียนนายทหารผู้ฝึกยุทธ์นั่นเอง มีเพียงถังหยินเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและเพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์
พวกหนิงใช้ดาบในการโจมตีได้ดุดันและโหดร้าย ทำให้ถังหยินไม่อาจป้องกันได้และต้องหลบเพียงอย่างเดียว
ขวับ!
ใบมีดไม่ได้สัมผัสเข้ากับตัวของถังหยิน ทิ้งไว้เพียงร่องรอยฉีกขาดเป็นรูบนกระโจมไว้เท่านั้น
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายทหารบริเวณนั้นก็ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มกำลังออกไปจากกระโจม แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำแบบนั้น ทหารที่ตามมาก็ตะโกนออกมาเสียก่อน “สายลับมันเข้ามาแล้ว!”
บ้าเอ๊ย! ถังหยินสบถในใจ เขาเกลียดที่พวกหนิงมันพยายามขัดขวางการหลบหนีของเขา ชายหนุ่มหยิบดาบที่ไว้ด้านหลังแล้วหยุดเคลื่อนไหว ก่อนจะแทงดาบเข้าใส่หน้าอกอีกฝ่าย
พวกหนิงเองก็ตอบโต้อย่างรวดเร็ว พลทหารนายนั้นเบี่ยงร่างกายหลบการโจมตีของถังหยินได้ แต่กลายเป็นว่ามีการโจมตีที่ซ้อนมาอีกชั้นหนึ่ง ทันทีที่เขาหลบ ถังหยินก็บิดข้อมือจนทำให้ดาบเหล็กปลิวหายไป
บัดซบ! ทหารหนิงเริ่มรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังขับคัน แต่มันก็สายเกินไปแล้วสำหรับเขาที่จะหลบมันเช่นกัน
เสียงการปะทะกันของอาวุธดังขึ้นต่อเนื่อง ดาบของถังหยินแทงทะลุหน้าอกของทหารหนิง แรงอันมหาศาลทำให้คมดาบผ่าร่างของเขาออก แม้ว่าร่างของนายทหารผู้นั้นจะยังคงยืนอยู่ หากแต่เครื่องในก็ได้หล่นลงมากองที่พื้นแล้ว
อ๊ากกก! เมื่อเห็นสหายร่วมทัพตายอย่างน่าสมเพช พวกทหารที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มหายใจติดขัด เพราะการโจมตีอันโหดร้ายของถังหยิน แถมคนที่ตายไปดันมีสัญลักษณ์ของโรงเรียนนายทหารผู้ฝึกยุทธ์ด้วย พวกเขาตกตะลึง แต่ถังหยินก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่นิ่ง ๆ หลังจากจัดการคนที่เก่งที่สุดได้แล้ว ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าหาคนอื่นต่อทันที
ดาบของถังหยินเร็วและเปรียบดังอสรพิษ ทหารธรรมดาไม่มีทางรับมือได้แน่นอน ทันทีที่พวกเขาปะทะกันพวกหนิงก็เริ่มถอยกลับ แต่หลังจากที่พวกหนิงล้มตายไปมากมาย มันก็ได้มีทหารอีกนับสิบเข้ามาแทนที่ ถังหยินสูดหายใจแล้วพุ่งออกไปอีกหลายจั้ง
จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีพวกหนิงถูกจัดการไปกี่คน แต่จำนวนของทหารที่เข้ามาก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย พวกเขามารวมตัวกันมากขึ้นและกลายเป็นว่ามีแต่ทหารหนิงล้อมตัวเขาไปหมดจนไม่มีทางหนีแล้ว
ด้วยทหารจำนวนมากแบบนี้ ต่อให้มีทักษะที่เก่งกาจแค่ไหนก็คงไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ ถังหยินพยายามใช้วิชาของเขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ชายหนุ่มรับมือกับนายทหารพวกนี้ได้ง่ายขึ้นเลย
ในตอนนี้พวกทหารหนิงก็เริ่มตะโกน “พวกเจ้า หลีกไปให้พ้น!”
หลังจากเสียงตะโกนทหารหนิงที่อยู่รายรอบ ถังหยินก็ถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีพวกแม่ทัพหนิงเดินเข้ามา แม่ทัพหนิงแต่งตัวในชุดเกราะหนา ตั้งแต่หัวจรดเท้า รองเท้าสีเงินสะท้อนแสงไปทั่ว หัวหน้าพวกเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ในอายุ 40
ชายอ้วนมองถังหยินอย่างเยือกเย็นแล้วมองลงไปที่ซากศพที่ปกคลุมพื้นดินและพูดอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือ พวกเฟิง งั้นหรือ?”
ใช้จังหวะที่พวกหนิงกำลังถอยออกไป ถังหยินสูดหายใจฟื้นฟูกำลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากได้ยินคำถามเขาก็ตอบกลับไป “ใช่แล้ว”
ชายคนนั้นพูดต่อ “ดูจากทักษะแล้ว เจ้าไม่น่าจะไร้นามน่ะ เอ่ยมันออกมา!”
“ถังหยิน!”
“ถังหยิน?” ชายผู้แข็งแกร่งขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ถังหยินหัวเราะ เพราะถ้าเกิดอีกฝ่ายเคยได้ยินก็คงจะแปลกมากแล้วล่ะ เขาแค่ซื้อเวลาให้ฟื้นฟูกำลังมากขึ้นเฉยๆ “เจ้าเป็นใคร?”
ชายร่างสูงและแข็งแรงพูดด้วยเสียงที่ดังก้อง “หยวนกุย”
ถังหยินจดจำการกระทำของอีกฝ่ายเมื่อครู่ แล้วก้มหัวครุ่นคิด ก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ข้าก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน”
ทันทีที่เขาพูด โดยรอบก็พากันส่งเสียงดังก้องด้วยความโกรธเกรี้ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังหยวนกุย พวกเขาพากันเดือดดาลประหนึ่งจะถลกหนังถังหยินออกมาทั้งเป็น
หยวนกุยเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นหนิง ชายผู้นี้มีตำแหน่งที่สูงมากและมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ยิ่งใหญ่หลายคน แต่ในเมื่อถังหยินมาจากต่างโลกและหยานหลี่เองก็มีชีวิตอยู่เมื่อ 500 ปีที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกหรอกที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อ
ครั้งนี้พวกหนิงได้มุ่งเน้นไปที่การทำลายแคว้นเฟิง ในศึกที่เฮอตง มันทำให้แคว้นเฟิงที่แข็งแกร่งกว่า 2 แสนนายแตกพ่ายไป เรื่องนั้นทำให้พวกหนิงตื่นเต้นเป็นบ้าเป็นหลัง หลังจากที่คว้าชัยชนะมาได้แล้ว พวกเขาก็ยังคงไม่ได้กลับไปยังเมืองหลวง หากแต่กลับเลือกที่จะมายึดครองประตูหน้าด่านตงแทน
ประตูหน้าด่านตงเป็นพื้นที่สำคัญของแคว้นเฟิง และเป็นประตูสู่ทางทิศตะวันตกของแคว้นเฟิง ถ้าหากถูกยึดครองโดยพวกหนิง มันย่อมถูกใช้เป็นจุดสั่งการใหญ่เพื่อเข้าโจมตีแคว้นเฟิงอย่างแน่นอน
แคว้นหนิงให้ความสนใจในการยึดครองประตูหน้าด่านตงเป็นอย่างมาก ทหารนับ 4 แสนเข้ามารวมพลกันที่ประตูหน้าด่าน และยังมีองค์ชายอีก 2 พระองค์มาคอยดูแลกำกับการรบ
องค์ชายที่มาองค์แรกนามว่า หยูเจี๋ย และอีกพระองค์คือ หยูฉาง ผู้มีสายเลือดเป็นลำดับที่ 3 ของแคว้นหนิง สำหรับองค์ชายหยูฉางนั้น เขาช่างผิดกับบรรดาเสด็จพี่ของพวกเขายิ่งนัก องค์ชายหยูฉางเกิดมาอ่อนแอและขี้ขลาด เขาไม่ได้มีความกล้าหาญเหมือนกับเสด็จพี่ของตนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าไม่ได้เป็นเพราะแคว้นหนิงต้องการจะครอบครองจุดยุทธศาสตร์นี้ เขาก็คงไม่มายังสนามรบแนวหน้าหรอก
ในฐานะองค์ชาย หยูฉางต้องได้รับการคุ้มครองจากกองทัพหนิง ซึ่งหยวนกุยก็คือหนึ่งในองครักษ์เขา มันเป็นความรับผิดชอบที่หยวนกุยไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะถ้าทำ ตำแหน่งของหยวนกุยคงถูกปลดเป็นแน่แท้
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่ได้จัดการจากทัพหลักของพวกเฟิง มันก็ได้ทำให้มีพวกทหารเฟิงกลุ่มเล็ก ๆ กระจายไปทั่ว เรื่องนี้มันทำให้หยวนกุยรู้สึกรำคาญใจ อย่างไรก็ตามหยูฉางเองก็รู้สึกดีใจด้วยเช่นกัน
ได้ยินคำพูดที่หยิ่งผยองของถังหยิน หนึ่งในแม่ทัพก็ได้ตะโกนออกมา “ไอ้สารเลวเอ๊ย! ข้าจะเด็ดหัวเจ้า!” ระหว่างที่พูด ชายผู้นั้นก็ชักดาบและตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปสู้กับถังหยิน
หยวนกุยโบกมือหยุดแม่ทัพผู้น้อยคนนั้น เขายิ้มให้กับถังหยินและพูดว่า “ถังหยิน เจ้าเข้ามาถึงใจกลางกองทัพเรา มันคงจะยากหากเจ้าจะหลบหนีออกไป ตอนนี้ เจ้าควรจะยอมแพ้ซะ”
ถังหยินหัวเราะและขัดจังหวะเขา “ถ้าอยากจะสู้ ก็เข้ามา”
หยวนกุยไม่ได้อารมณ์ดีในตอนแรก แต่หลังจากถูกกวนใจโดยถังหยิน ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ก็เริ่มโกรธ เขาเหยียดมือขวาออกแล้วพูดอย่างเยือกเย็น “ตอนแรกก็ว่าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากตายสินะ!”
ในขณะนั้นเอง มันก็ได้ทหารนายหนึ่งวิ่งมาหาเขาและส่งหอกสีเงินให้
หยวนกุยถือหอกด้วยมือเดียวเหยียดแขนไปข้างหน้า ชี้ปลายหอกตรงไปที่จมูกของถังหยิน
ชายผู้นั้นหยุดนิ่งไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใด ๆ ในสายตาของผู้คนรอบข้างหยวนกุยยืนนิ่งอยู่ที่นั่น แต่ถังหยินที่อยู่ต่อหน้า เขากลับรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เมื่อหอกเงินของหยวนกุยชี้มาที่ชายหนุ่ม แรงกดดันที่มองไม่เห็นก็พลันพุ่งออกไป อากาศรอบข้างดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้นอย่างกะทันหัน มันรุนแรงเสียจนทำให้ถังหยินหายใจไม่สะดวก
ช่างเป็นแรงกดดันที่แข็งแกร่ง!
ถังหยินมองที่หยวนกุยด้วยความไม่เชื่อ การฝึกฝนทางปราณมันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจซ่อนตัวอยู่ในกองทัพหนิงแบบนี้ สำหรับถังหยิน เวลาไม่กี่วินาทีกลับนานเท่าหลายศตวรรษ
ในที่สุดหยวนกุยก็เคลื่อนไหว มือข้างที่ถือหอกของเขาค่อย ๆ เดินไปที่ถังหยิน
นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาสามารถจัดการได้ในตอนนี้! ถังหยินตัดสินใจชัดเจนและเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างพลังของตนเองและหยวนกุยที่ห่างกันมากเกินไป ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะเอาชนะได้แน่
หากชายหนุ่มต้องการที่จะอยู่รอด เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนี!
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาถังหยินที่มีความคิดที่จะถอยหนีโดยไม่ต้องต่อสู้ แต่ตอนที่เขาต้องการที่จะล่าถอย ร่างกายของชายหนุ่มกลับไม่ได้ทำตามคำสั่งของเขาอีกต่อไป มันราวกับว่าร่างกายของเขาถูกผูกมัดด้วยห่วงที่มองไม่เห็น
หากเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ แล้วเขาจะไปสู้ได้ยังไงกัน? มือของถังหยินที่ถือดาบเริ่มสั่นคลอน สายตาของชายหนุ่มจ้องมองไปที่หยวนกุยที่กำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความสิ้นหวัง แม่ทัพใหญ่ยกหอกของเขาขึ้น และตั้งท่าจะแทงไปยังหน้าอกของถังหยิน
หลบ! เขาต้องหลบ! ถังหยินรู้สึกว่าแม้การโจมตีของอีกฝ่ายจะเชื่องช้า แต่ด้วยพลังมันน่าจะมหาศาลมาก อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะทะลุเกราะและร่างของเขาเป็นแน่
เมื่อปลายหอกแทงทะลุเกราะหน้าอกของถังหยิน ฉับพลันเสียงคำรามก็ดังออกมา ชายหนุ่มได้ใช้ความแข็งแกร่งในจิตวิญญาณเพื่อเรียกคืนร่างกายของตัวเอง
“ฉั๊วะ!”
น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของเขายังช้าไปครึ่งก้าว
ถึงแม้ว่าหอกของหยวนกุยจะไม่เจาะเข้าไปในหน้าอก แต่มันก็ยังแทงเข้าไปในซี่โครงซ้ายของเขาลึกเข้าไปด้านใน
ความเจ็บปวดที่เยือกเย็นซึ่งแทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม มันเจ็บปวดเสียจนทำให้ถังหยินร้องออกมา เขาไม่รู้ว่าร่างกายของเขาเอาพลังมาจากไหน แต่มันก็ทำให้ตัวเขาหลุดพ้นจากแรงกดดันแล้วหนีออกมาได้
แม้จะไม่มีข้อมูล แต่หยวนกุยเองก็รู้ว่าระดับพลังของ ถังหยินนั้นไม่ได้สูงมาก พูดตรง ๆ เลยก็คือเขาไม่คิดว่าชายคนนี้จะสามารถทลายแรงกดดันออกมาได้ แต่ในความเป็นจริง ถังหยินกลับสามารถหลุดจากแรงกดดัน และหลบการโจมตีได้ในช่วงวินาทีสุดท้าย
ชายหนุ่มจากแคว้นเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจถูกมองว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า แต่ถึงอย่างนั้นหยวนกุยก็มั่นใจถึงสิบส่วน ว่าเขาสามารถจัดการได้แน่
“เจ้าเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้วล่ะ!” หยวนกุยเย้ยหยันแล้วยกหอกพุ่งแทงเข้าใส่ถังหยินอีกครั้ง