ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 285
บทที่ 285
บทที่ 285
ดาบของถังหยินรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทำให้หลูฉิงเฟิงต้องเร่งเอาหอกขึ้นกั้นจนเกิดเสียงโลหะเสียดสี เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่สั่นสะท้านจนต้องอุทานออกมา เจ้าเป็นใคร ?
ถังหยิน ! ถังหยินโบกเคียวในมือ และในขณะที่เขาพูด เปลวไฟแห่งความมืดก็พลันก่อตัว เปลี่ยนเคียวให้กลายเป็นอาวุธปราณที่ลุกท่วมไปด้วยไฟสีดำ
เมื่อได้ยินชื่อถังหยิน ใบหน้าของหลูฉิงเฟิงก็พลันเปลี่ยนไป ด้วยเรื่องที่ถังหยินเข้ามาในเมืองเป็นการส่วนตัวเพื่อซุ่มโจมตีเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ! และเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็รีบถอยไปสองสามก้าวแล้วร้องตะโกนออกมาว่า ปล่อยน้ำมัน !
ตามคำพูดของเขา ถังน้ำมันก็ได้ถูกยิงออกมา ทว่ามันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ถังหยิน แต่กลับเป็นที่เฉิงจินและคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงปากทางเข้าเมือง !
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดประตูด้านหลังของเมืองจี๋ในเวลานี้ งั้นแล้วมีหรือที่ถังหยินจะปล่อยให้แผนต้องผิดพลาดไปจากเดิม ?!
เมื่อมองไปที่ถังน้ำมันที่บินอยู่ในอากาศ หัวใจของชายหนุ่มก็พลันเต้นรัว ก่อนร่างของเขาจะหายไปและปรากฏขึ้นกลางอากาศเข้าขว้างถังน้ำมันที่ลอยอยู่ จากนั้นถังหยินก็พลันโบกเคียวของเขาหลายครั้ง ทำให้เกิดเสียงแตกร้าวดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง และตามมาด้วยถังน้ำมันทั้ง 5 ที่ถูกทุบแตก ทำให้ของเหลวภายในเข้าปกคลุมทั่วร่างของชายหนุ่ม !
ตู้มมม !
หลังจากทำลายถังน้ำมันสำเร็จ ร่างของถังหยินก็พลันตกลงบนพื้นพร้อมด้วยเสียงอันดัง
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลูฉิงเฟิงก็รู้ได้ในทันทีว่าไม่ดีแล้ว ! วิชาสลับเงาของอีกฝ่ายทรงขี้โกงเกินไป ทำให้ถังน้ำมันไม่สามารถเข้าถึงเป้าหมายได้ !!!
ว่าแล้วดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้าง ในขณะที่ตะโกนออกไป ยิงต่อไป ย่างสดไอ้ถังหยินนั่นซะ !
คราวนี้กองทัพเปิงพากันขึ้นคันศร ก่อนจะโยนถังน้ำมันแล้วยิงธนูที่ติดเปลวไฟตามออกไปติด ๆ กัน !
มันง่ายสำหรับถังหยินที่จะหลบ แต่ถ้าเขาหลบ เฉิงจินและคนอื่น ๆ จะตกที่นั่งลำบาก เช่นเดียวกับประตูเมืองที่เปิดไว้จะถูกปิดกั้นด้วยทะเลเพลิง และด้วยไม่มีเวลามากพอที่จะคิดเรื่องนี้ ดังนั้นถังหยินจึงได้แต่กระโดดขึ้นไปแล้วทำลายถังน้ำมันที่ถูกขว้างมาก่อนที่จะตกลงพื้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำมัน ดังนั้นไม่ว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่กับธนูติดไฟร้อยกว่าดอกเขาคงไม่มีทางที่จะปัดไปจนหมดได้
โครม !
ฉึก ! ฉึก !
ถึงเขาจะสามารถทำลายถังน้ำมันได้ แต่ร่างกายของเขาก็โดนธนูไฟปักเข้าให้ ทำให้เปลวไฟเริ่มที่จะลามไปตามร่างกายของชายหนุ่ม
ฮะ ฮ่า !!
หลูฉิงเฟิงเห็นมันได้ชัดเจน จึงกล่าวออกมา ความตายมาถึงตัวเจ้าแล้ว ถังหยิน ! ว่าแล้วเขาโบกหอกปราณ สั่งการทหารอย่างบ้าระห่ำ ปล่อยลูกศรต่อไป ! เผาถังหยินให้เหี้ยนซะ !
อากาศรอบข้างถังหยินโดนเผาไหม้ไปหมดแล้ว ทำให้เขาเริ่มที่จะลืมตาไม่ขึ้น และด้วยแค่หายใจยังลำบากยากเข็ญ ! งั้นแล้วจะนับประสาอะไรกับการหลบลูกศร
ลูกศรบางลูกได้ติดระเบิดเอาไว้ และเมื่อมันปะทะกับเกราะปราณ แรงระเบิดก็พลันสร้างแรงส่งพลักร่างให้ถังหยินต้องถอยไปหลายก้าว เช่นเดียวกับพื้นที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำมัน ที่เกิดเปลวไฟลุกลามไปทั่ว
ไม่ว่าถังหยินจะแข็งแกร่งเพียงใด อีกฝ่ายก็ไม่สามารถทนต่อไฟได้ และถ้าหลูฉิงเฟิงสามารถฆ่าถังหยินได้ งั้นแล้วเขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนมากมายเป็นแน่ !
เฉิงจินและคนอื่น ๆ ที่เปิดประตูเมืองได้สำเร็จต่างหวาดกลัวจนวิญญาณออกจากร่าง …เมื่อพวกเขาเห็นถังหยินถูกกลืนหายไปในทะเลเพลิง
ว่าแล้วเฉิงจินก็ไม่รอช้า รีบใช้วิชาสลับเงาในทันทีโดยไม่ต้องคิด ก่อนเข้าคว้าผู้ที่ถูกเปลวเพลิงปกคลุมแล้ววิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับเขา แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไปได้ ธนูระเบิดของกองทัพเปิงก็ได้มาถึงเสียก่อน และถ้าใช้สลับเงาในตอนนี้ มันก็คงช้าเกินไป ดังนั้นเขาถึงได้แต่เอาตัวเองเป็นโล่กำบัง!!!
ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง !
หัวเหล็กของลูกศรพุ่งเข้าชนเกราะปราณของเฉิงจิน และทุกครั้งที่มันโดน ก็จะเกิดการระเบิดขึ้น ทำให้เกราะปราณค่อย ๆ สูญเสียพลังไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็มากเสียจนเฉิงจินนับไม่ไหวว่าตัวเองโดยไปกี่ดอกแล้ว !
ถึงตัวเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อฝนลูกธนูเช่นนี้ได้ ในที่สุดก็ถึงขีดจำกัดเกราะปราณ ทำให้มันสลายหายไปในที่สุด
ฉึก !
อ๊ากกกกกก เฉิงจินได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป และทิ้งตัวลง ก่อนจะเป็นในตอนนั้นที่คนในกลุ่มศรทมิฬจะรีบพุ่งเข้ามาพาตัวเจ้านายทั้งสองของพวกตนออกจากทุ่งสังหารนั่น
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าถังหยินถูกไฟคลอกจนตาย แล้วหลูฉิงเฟิงจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร ? ว่าแล้วเขาก็พลันตะโกนไปทั้งทางซ้ายและขวา ไล่ตามไป ! เด็ดหัวของถังหยินมาให้ข้าให้ได้ !
เขาสั่งให้ทหารไล่ล่าก็จริง แต่ทะเลเพลิงที่เผาไหม้อยู่ตรงหน้านั้นร้อนแรงเกินไป ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้เลยแม้แต่คนเดียว
พวกเจ้ารออะไรอยู่ ! หลูฉิงเฟิงก็ไม่สนใจคนอื่น ๆ รีบวิ่งเข้าไปในทะเลเพลิงในทันที
และเมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง เขาก็พบเข้ากับถังหยินที่ทั่วร่างปกคลุมด้วยลูกศรขนนกอินทรีที่กำลังถอยกลับไป ทำให้หลูฉิงเฟิงที่เห็นหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะกระโดดไล่ตามไปติด ๆ
ถ้าหลูฉิงเฟิงออกคำสั่งให้ปิดประตูเมืองในตอนนี้ เมืองจี๋จะแข็งราวกับเหล็กกล้าและเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไป แต่ในเวลานี้หลูฉิงเฟิงกำลังหมกมุ่นกับการตามล่าถังหยิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สั่งปิดประตูแต่อย่างใด
คนที่ลากถังหยินและเฉิงจินกลับมาไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ด้วยพวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดที่แข็งแกร่งของกลุ่มศรทมิฬ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าศัตรูกำลังไล่ตาม พวกเขาก็พลันส่งคนออกไป 5 คนเพื่อขัดขวางไม่ให้หลูฉิงเฟิงไล่ตามได้ !
หลูฉิงเฟิงไม่อยากที่จะเสียเวลากับพวกคนตรงหน้า เขาปล่อยหนามล่าวิญญาณออกไป ส่งมันทิ่มแทงเข้าใส่คนห้าคนที่พุ่งเข้ามาสู้กับเขาในทันที !!!
ทั้ง 5 คนใช้วิชาสลับเงาหลบหนามพลังปราณไปได้ ก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ หลูฉิงเฟิง แล้วจึงใช้มีดปราณในมือเข้าแทงจากทั้ง 3 เส้นทางที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละเส้นทางที่ว่าก็ล้วนแล้วแต่เล็งไปที่จุดตายของหลูฉิงเฟิง !
เจ้าพวกนี้ก็เป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ! หลูฉิงเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา เขาใช้เพลงหอกปัดป้องการโจมตีทั้งหมดออกไปได้ แล้วจึงกวัดแกว่งหอกตัดหัวของผู้ใช้พลังปราณมืดไปได้ 2 จาก 5 คน
แต่อีก 3 คนไม่ได้หยุดมือหรือลังเลแม้แต่น้อย พวกเขาเข้าโจมตีจากมุมอับอีกด้าน !
จุดเด่นของพลังปราณแห่งความมืดไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลัง แต่เป็นทักษะการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดที่จะทำให้คู่ต่อสู้สับสน ด้วยการเข้าถึงเป้าหมายซ้ายบ้าง ขวาบ้าง จากด้านบนบ้าง ด้านหลังบ้าง มันก็ทำให้หลูฉิงเฟิงปัดป้องอย่างพัลวันจนไม่สามารถที่จะจบการต่อสู้ลงได้อย่างรวดเร็ว
แต่ไม่นานนัก ผู้ติดตามของเขาก็มาถึงแล้วช่วยรับมือการโจมตีต่อเนื่องราวกับพายุคลั่งนี้
อีกด้านหนึ่งของค่ายทหารเทียนหยวน
ด้วยคำสั่งของชิวเจิ้น กองทัพทั้งหมดก็พลันเริ่มการโจมตีในทันที ทำให้มองเห็นกำลังจำนวน 1 แสนนายและทหารม้าเกราะหนัก เบสซ่ากว่า 3 หมื่นนายที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างเต็มกำลังโดยมีชัวน่าเป็นผู้นำกลุ่ม
แม้ว่าทหารม้าของเบสซ่าจะแข็งแกร่ง แต่ก็เชื่องช้ามาก ดังนั้นในขณะที่ชัวน่าเป็นผู้นำกลุ่ม หญิงสาวก็เห็นหน่วยทหารม้าเกราะเบาวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว !
ม้าของแคว้นโมเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความเร็ว และเมื่อเทียบกับม้าของเบสซ่าแล้ว ความได้เปรียบในเรื่องความเร็วมันก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
เดิมทีชัวน่าต้องการเป็นคนแรกที่รีบเข้าไปในเมืองจี๋ เพื่อรับถังหยินแต่เมื่อเห็นว่ามีคนมาชิงตัดหน้าไปก่อน นางก็เริ่มกังวล ก่อนจะชี้ไปยังพลทหารม้าที่กำลังควบขี่ผ่านไปข้าง ๆ แล้วร้องตะโกนว่า หยุด ! หยุด ! หยุดก่อน !
ทหารรู้สึกสับสนกับคำพูดของชัวน่า เขาถอยห่างออกจากขบวนอย่างรวดเร็ว และหยุดอยู่ตรงหน้าชัวน่าก่อนมองดูนางด้วยท่าทีแปลก ๆ
เพราะหญิงสาวไม่สามารถพูดภาษาเฟิงได้ นางจึงได้แต่ใช้ภาษามือในการสื่อสาร และหลังจากที่ขยับมือไปมาสักพัก ทหารม้าผู้นั้นก็ยังคงไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร ก่อนในท้ายที่สุด ชัวน่าจะลงจากม้าและดึงขาของทหารเพื่อบอกให้อีกฝ่ายลงมา พร้อมกับพึมพำออกมาอย่างเผด็จการ ขอม้าของเจ้าหน่อย !
ว่าแล้วชัวน่าก็เปลี่ยนไปควบขี่ม้านั่น และติดตามกองทัพทหารม้าเกราะเบาที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองจี๋ในพลัน !
เมื่อพวกเขากำลังจะเข้าไป พวกเขาก็พลันเห็นเข้ากับเปลวไฟที่ลุกโชน กับเฉิงจินที่บาดเจ็บหนักและกำลังถอนตัวออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น กองทหารม้าก็หยุดในทันที ก่อนเป็นกู่เยว่ อู่กวง จ้านหู กับพี่น้องชางกวนที่ลงจากหลังม้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว และตรงเข้ามาหาถังหยินก่อนถาม นายท่านปลอดภัยไหมขอรับ เกิดอะไรขึ้น ? ในขณะที่พวกเขากำลังพูด ทุกคนก็ช่วยกันดับเปลวไฟบนเกราะปราณของถังหยินไปด้วย
นายท่านถูกโจมตีจากธนูไฟของพวกมัน คนของกลุ่มศรทมิฬอธิบายสถานการณ์
นี่พวกเจ้าทำงานกันยังไง ?! หยวนเปียวผลักเหล่าคนที่มุงออก จากนั้นก็พาถังหยินกลับไปที่ค่าย
จนถึงตอนนี้ถังหยินก็ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ และเมื่อเขายกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย ทุกอย่างตรงหน้าก็กลายเป็นภาพมัว ๆ ไม่อาจมองได้อย่างชัดเจน ก่อนที่ความเจ็บปวดในดวงตาจะมาเยือน ทำให้ชายหนุ่มต้องหลับตาลง และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาอย่างไม่อาจควบคุม
ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย แล้วยกมือขึ้นแกว่งเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ไม่ต้องห่วง.. ข้า…. ไปจัดการ…. ให้เรียบร้อย…. !
นายท่าน ?
ข้าสั่งให้ไปจัดการเรื่องในเมืองจี๋ให้เรียบร้อย !! ถึงถังหยินจะมองไม่เห็น แต่หูของเขายังคงทำงานอยู่ ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงของหยวนเปียวที่อยู่ข้าง ๆ มือของเขาก็พลันชูขึ้นไปในอากาศแบบสุ่ม ๆ จนเข้าจับไหล่ของหยวนเปียวแล้วบีบแรง ๆ จากนั้นก็ทำการผลักอีกฝ่ายออกไป
หยวนเปียวเซถอยหลังไปสองก้าว ขณะที่น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วตอบว่า รับทราบ… ขอรับ !
ในขณะที่พูด หยวนเปียวก็ได้ขึ้นขี่ม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนลดศีรษะลงและเรียกคนของศรทมิฬรอบ ๆ ถังหยิน
ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด !
ในขณะที่พูด เขาก็ได้ยกหอกขึ้นชี้ไปข้างหน้าแล้วตะโกนว่า นายท่านออกคำสั่งมา… ให้ฆ่าให้หมด !
ฆ่าให้หมด !
ทหารม้าเกราะเบาพากันร้องตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ขาของพวกเขาจะกระทุ้งที่ท้องของม้าอย่างรุนแรง ส่งให้ทั้งขบวนรบพุ่งเข้าไปยังเมืองจี๋ด้วยความเร็วเต็มกำลัง !