ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 331
บทที่ 331
บทที่ 331
การเดินทางไปยังแคว้นโมของถังหยินดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะผ่านไปไม่ถึงสิบวัน แต่ผลกระทบที่เกิดกับแคว้นโมก็ยากที่จะประเมินได้
โดยไม่พูดอะไร ระหว่างทางถังหยินและคนอื่น ๆ ก็ได้ตามกองคาราวานของเจาจูออกจากชายแดนแคว้นโม จากนั้นก็กลับไปทางตะวันตกตามทางที่พวกเขามา
มันเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนแล้วที่ถังหยินจากไป และในช่วง 2 เดือนนี้ก็ได้มีบางสิ่งเกิดขึ้น อันดับแรกคือการตอบโต้ของแคว้นหนิง
ข่าวการสูญเสียเขตหน้าด่านประตูตงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแคว้นหนิง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นความโกลาหลที่ใหญ่ที่สุด เมื่ออ๋องหนิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ไม่ชักช้า รีบร้องสั่งให้แม่ทัพกงเจียนำทหาร 2 แสนนายมุ่งหน้าไปยังประตูตงและบุกยึดคือมาให้ได้ !
กงเจียรับคำสั่งนั่น เขานำกำลังทหาร 2 แสนนายของกองทัพหนิงออกจากเมืองเหลียงโจว พากันเดินทางอย่างเร่งรีบ และมาถึงประตูตงในเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น !
หลังจากกองทัพมาถึงเป้าหมาย พวกทหารหนิงก็เริ่มโจมตีโดยไม่หยุดพักแม้แต่นิดเดียว แต่ด้วยประตูทางตะวันตกมีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะตีแตกได้ ทำให้ กองทัพหนิงที่แข็งแกร่งกว่า 2 แสนนายได้รับความเสียหายจากกองทัพชานชุย …พวกเขาเสียคนไปมากกว่า 8 หมื่นนาย จนด้านนอกประตูตงมีศพกองเป็นภูเขา เช่นเดียวกับของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับน้ำป่าที่กำลังไหลหลาก
ทหารหนิง 2 แสนคนเข้าโจมตีเขตหน้าด่านเป็นเวลา 3 วัน อย่าว่าแต่บุกเข้าไปในนั้นได้เลย เพราะแม้แต่ทหารที่นำมาก็อยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมาก !
หลังจากวันที่ 4 ของการต่อสู้ เมื่อเห็นว่าพวกหนิงดูจะอ่อนแรงลง เหลียงฉีก็ไม่รอช้า หันไปสั่งให้หยวนยู่นำทหารม้าทั้ง 5 พันนายออกจากเมืองและเข้าโจมตีกองทัพหนิง !
หยวนยู่นำทหารม้าทั้ง 5 พันนายออกจากประตูตง พวกเขาเป็นดั่งมีดแหลมคมที่กำลังเสือกแทงเข้าไปในกองทัพศัตรูตรงหน้า !!!
การเข้ามาของหยวนยู่ทำให้กองทัพหนิงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แนวหน้าพ่ายแพ้ พวกทหารเหยียบย่ำกันเอง จนพวกเขานับไม่ถ้วนถูกเหยียบย่ำจนตาย
ก่อนที่ทหารม้าทั้ง 5 พันนายจะไล่ล่าอย่างต่อเนื่องไปจนถึงค่ายของศัตรู บีบให้พวกหนิงทิ้งการป้องกันและหนีตายออกมา
…หลังจากที่ไล่ตามศัตรูเป็นระยะทางกว่า 5 ลี้ ในที่สุดหยวนยู่ก็กลับมาพร้อมกับชัยชนะภายใต้คำสั่งของเหลียงฉีในที่สุด !
หลังจากการสู้รบ ทหารกว่าครึ่งของกองทัพหนิงก็ได้เสียชีวิต และไม่สามารถโจมตีประตูตงได้อีกต่อไป …กงเจียได้แต่นำกองทัพที่พ่ายแพ้กลับไปที่เหลียงโจว
เมื่อกงเจียกลับมาแบบนี้ คงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับเขา ด้วยไม่นานหลังจากนั้น ก็ได้มีแม่ทัพคนใหม่ที่ชื่อหมิงเสี่ยวเทียนนำกำลังทหารหนิงกว่า 2 แสงนายเข้ายึดประตูตงแทน !
หมิงเสี่ยวเทียนเป็นแม่ทัพคนเก่าแก่ของแคว้นหนิง เขาเป็นทหารเก่งกาจ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากอ๋องแคว้นหนิง และแม้ว่าคำสั่งจากส่วนกลางจะบอกให้เขารีบไปยังประตูตง ทว่าเขาก็ไม่ได้ออกคำสั่งให้โจมตีเขตหน้าด่านนี้ในทันที เขาเพียงสั่งให้กองทัพทั้งหมดตั้งค่ายและจัดระเบียบใหม่ โดยในขณะเดียวกันนั้น หมิงเสี่ยวเทียนก็ได้ส่งคนไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประตูตง
ครั้งนี้หมิงเสี่ยวเทียนเผชิญหน้ากับกองทัพเทียนหยวนเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ เขาระมัดระวังตัวมากและไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย เพราะลูกชายของเขาเคยเป็นนักโทษของกองทัพเทียนหยวนมาก่อน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีความประทับใจอย่างลึกซึ้งในฝีมือของกองทัพเทียนหยวน
เนื่องจากการป้องกันอย่างแน่นหนาของกองทัพชานชุยที่คอยคุ้มกันประตูตง แม้ว่าหมิงเสี่ยวเทียนจะส่งสายลับจำนวนมากออกไป แต่เขาก็ไม่พบข้อมูลที่มีค่าใด ๆ กลับมาเลย !
ดังนั้นเขาจึงรออยู่นอกประตูตงเป็นเวลา 10 วันเต็ม เพื่อรอให้เสบียงทั้งหมดมาถึง ก่อนที่จะเริ่มศึกแรก !
เครื่องขว้างหินภายในเขตหน้าด่านยิงก้อนหินขนาดใหญ่ออกมาเป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ก็ยังหน้าไม้ทำลายเมืองที่กองทัพชานชุยยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทัพหนิงได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และต้องถอยกลับมาในศึกแรก
หลังจากการโจมตีครานั้น หมิงเสี่ยวเทียนก็รู้ทันทีว่าศัตรูในประตูตงเตรียมพร้อมมาอย่างดี ทำให้ยากนัก ที่จะบุกยึดประตูตงในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ !
เมื่อเป็นเช่นนั้น มิงเสี่ยวเทียนเลยหันไปสั่งให้กองทัพทั้งหมดล่าถอยและป้องกันอยู่นอกเขตโจมตีทางทิศตะวันตกแทน ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งให้หน่วยม้าเร็วรีบกลับไปยังเหลียงโจวเพื่อรายงานท่านอ๋อง !
ซึ่งภายในรายงานนั้น มันก็ยังได้เขียนบอกไว้ว่าต้องการให้สองพี่น้องจ้านมาช่วยจากทางฝั่งเฟิง เพื่อบีบศัตรูจากทั้ง 2 ฝั่ง !
หลังจากเห็นรายงานนั่น อ๋องแคว้นหนิงก็ไม่รอช้า รีบออกราชโองการให้จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้มาช่วยหมิงเสี่ยวเทียนโจมตีประตูตงในทันที !
เมื่อสองพี่น้องตระกูลจ้านได้รับราชโองการ พวกเขาก็ไม่ชักช้าเช่นกัน รีบจัดทัพ เตรียมนำทัพของตนเข้าไปช่วยเสริมทัพที่ประตูตงในทันที !
เมื่อทราบเรื่องที่สองพี่น้องจ้านตั้งท่าจะนำกำลังทหารทั้ง 2 แสนนายออกไปจากเมืองหยาน มุ่งตรงเข้าตีเขตหน้าด่านประตูตง ซ่งเทียนก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที เขารีบออกจากวังไปหาสองพี่น้องตระกูลจ้านเป็นการส่วนตัว เพื่อขอให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ช่วยปกป้องเมืองหยาน
จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ที่เห็นอีกฝ่ายก็รู้สึกรำคาญ พวกเขาบอกปัดอ๋องแคว้นเปิงผู้อ่อนแอคนนี้ในทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด !
…เมื่อพวกหนิงเดินทัพออกไป ไม่ต้องพูดถึงซ่งเทียน แม้แต่พวกทหารและแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็พากันกลัวจนตัวแข็ง พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ด้วยถ้าไม่มีกองทัพหนิงที่อยู่เคียงข้างเพื่อช่วยปกป้องเมืองหยาน แล้วพวกเขาที่เหลือจะยังคงมีความมั่นใจที่จะป้องกันกองทัพเทียนหยวนได้อย่างไร ?
ความรู้สึกตื่นตระหนกแพร่กระจายไปทั่ว และยิ่งกับพวกทหารที่ถูกซ่งเทียนบังคับเกณฑ์ด้วยแล้ว พวกเขาก็ยิ่งย่ำแย่และหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ จนทำให้ทั้งกองทัพเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้วในตอนนี้ !
สำหรับจ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ ในขณะนี้พวกเขาก็กำลังนำทหารทั้ง 2 แสนคนพุ่งไปทางตะวันออก จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูตง และเข้าขนาบควบคู่กับหมิงเสี่ยวเทียนที่อยู่ด้านตะวันตก ทำให้กองทัพชานชุยที่เฝ้าประตูตงต้องเผชิญหน้ากับทหาร 4 แสนนายของกองทัพหนิงจากทั้งหน้าและหลัง !
อย่างไรก็ตาม เหลียงฉีกลับยังคงสามารถรักษาความเย็นไว้ได้ เขาทำการสั่งให้ทหาร 8 หมื่นนายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกมีกำลัง 5 หมื่นที่นำโดยหยวนยู่ เข้าไปดูแลประตูตงด้านตะวันออกเพื่อป้องกันกองทัพ 2 แสนคนที่นำโดยพี่น้องจ้าน
และในขณะเดียวกัน ตัวของเหลียงฉีก็ได้นำกำลังพล 3 หมื่นนายเข้าป้องกันทางด้านตะวันตก เพื่อต้านทานกองทัพหนิงจำนวน 2 แสนนายที่นำโดยหมิงเสี่ยวเทียน !
เนื่องจากประตูตงคั่นกลางเอาไว้ หมิงเสี่ยวเทียน จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้จึงไม่สามารถพบหน้ากันได้ ดังนั้นพวกเขาใช้พิราบสื่อสารในการนัดแนะแทน และเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ …ทหารหนิงทั้ง 4 แสนนายก็ไม่รอช้า เข้าโจมตีประตูตงจากทั้งสองด้านในทันที !
ตามแผนของหมิงเสี่ยวเทียน การต่อสู้ในครั้งนี้จะต้องเป็นศึกตัดสิน !!!!!
การต่อสู้ที่ดุเดือดในครั้งนี้ไม่สามารถอธิบายได้อีกต่อไปว่านองเลือดหรือโหดร้าย ประตูตงกลายเป็นเครื่องบดเนื้อขนาดยักษ์กลืนกินชีวิตของทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ดำเนินไปตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่น และภายใต้การป้องกันอย่างสิ้นหวังของกองทัพชานชุย ทหาร 4 แสนนายของกองทัพหนิงก็ทำได้เพียงหยุดอยู่นอกกำแพงหน้าด่าน ห่างไปไม่ถึงครึ่งก้าว !
เมื่อเห็นว่ากองทัพหนิงกำลังจะเข้าโจมตี หยวนยู่ก็ไม่รอช้า รีบส่งมอบอำนาจบัญชาการให้กับนายทหารคนหนึ่ง ก่อนจะนำกองกำลังทหารม้าของเขาเองออกจากประตูตงไป โดยใช้ประโยชน์จากเวลากลางคืน เพื่อบุกเข้าไปในค่ายของกองทัพหนิง !
จ้านอู่ฉาง จ้านอู่ตี้ และลูกน้องถูกการโจมตีอย่างกะทันหันของหยวนยู่ ทำให้พวกเขาจำต้องถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ !
เนื่องจากท้องฟ้ามืดเกินไป พวกทหารที่อยู่แนวหลังจึงไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนและยังคงรุกต่อไป ทำให้การล่าถอยในครั้งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย พวกเขาต่างก็โจมตีซึ่งกันและกัน จนเกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
การต่อสู้ที่หน้าประตูตงทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่ว จ้านอู่ตี้จึงไม่อาจชักช้าได้อีก รีบพุ่งไปข้างหน้าทันที ทว่าในขณะที่มาถึงนั่นเอง เขาก็ได้สวนทางกับหยวนยู่ที่กำลังวิ่งเข้ามา และเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ไม่รอช้า เข้าปะทะกันโดยไม่แม้แต่จะทักทายกันในชั่วพริบตานั้นเลย !
จ้านอู่ตี้เป็นแม่ทัพกล้าหาญที่มีความสามารถในการต่อสู้เทียบได้กับหลิงอู่ที่ติดอันดับหนึ่งในสามของแคว้นหนิง ซึ่งเมื่อเทียบกับหยวนยู่ที่กล้าหาญและเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เขานั้นยังคงห่างไกลจากฝ่ายตรงข้ามมากนัก หลังจากที่ทั้งสองต่อสู้กันมานานกว่า 20 กระบวนท่า จ้านอู่ตี้ก็ทำได้เพียงปัดป้องการโจมตี และไม่มีโอกาสแม้แต่จะสวนกลับ !!
…เมื่อเห็นคู่ต่อสู้กำลังจะวิ่งหนี ชายเลือดร้อนก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปในในทันที ด้วยหยวนยู่รู้ดีว่าจ้านอู่ตี้เป็นหนึ่งในแม่ทัพคนสำคัญ ดังนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือ !
ทั้งสองวิ่งไล่กันผ่านแนบรบกองทัพหนิงอันกว้างใหญ่
แม้ว่าระยะเวลาที่จ้านอู่ตี้ดึงความสนใจของหยวนยู่นั้นจะไม่นาน แต่ฝ่ายหนิงก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ทำให้พวกเขามีเวลามากพอที่จะตั้งรับ และวางกับดักไว้รอการมาถึงของหยวนยู่ !!!
หลังจากนั้นไม่นาน ม้าศึกของหยวนยู่ก็ได้สะดุดล้มลงกับพื้น ทำให้พวกหนิงที่รออยู่พุ่งเข้าใส่ในทันที ทว่าสิ่งที่รอการมาถึงของพวกเขากลับไม่ใช่สิ่งใดอื่น ด้วยมันคือคลื่นปราณที่เข้าตัดแขน ขา และลำตัวทั้งหมดของคนโดยรอบ !