ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 443
บทที่ 443
บทที่ 443
ถังหยินเดาแผนของอีกฝ่ายออกเพราะมูฉิง ดังนั้นเขาจึงหันไปถามคนต้นคิดว่า “มูฉิง เจ้าคิดว่าพวกมันจะลอบโจมตีเราคืนนี้หรือ ?”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไป จ้านอู่ตี้ ฮ่าวจ้าว เจี๋ยนฟานกับทุกคนจะต้องมาพร้อมกันแน่นอน”
ถังหยินยิ้มมุมปากแล้วพูด “นี่เป็นโอกาสดีเลยที่พวกเราจะจัดการเด็ดหัวแม่ทัพพวกนั้น !”
“ถูกต้องแล้วนายท่าน” มูฉิงพยักหน้าให้
ถังหยินถามอีกครั้ง “เจ้ามั่นใจมากเลยสินะ ?”
“แน่นอนนายท่าน ตอนนี้พวกมันมีโอกาสเดียวที่จะชนะเรา และนั่นก็คือวิธีนี้เท่านั้น เพราะว่าพวกเรามีทุกอย่างที่นี่ ดังนั้นถ้าพวกมันทำสำเร็จ มันก็จะพลิกสถานการณ์ทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง !!”
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่กู่เฟิงนำทัพขึ้นทางเหนือสินะ ?” ถังหยินถาม
“ถูกต้อง” จีหยิงหยักหน้าให้ “ข้าเห็นด้วยกับความคิดของมูฉิง”
ถังหยินกลอกตาแล้วเอนเก้าอี้ไปมา ก่อนจะหยุดลงแล้วยิ้มให้ “ในเมื่อพวกมันอยากจะเล่นสกปรกกับเรา เราก็จะให้มันทำไปก่อน เบื้องหน้าเราจะทำเป็นเดินทัพไป จากนั้นจึงค่อยทำการซุ่มโจมตีเอาไว้ซ้อนแผนพวกมันอีกทีหนึ่ง ถ้าพวกมันไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพวกมันมาล่ะก็จบแน่ !”
มูฉิงกับจีหยิงก้มหัวให้ “นายท่านช่างหลักแหลมยิ่ง”
ถังหยินหยิบแผนที่ออกมาวางบนโต๊ะแล้วเรียกให้ทั้งสองเข้ามาดู “ข้าจะจัดกองกำลังซุ่มเอาไว้รอบ ๆ บริเวณนี้ จะได้ปิดทางหนีพวกมันเอาไว้ทั้งหมด”
ทั้งสามวางแผนกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จากนั้นถังหยินจะสั่งทหารด้านนอกให้ไปเรียกตัวหยวนยู่มา
ไม่นานนักเจ้าตัวก็เข้ามาถึง และเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เขาก็พลันทำหน้าสงสัยก่อนเดินเข้าไปหาถังหยิน “นายท่านเรียกข้าหรือ ?”
ถังหยินมีท่าทีเคร่งขรึม เขาไม่ตอบคำใด แต่เลือกที่จะหยิบลูกธนูจากโต๊ะขึ้นมาพร้อมตะโกนเสียงเข้ม “หยวนยู่จงรับคำสั่ง !”
ชายเลือดร้อนตะลึงก่อนจะรู้ตัวแล้วรีบคุกเข่าลงกับพื้น “รับทราบ !”
“ข้าจะมอบทหารให้เจ้า 2 หมื่นนายสำหรับการเฝ้าระวังภายในค่ายค่ำวันนี้ !”
“หา ?” หยวนยู่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “นายท่านจะให้ข้าอยู่ที่ค่ายหรือ ?”
ถังหยินชี้ไปที่เก้าอี้ “นั่งตรงนี้แหละ !”
เก้าอี้นี้คือที่นั่งของถังหยิน ดังนั้นมันจึงทำให้หยวนยู่ยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ห้ามถามอะไรทั้งนั้น ทำตามคำสั่งของข้า !”
ในห่วงเวลานี้หยวนยู่มึนงงไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เพราะการที่เจ้านายของเขามอบทหาร 2 หมื่นนายและสั่งให้นั่งอยู่ในค่ายโง่ ๆ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ?!
ทว่าถังหยินกลับไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ ชายหนุ่มเพียงพูดต่อไปว่า “ที่ค่ายหลักแห่งนี้ ถ้าหากเจ้าเจอศัตรูล่ะก็ …จงจัดการพวกมันให้สิ้น อย่าได้ยั้งมือแม้แต่น้อย เข้าใจหรือไม่ ?”
ข้าไม่เข้าใจโว้ย ! หยวนยู่สบถในใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังแบบนั้นเขาก็ไม่กล้าถามให้มากความ
“ทำตามที่บอกซะ !”
“รับทราบ !” หยวนยู่รับคำก่อนที่จะเดินออกไป
จากนั้นถังหยินก็เรียกหาหยวนอู่กับหยวนเปียวพร้อมกับมองกองทหารจำนวนเดียวกันนี้ให้ไปซุ่มโจมตีทางด้านซ้ายของค่าย ซึ่งตัวเขาก็ได้พูดแบบเดียวกับที่เคยบอกหยวนยู่ เพื่อให้ทั้งพวกเขาทั้งหมดเข้าใจตรงกันว่าถ้าเจอศัตรูก็ต้องกำจัดให้สิ้น !
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการที่ถังหยินสั่งให้จ้านหูและเฉิงจินที่ยังบาดเจ็บอยู่ทำการซุ่มโจมตีด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มถ่ายทอดคำสั่งลับทั้งหมดไป โดยสรุปได้ว่าพวกพี่น้องฉางกวงจะซุ่มอยู่ที่ด้านปีกขวาและซ้ายกับมูฉิงและจีหยิง นอกจากนั้นพวกทหารที่เหลือจะซุ่มรออยู่ที่ประตูทางเข้าค่ายเพื่อตัดเส้นทางหนีของพวกศัตรู
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ถังหยินก็ถึงกับถอนหายใจด้วยโล่งอกและหันไปถามมูฉิงกับจีหยิง “พวกเจ้ามีอะไรเพิ่มเติมหรือมีปัญหาใดอยากบอกข้าหรือไม่ ?”
“นายท่านช่างหลักแหลมและเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นมั่นใจยิ่ง ดังนั้นข้าจึงคิดว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน” มูฉิงพูดอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะมีใครแย่งไป
ส่วนจีหยิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่าย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แย้งอะไรออกมา ถังหยินจึงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนพูด “ถ้าพวกเราเข้าไปในเมืองจางหยูและจับตัวซ่งเทียนได้ พวกเราจะจบสงครามครั้งนี้ได้หรือไม่ ?”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน “ข้าคิดว่าพวกเราจะต้องชนะสงครามนี้อย่างแน่นอนขอรับ !”
ถังหยินหรี่ตาแล้วยิ้มให้ มือของเขากำแน่นอย่างไม่รู้สาเหตุ…
บรรยากาศทางฝั่งเมืองจางหยูนั้นถือว่าหนักหน่วงพอตัว หลังจากกู่เฟิงสู้และแพ้ไปตามแผนของเขาจนทำให้ถูกจับได้ อีกฝ่ายก็ต้องทำการล่อให้พวกเทียนหยวนเข้าตีทางเหนือของเมืองด้วยวิธีการที่ไม่น่าสงสัย และถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี บางทีศึกครั้งนี้ก็อาจเปลี่ยนทุกอย่างไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็เป็นได้ !!!
เมื่อดวงอาทิตย์กำลังปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า จ้านอู่ฉางก็พลันขึ้นไปบนหอคอยเพื่อดูพวกเทียนหยวน ก่อนที่เขาจะต้องพบกับความผิดหวังเมื่ออีกฝั่งไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ภาพตรงหน้านั้นทำให้จ้านอู่ฉางได้แต่กังวล พลางเริ่มคิดว่ากู่เฟิงคงทำหน้าที่ไม่สำเร็จเป็นแน่ …จนแม้กระทั่งถึงเวลากินข้าวเขาก็ยังไม่ลงจากหอคอยด้วยกังวลใจไม่อาจปล่อยวางได้เลย
ก่อนที่ทันใดนั้นซ่งเทียน จ้านอู่ตี้ เสี่ยวฉาง ฮ่าวจ้าว เจี๋ยนฟานและทุกคนจะมาหาเขาพร้อมเอ่ยถาม “แม่ทัพจ้านอู่ฉาง พวกเทียนหยวนเป็นยังไงบ้าง ?”
จ้านอู่ฉางที่ได้ยินคำนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย
เมื่อทราบแบบนั้น ก็เป็นซ่งเทียนที่กลืนน้ำลายแล้วพยายามพูดปลอบ “ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ท่านแม่ทัพ ไม่มีใครกล้าโจมตีกันตอนกลางวันแสก ๆ หรอก บางทีเราอาจต้องรอไปจนถึงกลางคืน”
ก่อนจะเป็นจ้านอู่ตี้ที่เดินออกมา “ท่านพี่ไม่ว่าพวกมันจะกินเบ็ดหรือไม่ แต่พวกเราก็ต้องกินข้าวนะ !”
คำพูดของผู้เป็นน้องทำให้จ้านอู่ฉางหัวเราะออกมา ทว่าในใจลึก ๆ นั้นเขากังวลยิ่ง เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มีความหมายมากเกินไป ด้วยถ้าหากมันไม่สำเร็จ พวกเขาก็คงหมดหวังที่จะได้กลับแคว้นหนิง !
ทันใดนั้นเจี๋ยนฟานที่อยู่อยู่หน้าสุดก็ได้มองออกไปพร้อมกับตะโกนออกมา “พวกมันหลงกลเราแล้ว พวกมันกำลังเดินทัพไปทางเหนือ !”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ตกใจ พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางค่ายของพวกเทียนหยวนด้วยความสงสัย ทว่าพวกเขากลับไม่เห็นความผิดปกติใดเลยแม้แต่น้อย …นี่เจี๋ยนฟางคิดล้อเล่นหรือไงกัน ?
ทุกคนต่างก็ล้วนคับข้องใจ ก่อนที่จ้านอู่ฉางจะเป็นคนแรกที่พูดขึ้น “แม่ทัพเจี๋ยนฟาน เจ้ารู้ได้ยังไง ?”
“ข้าเองก็ไม่เห็นเหมือนกัน” ซ่งเทียนพูดเสริมขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจี๋ยนฟานจึงหันไปก้มหัวให้ซ่งเทียน “ฝ่าบาท แม่ทัพจ้าน ต่อให้พวกเทียนหยวนไม่เคลื่อนทัพใหญ่ในเวลานี้ แต่ข้ามั่นใจว่าพวกมันกำลังเตรียมเข้าโจมตีทางเหนืออย่างแน่นอน เชิญดูได้เลย”
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปยังขบวนเสบียงที่กำลังถูกขนขึ้นไปทางเหนือพร้อมกับกองทหารที่กำลังเดินขึ้นไปในทิศเดียวกันนั้น ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างก็ตะลึง
ทว่าด้วยระยะห่างมันไกลมาก จึงทำให้ซ่งเทียนที่ไม่มีวิชายุทธ์มองไม่เห็นสิ่งใด และต่อให้เขาพยายามเพ่งมองขนาดไหน มันก็ไม่อาจเห็นในสิ่งที่เจี๋ยนฟางว่ามาได้เลย…